พอดีลูกพี่ลูกน้องอายุห่างกันประมาณ20ปีเขาอยู่กันพ่อ แม่ ลูก เปิดบริษัทเป็นของตัวเองแล้วได้ชวนเรามาทำงานด้วยเหมือนให้มาช่วยงานเขา โดยที่เราต้องมาอยู่บ้านเขาเพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วยายฝากให้เขาดูแล แต่เรื่องมีอยู่ว่า ในรั้วบ้านส่วนหน้าจะเป็นบริษัทข้างหลังเป็นบ้าน เขาให้เราอยู่บ้านหลังเก่าของเขากับแมวที่เขาเลี้ยงไว้ แล้วเขาจะอยู่บ้านหลังใหญ่ เราเตรียมของใช้ทุกอย่างมาจากบ้านทั้งหมดรวมไปถึงเครื่องครัวไว้ทำอาหาร แต่พี่ชายเขาไม่ให้ทำกินเองบอกให้ไปกินกับเขาที่บ้านใหญ่ ช่วง2สัปดาห์แรกที่มาอยู่ก็ใช้ชีวิตตื่นมาทำงาน กลางวันไปกินข้าวที่บ้านใหญ่ บ่ายเดินไปทำงาน ตอนเย็นมีช่วยอุ้มแมวกลับมาไว้บ้านที่เราอยู่บ้างเป็นบ้างวันวนมาจนครบ2สัปดาห์ อยู่มาวันหนึ่งพี่ไลน์มาบอกว่าให้ลองไปถามภรรยาเขาว่ามีอะไรให้ช่วยทำไหม ด้วยความที่เรามาอาศัยเขาอยู่เราเลยไปบอกกับภรรยาพี่ว่าเราจะช่วยดูแลแมวเขาเองเช่นเก็บแมวจากบริษัทเข้าบ้าน เอาข้าว เอาน้ำให้ เก็บอึฉี่แมวทุกวันเช้า-เย็น เรื่องก็มาเกิดจากเราต้องกินข้าวกับเขาทุกวันกลางวันและเย็น แล้วกับข้าวไม่ถูกปากก็เลยบอกเขาไปว่าตอนเย็นไม่กินขอไปกินแค่กลางวัน แต่อยู่มาวันหนึ่งเรากลับไปกินข้าวกลางวันปกติแต่ข้าวเป็นข้าวกล่องซึ่งมีทั้งหมด7กล่องเราก็เลยหยิบมากิน1กล่องพอเรากินได้ไม่กี่คำ ภรรยาของพี่ทักมาว่าทำไมมากินข้าวของลูกเขา วันนี้ไม่ได้หุงข้าวทำกับข้าวพี่ชายเราไม่ได้บอกเราหรอว่าให้หากินเอง ตอนนั้นเราไม่รู้ เรากินไปแล้วจะเอาไปคืนก็ไม่ได้เลยขอโทษเขาไป เราอึดอัดเลยไประบายกับเพื่อนในที่ทำงาน เพื่อนที่ทำงานเลยชวนเราไปกินชาบูหลังเลิกงาน เราเลิกงาน5โมงเย็นทำภาระกิจเก็บแมวจนเสร็จก็เกือบจะ6โมง ออกไปกินชาบูกับเพื่อนที่ทำงานกลับมา3ทุ่ม พอผ่านมาอีกหนึ่งวันภรรยาพี่มาบอกว่าไม่ชอบให้ออกไปค่ำมืดถ้าอยากออกให้ออกแค่วันหยุดตอนกลางวัน ไม่อยากให้ไปสุงสิงกับเพื่อนร่วมงานเพราะเขาเป็นแค่ลูกจ้าง ตอนนี้เราลำบากใจมากพี่ชายก็ไม่ช่วยพูด ภรรยาเขายังไปบอกให้ยายเรามาว่าเราเพราะเรากลับบ้านดึกออกไปกับเพื่อนพนักงานยายเราหาว่าเราไว้ใจพนักงานเกินไปไม่กลัวพวกเขาบ้างหรอ แต่เราเข้ามาทำงานก็ตำแหน่งพนักงานเหมือนกับคนอื่นๆ ตอนนี้เราไปไหนหลัง1ทุ่มไม่ได้ ไปไหนให้บอก แล้วก็จับตามองเรากับพนักงานคนอื่นตลอดเวลาว่าเราไปนั่งคุยกับพนักงานคนอื่นไหม ตอนนี้เราอายุ28ปี เราควรทำอย่างไรดีคะ
อาศัยอยู่บ้านญาติ