เราคบกับแฟนมาได้เป็นปีแล้ว ไปมาหาสู่กันบ่อยๆเพราะแฟนเรียนมหาลัย เรื่องมันมีเยอะแยะไปหมดจนเราเก็บมาคิดมาก อยากให้ช่วยหาทางออกให้เราหน่อยว่าควรทำยังไงดี เริ่มจาก ส่วนใหญ่เวลาเราไปกินข้าวหรือขนมที่ไหนกันส่วนใหญ่เราจะเป็นคนจ่ายตลอดเพราะเราเห็นว่าแฟนขับรถ บางทีเราสแกนจ่ายเองเพราะแฟนไม่ค่อยพกกระเป๋าตัง แฟนก็ไม่ได้โอนเราก็ไม่ตาม บางทีแฟนอยากกินหมูทะ เราก็ชวนพ่อแม่เราไปด้วยแล้วให้แฟนขับรถพาไปเพราะบ้านเราไม่มีรถแล้วไม่มีใครขับเป็น ทุกคนแฮปปี้แล้วเราก็เลี้ยงเพราะถือว่าพาครอบครัวมากินข้าวกัน จนมาวันนึงตอนที่เรานั่งอยู่บนรถ แฟนพูดขึ้นมาว่า ไม่น่าไปเรียนขับรถเลย เนี่ยเพื่อนแฟนอะนะมันฉลาด บ้านมันรวยนะแต่มันไม่ยอมเรียนขับรถเพราะถ้ามันเรียนมันต้องขับรถให้คนอื่น แต่ถ้ามันไม่เรียน คนอื่นต้องมาขับรถให้มัน เราน้ำตาร่วงเลย เพราะแฟนเคยบ่นก่อนหน้านี้แล้วว่าทำไมไม่ยอมไปเรียนขับรถซักทีจะได้ไปทำใบขับขี่มาขับให้ แต่เราก็ไม่มีเวลา แล้วต้องนั่งรถเข้าตัวเมืองถึงจะมีสถานที่เรียน พอได้ยินแฟนพูดแบบนั้นเราก็บอกว่าขอโทษนะที่บ้านไม่ได้มีรถมาให้ฝึกขับพาเธอไปไหนมาไหนได้ เราเสียใจที่ครอบครัวเราดีกับเขามาตลอด แม่ก็ทำกับข้าวให้แฟนกินทุกอย่างตามที่แฟนอยากกิน แต่กลับมาคิดเล็กคิดน้อยใส่กัน แล้วถึงเราจะขับรถยนต์ไม่เป็น เวลาปกติที่ไปไหนใกล้ๆ แฟนก็จะซ้อนท้ายเราไปตลอด ไม่ว่าจะอยากกินน้ำปั่น เราไม่เคยคิดว่าโดนเอาเปรียบเลยแต่ทำไมแฟนถึงคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น
ต่อมา ตอนที่เราเป็นโควิท เราอยู่กับแฟนแล้วตรวจเจอ ตอนนั้นเราอาการออกคนเดียวทั้งเป็นไข้ลุกไม่ขึ้น ต้องสั่งเดลิเวอรี่มาส่ง เราก็ถามแฟนว่าจะกินอะไรมั้ยเพราะต้องกักตัวด้วยกัน อยากให้ช่วยดูแลกัน เราก็สั่งมากินหาร2กันเราก็ไม่คิดมาก ทีนี้อีกวันพอเราตื่นขึ้นมาด้วยความปวดหัว เราเจอแฟนนั่งกินข้าว เราก็พูดว่าสั่งข้าวหรอ ทำไมไม่ถามเลย จะฝากสั่งเพราะเวียนหัวมาก สรุป แฟนบอกว่าไม่อยากให้เราไปใช้คนละครึ่งของแฟน เลยแอบสั่งคนเดียว เราอึ้งมากตอนนั้นว่าคิดขนาดนี้เลยหรอ เราถามไป แฟนตอบมาว่า ก็แฟนเรียนมหาลัยอยู่ ไม่ได้ทำงานแล้วแบบเรานะ เราก็เลยไม่รู้ว่าเรามีสิทธิ์งอนมั้ย
เราเคยทะเลาะกันเพราะหลายๆเรื่อง จนเราบอกเลิกกัน แล้วเราก็พูดไปว่าเสียดายเนอะ ยังมีอีกหลายที่เลยที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน คือเราคิดแค่ว่ายังไม่ได้ใช่เวลาที่อยากจะใช้ด้วยกันอีกเลย แฟนก็ตอบกลับมาว่า " ไม่ได้ดีใจนะ ก็แค่อยากให้พาไปเที่ยว " เราเหมือนโดนโยนลงจากหน้าผา แบบเห้ย คิดไปแบบนั้นได้ยังไงอะ เสียใจจนทุกวันนี้เลย ความจริงเรายังไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ก็ได้ เพราะมันคือภาระก้อนใหญ่แล้วเราเพิ่งเรียนจบมาทำงานแล้วถ้าไปเรียนขับรถตอนนี้แล้วพอแฟนกลับบ้าน เราก็จะไม่ได้ขับรถบ่อยๆมันก็จะลืม แต่พอเป็นแบบนี้เราก็ไม่อยากโดนดูถูกเราถึงอยากซื้อรถมือ 2 ไม่ให้ต้องไปพึ่งพาใครมากนัก
หลังจากนั้นเราก็คบกันต่อ เราก็ไปหอแฟนเอางานไปนั่งทำเพราะเป็นฟรีแลนซ์ ตอนนั้นวันที่2ที่เราไปอยู่ งานมันเร่งเลยไม่ได้ทำความสะอาดห้อง เรากังวลอยากให้งานนี้จบไปก่อน แฟนกลับมาก็โมโห บอกว่าไม่ช่วยกันเลย แล้วยังบอกว่า อ๋อ ที่บ้านไม่ค่อยใช้งานอะดิ คือเราพาแฟนไปบ้าน ไปกินข้าวกับครอบครัว เพื่อให้แฟนเอามาพูดแบบนี้
อีกอย่างที่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับแฟน แต่อาจจะใจร้ายสำหรับเรา คือตอนนั้นเราทะเลาะกันใหญ่โตร้องห่มร้องไห้กัน แล้วพอเริ่มเงียบกันแฟนก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ และไปร้องเพลงในห้องน้ำเป็นอัลบั้ม เรางงมากในขณะที่เรานั่งร้องไห้อยู่ข้างนอก พอแฟนออกมา เราถามแฟนว่าทะเลาะกันขนาดนั้นเสียใจจริงปะเนี่ย ทำไมไปร้องเพลงในห้องน้ำ (เพราะเราแอบโกรธด้วยที่อยู่ๆก็อารมณ์ดีเฉยเลยทั้งที่ยังไม่ถึง5นาที) แฟนบอกว่า ก็เขาไม่อยากเศร้านานอะ เป็นคนไม่ชอบให้ตัวเองเศร้า เลยหาอะไรทำให้มีความสุข โอเค เราคิดว่ามันดีแหละ แต่ต้องแสดงออกให้เราเห็นขนาดนี้เลยหรอ บางทีทะเลาะกันอยู่ในสาย พอเราพูด เขาก็ตัดสายใส่เลย แล้วมาบอกเหตุผลว่าไม่อยากให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้เลยตัดสาย
ที่เล่ามานั่นเป็นส่วนนึง ( ลืมบอกว่า เราเป็นแฟนคนแรกของแฟน แต่แฟนไม่ใช่แฟนคนแรกของเรา) ที่เราจะถามคือเราควรจะไปต่อมั้ย, แฟนมองเราเป็นคนรักจริงรึป่าว? (เพราะไปถามเขา เขาก็ต้องตอบว่ารักอยู่แล้ว แต่คนรักกันจะคิดอะไรเล็กน้อยกันทุกเม็ดแบบนี้หรอเราก็ไม่แน่ใจ) เพราะตอนแรกเราให้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแต่มันเหมือนเขาไม่ได้คิดแบบเรา คือเป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ด้วย แต่พอเจอแฟนทำอะไรแบบนี้ก็เริ่มคิดมากว่าเราเป็นอะไรกัน
และตอนนี้ถึงความสัมพันธ์จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว ในอนาคตถ้าจะมีบ้านอยู่ด้วยกัน เรากลัวจะมีปัญอีก แล้วเราก็เป็นพวกจำทุกคำที่ทำให้เสียใจได้ด้วย เราเลยไม่ได้วางใจให้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนตอนแรกแล้ว แต่ที่ผ่านมาเรื่องดีๆมันก็มี ปกติของคนเป็นแฟนกัน แล้วที่บ้านเราคือรู้หมดเลยว่านี่แฟน เราพามารู้จัก ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ (เราจ้างรถไปไม่ได้ให้แฟนขับไป) พ่อกับแม่ถึงกับบอกว่ารักแฟนเหมือนลูกเลย แต่แฟนไม่บอกอะไรเรื่องเราให้ที่บ้านรู้เลย ถึงขนาดว่า ถ้าเอ่ยชื่อเรา ที่บ้านแฟนจะงงกันหมดว่าคือใคร เราไม่มีตัวตนแม้แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อน เพราะแฟนกลัวแม่กับพ่อจะว่าแล้วไม่ส่งเงินให้ เพราะเราเป็นผญทั้งคู่ เราก็ทำใจยอมรับ ตอนนี้จะ3ปีแล้วที่คบกัน แฟนเรียนจบแล้วแต่จะไปเวิร์คที่อเมริกาต่อ 4 เดือน ก็ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ว่ามีแฟน เพราะกลัวเขาไม่ให้เงินใช้ ในอนาคตถ้าเราจะไปต่อ มันจะเป็นไปได้มั้ย เรามองหนทางไม่ค่อยออกจริงๆ
แฟนเห็นแก่ตัว หรือเราเองที่ผิด?
ต่อมา ตอนที่เราเป็นโควิท เราอยู่กับแฟนแล้วตรวจเจอ ตอนนั้นเราอาการออกคนเดียวทั้งเป็นไข้ลุกไม่ขึ้น ต้องสั่งเดลิเวอรี่มาส่ง เราก็ถามแฟนว่าจะกินอะไรมั้ยเพราะต้องกักตัวด้วยกัน อยากให้ช่วยดูแลกัน เราก็สั่งมากินหาร2กันเราก็ไม่คิดมาก ทีนี้อีกวันพอเราตื่นขึ้นมาด้วยความปวดหัว เราเจอแฟนนั่งกินข้าว เราก็พูดว่าสั่งข้าวหรอ ทำไมไม่ถามเลย จะฝากสั่งเพราะเวียนหัวมาก สรุป แฟนบอกว่าไม่อยากให้เราไปใช้คนละครึ่งของแฟน เลยแอบสั่งคนเดียว เราอึ้งมากตอนนั้นว่าคิดขนาดนี้เลยหรอ เราถามไป แฟนตอบมาว่า ก็แฟนเรียนมหาลัยอยู่ ไม่ได้ทำงานแล้วแบบเรานะ เราก็เลยไม่รู้ว่าเรามีสิทธิ์งอนมั้ย
เราเคยทะเลาะกันเพราะหลายๆเรื่อง จนเราบอกเลิกกัน แล้วเราก็พูดไปว่าเสียดายเนอะ ยังมีอีกหลายที่เลยที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน คือเราคิดแค่ว่ายังไม่ได้ใช่เวลาที่อยากจะใช้ด้วยกันอีกเลย แฟนก็ตอบกลับมาว่า " ไม่ได้ดีใจนะ ก็แค่อยากให้พาไปเที่ยว " เราเหมือนโดนโยนลงจากหน้าผา แบบเห้ย คิดไปแบบนั้นได้ยังไงอะ เสียใจจนทุกวันนี้เลย ความจริงเรายังไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ก็ได้ เพราะมันคือภาระก้อนใหญ่แล้วเราเพิ่งเรียนจบมาทำงานแล้วถ้าไปเรียนขับรถตอนนี้แล้วพอแฟนกลับบ้าน เราก็จะไม่ได้ขับรถบ่อยๆมันก็จะลืม แต่พอเป็นแบบนี้เราก็ไม่อยากโดนดูถูกเราถึงอยากซื้อรถมือ 2 ไม่ให้ต้องไปพึ่งพาใครมากนัก
หลังจากนั้นเราก็คบกันต่อ เราก็ไปหอแฟนเอางานไปนั่งทำเพราะเป็นฟรีแลนซ์ ตอนนั้นวันที่2ที่เราไปอยู่ งานมันเร่งเลยไม่ได้ทำความสะอาดห้อง เรากังวลอยากให้งานนี้จบไปก่อน แฟนกลับมาก็โมโห บอกว่าไม่ช่วยกันเลย แล้วยังบอกว่า อ๋อ ที่บ้านไม่ค่อยใช้งานอะดิ คือเราพาแฟนไปบ้าน ไปกินข้าวกับครอบครัว เพื่อให้แฟนเอามาพูดแบบนี้
อีกอย่างที่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับแฟน แต่อาจจะใจร้ายสำหรับเรา คือตอนนั้นเราทะเลาะกันใหญ่โตร้องห่มร้องไห้กัน แล้วพอเริ่มเงียบกันแฟนก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ และไปร้องเพลงในห้องน้ำเป็นอัลบั้ม เรางงมากในขณะที่เรานั่งร้องไห้อยู่ข้างนอก พอแฟนออกมา เราถามแฟนว่าทะเลาะกันขนาดนั้นเสียใจจริงปะเนี่ย ทำไมไปร้องเพลงในห้องน้ำ (เพราะเราแอบโกรธด้วยที่อยู่ๆก็อารมณ์ดีเฉยเลยทั้งที่ยังไม่ถึง5นาที) แฟนบอกว่า ก็เขาไม่อยากเศร้านานอะ เป็นคนไม่ชอบให้ตัวเองเศร้า เลยหาอะไรทำให้มีความสุข โอเค เราคิดว่ามันดีแหละ แต่ต้องแสดงออกให้เราเห็นขนาดนี้เลยหรอ บางทีทะเลาะกันอยู่ในสาย พอเราพูด เขาก็ตัดสายใส่เลย แล้วมาบอกเหตุผลว่าไม่อยากให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้เลยตัดสาย
ที่เล่ามานั่นเป็นส่วนนึง ( ลืมบอกว่า เราเป็นแฟนคนแรกของแฟน แต่แฟนไม่ใช่แฟนคนแรกของเรา) ที่เราจะถามคือเราควรจะไปต่อมั้ย, แฟนมองเราเป็นคนรักจริงรึป่าว? (เพราะไปถามเขา เขาก็ต้องตอบว่ารักอยู่แล้ว แต่คนรักกันจะคิดอะไรเล็กน้อยกันทุกเม็ดแบบนี้หรอเราก็ไม่แน่ใจ) เพราะตอนแรกเราให้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแต่มันเหมือนเขาไม่ได้คิดแบบเรา คือเป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ด้วย แต่พอเจอแฟนทำอะไรแบบนี้ก็เริ่มคิดมากว่าเราเป็นอะไรกัน
และตอนนี้ถึงความสัมพันธ์จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว ในอนาคตถ้าจะมีบ้านอยู่ด้วยกัน เรากลัวจะมีปัญอีก แล้วเราก็เป็นพวกจำทุกคำที่ทำให้เสียใจได้ด้วย เราเลยไม่ได้วางใจให้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนตอนแรกแล้ว แต่ที่ผ่านมาเรื่องดีๆมันก็มี ปกติของคนเป็นแฟนกัน แล้วที่บ้านเราคือรู้หมดเลยว่านี่แฟน เราพามารู้จัก ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ (เราจ้างรถไปไม่ได้ให้แฟนขับไป) พ่อกับแม่ถึงกับบอกว่ารักแฟนเหมือนลูกเลย แต่แฟนไม่บอกอะไรเรื่องเราให้ที่บ้านรู้เลย ถึงขนาดว่า ถ้าเอ่ยชื่อเรา ที่บ้านแฟนจะงงกันหมดว่าคือใคร เราไม่มีตัวตนแม้แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อน เพราะแฟนกลัวแม่กับพ่อจะว่าแล้วไม่ส่งเงินให้ เพราะเราเป็นผญทั้งคู่ เราก็ทำใจยอมรับ ตอนนี้จะ3ปีแล้วที่คบกัน แฟนเรียนจบแล้วแต่จะไปเวิร์คที่อเมริกาต่อ 4 เดือน ก็ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ว่ามีแฟน เพราะกลัวเขาไม่ให้เงินใช้ ในอนาคตถ้าเราจะไปต่อ มันจะเป็นไปได้มั้ย เรามองหนทางไม่ค่อยออกจริงๆ