คือถ้าคนบอกว่าอยากมีอนาคต อนาคตชีวิคคู่สวยงาม ยังไงก็มี 2 อย่างคือ จิตใจและเงินทอง ส่วนอื่นมันก็ปัจจัยที่ ใช้เงินทองจ่ายอยู่ดีเลยจับรวมกันให้เหลือ 2 อย่าง อาจจะมีครอบครัวมายุ่งบ้าง แล้วแต่ครอบครัวอีกแหละ
เอาแค่คน 2 คนจะได้กัน ขอใช้คำนี้ได้ไหม 555 ปัจจัยก็จะมีแค่ ความรู้สึกและเงินทอง ทำไมไม่ลอง สลับคำถามที่เราต้องเจอในชีวิตมาถามก่อนคนละเวลาดูหละ
ปกติคือ รักมากจนอยากแต่งงาน แล้วก็มาดูเรื่องเงินทองความมั่นคงฝากชีวิตได้ไหม เปลี่ยนมาเป็น มีอนาคตไหมนะตั้งแต่ตอนนั้น แล้วตอนก่อนแต่งก็ไปดูเลยว่า รักหมดใจไหมจนถวายหมดตัวไหม มันดูเหมือนไม่น่ายากนะ แค่กลับฝั่งของลำดับคำถามเอง
ไม่ต้องถึงขั้นถามเงินเดือนแค่รู้ว่าทำอาชีพอะไรเงินเดือนก็เหมือนบอกมาเป็นนัยๆแล้ว
ถ้าสังคมไทยคงยากหน่อย ถ้ายังติดอยู่ในสโคปของแนวคิดไทยเดิม "อย่ามองหรือหวังใครที่เงินทอง" ซึ่งอยากให้วางมันไปก่อน เพราะความคาดหวังเราไม่ใช่เงินทองเพื่อมาใช้ส่วนตัว แต่คืออนาคตชีวิตคู่ที่ดี มันคนละคอนเซ็บกันเลย
มองว่าถ้า 2 ชีวิตจะร่วมหอลงโรง หาบ้านสักหลัง โจทย์มาแล้ว บ้าน 1 หลัง ของแบบนี้ยังไงมีไว้ก็มีประโยชน์ถ้าอยากแยกออกมาใช้ชีวิตคู่ส่วนตัว แล้วมีบ้านพ่อแม่อีกหลัง อยู่ 3 คน พ่อแม่ลูก
แล้วทำไงถ้าคู่ชีวิตเราช่วยหาเงินซื้อบ้านไม่ได้เลยตลอดชีวิตการทำงาน ทำไงหละครับ ของแบบนี้ตอบด้วยความรู้สึกผมว่าตอบไม่ได้เลยนะ มีแต่ใจซื้อบ้านไม่ได้นะครับ เพราะมันต้องจ่ายด้วยเงินสด เพราะถ้าบ้านสัก 5 ล้าน
คนทำงานเงินเดือน 80 K 2 คนมาเจอกัน กินใช้ 30 K เหลือเก็บ 50 K แบบบ้าๆ เก็บอย่างเดียวเลย ระหว่างดูใจกัน ไม่เกิน 10 ปีมันได้บ้านแล้วนะครับ ยังไม่ทันจะโดนไล่ออกตกงานเลย แล้วอาชีพพวกนี้ถ้าคุณรู้ว่าเขาทำงานอะไร เราก็จะรู้ด้วยว่าโซนเงินเดือนเขาจะราวๆ เท่าไหร่ มันจะลดสโคปในการค้นหาลงไปเยอะมากๆ
ถ้าไม่ได้เงินเดือนขนาดนี้ให้ลองเอาเงินเดือนรวมกันดู ก็น่าจะรู้ว่าหาอนาคตได้ขนาดไหน อดทนนานขนาดไหน มันดูตอบคำถามได้ไวมาก คนนี้อย่างน้อยเรื่องเงิน ก็ไม่ต้องคิดวางใจได้มีเงินเก็บ แล้วไปคุยกันแค่เรื่องนิสัยใจคออย่างเดียวเลยจะหวานเสื้อผ้าหลุดก็เอาเลย แล้วแต่นิสัยคน
บางคนจุดนี้คงมองว่า บ้าปะมันไม่ง่ายขนาดนั้นปะใครจะเอาเงินเดือนมาให้กันได้ง่ายๆ งั้นผมเลยยกตัวอย่าง ให้คุณนึกถึงวงการ เมียยึดเงินผัว อ่าเราก็จะรู้เลยว่า ใช่ครับ มันมีคนทำแน่นอนในสังคมนี้ถ้าได้แต่ง
ลองมโนแนวทางชีวิตการจีบก็แตกต่างกันแน่ๆ แต่เหมือนดูจะไว้วางใจเรื่องหน้าที่การงานได้ไวกว่า ก็เพราะตอบคำถามได้ไวกว่าก็มันเห็นมันถามกันง่ายๆ โง่ๆนี่แหละ วางแนวคิดบางอย่างลง เพื่อเอาข้อมูลที่มันก็สำคัญเหมือนกันมาตอบว่า คนนี้ผ่านแล้วนะเรื่องการเงิน ก็โฟกัสแค่นิสัยใจคอเลย ยังไงคบไปได้ไม่นานก็มีอยากรู้อยากถามอยู่ดีอะครับว่าคนที่เราคุยเขาทำอะไร จริงไหมหละ
คิดดีๆข้อดี มันดูดีกว่ามาก คือเหมือนคุณจะรู้อนาคตได้ไวกว่า ตัดสินใจได้ไวกว่า เหลือแค่ด่านสุดท้ายคือ ด่านชิงหัวใจ ไม่รู้ละบางคนมีแต่ใจแต่กว่าจะได้ใจก็ลำไยจะตาย จริงไหมหละ
แต่ถ้าคุณเล่นด้วยกฎเดิมๆ มองด้วยใจก่อน พอใจไม่ชอบ หรือ ชอบหมดใจ เรื่องมาก กว่าจะได้ไปด่านต่อไป เอ้าไร้อนาคตเงินเดือนหรือเงินทอน ซึ่งตัวอย่างก็ยังมีให้เห็นเสมอ แถมเสียเวลาลงใจไปแล้วด้วย คบ 4-6 ปี อนาคตไม่กระดิกเลย
ฟังดูน่าเกลียดที่ทำไมต้องอยากรู้อาชีพ อยากรู้เงินเดือนทำไม แต่ถ้าเรามีเหตุว่าจริงๆเราไม่ได้อยากได้เงิน แต่เราอยากมีอนาคตร่วมกันได้แน่ๆกับคุณ พูดด้วยทัศนคติที่ร้ายกาจฉลาดร้ายปากหวานมากแม่ มันก็เป็นข้อเสียด้านมารยาทตามแบบฉบับไทยๆ
แต่ถ้าคิดแบบฉบับไทยจริงๆ ถ้าบอกคนไทยบอกว่าศีลเสมอกัน เงินเดือนมันก็ควรจะใกล้กัน ฐานะ หลายๆอย่างก็ต้องใกล้กันอยู่ดีอะ ไม่ใช่แค่มีแต่ใจอย่างเดียวที่เท่าแต่อย่างอื่นไม่ได้เลยสักกะอย่างแต่หวังสูงเกิน มันก็น่าจะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยาก
เวลานั่งเบื่อๆ ชอบหาอะไรคิดฉีกกฎเดิมๆ และ ส่วนตัววางความรู้สึกได้ เพราะเหตุผลส่วนตัวสูงปี๊ดทะลุเพดานห้อง ทำงานสายโปรแกรมเมอร์ ลอจิคมันสูง งานแบบนี้ใช้อารมณ์ทำอย่างเดียวไม่ได้งานไม่เสร็จ ต้องรู้จักวางอารมณ์เป็นแล้วก็ทำงานให้ได้งาน
เห็นหลายคนพอมันมีปัญหามากสิ่งให้ถามให้เช็ค แล้วต้องมาปรับนั่นนู่นนี่มันน่าจะเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าเราลดปัญหาด้วยการถามคำถามให้ถูกจังหวะ คนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำหรือมี growth mindset มันก็น่าจะเป็นคนที่ นิสัยดีแล้วมีอนาคตปูไว้แล้วนะ พวกอาชีพก็น่าจะตอบคำถามจุดนี้ได้ด้วย
แต่เงื่อนไขนี้คนถามก็ต้องมีระดับที่ มีความพยายาม มีเหตุผล มีอนาคตมาด้วยนะ เพราะไม่งั้นคงโดนมองว่า คบคนหวังเงินแน่ๆทั้งๆที่ตัวเองไม่ดีเลย
มีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ อยากหาเรื่องราวพูดคุยแชร์ไอเดีย
อยากชวนคุยเรื่อง ถ้าเลือกคนคบด้วย อาชีพ และ เงินเดือน คิดเห็นยังไง
เอาแค่คน 2 คนจะได้กัน ขอใช้คำนี้ได้ไหม 555 ปัจจัยก็จะมีแค่ ความรู้สึกและเงินทอง ทำไมไม่ลอง สลับคำถามที่เราต้องเจอในชีวิตมาถามก่อนคนละเวลาดูหละ
ปกติคือ รักมากจนอยากแต่งงาน แล้วก็มาดูเรื่องเงินทองความมั่นคงฝากชีวิตได้ไหม เปลี่ยนมาเป็น มีอนาคตไหมนะตั้งแต่ตอนนั้น แล้วตอนก่อนแต่งก็ไปดูเลยว่า รักหมดใจไหมจนถวายหมดตัวไหม มันดูเหมือนไม่น่ายากนะ แค่กลับฝั่งของลำดับคำถามเอง
ไม่ต้องถึงขั้นถามเงินเดือนแค่รู้ว่าทำอาชีพอะไรเงินเดือนก็เหมือนบอกมาเป็นนัยๆแล้ว
ถ้าสังคมไทยคงยากหน่อย ถ้ายังติดอยู่ในสโคปของแนวคิดไทยเดิม "อย่ามองหรือหวังใครที่เงินทอง" ซึ่งอยากให้วางมันไปก่อน เพราะความคาดหวังเราไม่ใช่เงินทองเพื่อมาใช้ส่วนตัว แต่คืออนาคตชีวิตคู่ที่ดี มันคนละคอนเซ็บกันเลย
มองว่าถ้า 2 ชีวิตจะร่วมหอลงโรง หาบ้านสักหลัง โจทย์มาแล้ว บ้าน 1 หลัง ของแบบนี้ยังไงมีไว้ก็มีประโยชน์ถ้าอยากแยกออกมาใช้ชีวิตคู่ส่วนตัว แล้วมีบ้านพ่อแม่อีกหลัง อยู่ 3 คน พ่อแม่ลูก
แล้วทำไงถ้าคู่ชีวิตเราช่วยหาเงินซื้อบ้านไม่ได้เลยตลอดชีวิตการทำงาน ทำไงหละครับ ของแบบนี้ตอบด้วยความรู้สึกผมว่าตอบไม่ได้เลยนะ มีแต่ใจซื้อบ้านไม่ได้นะครับ เพราะมันต้องจ่ายด้วยเงินสด เพราะถ้าบ้านสัก 5 ล้าน
คนทำงานเงินเดือน 80 K 2 คนมาเจอกัน กินใช้ 30 K เหลือเก็บ 50 K แบบบ้าๆ เก็บอย่างเดียวเลย ระหว่างดูใจกัน ไม่เกิน 10 ปีมันได้บ้านแล้วนะครับ ยังไม่ทันจะโดนไล่ออกตกงานเลย แล้วอาชีพพวกนี้ถ้าคุณรู้ว่าเขาทำงานอะไร เราก็จะรู้ด้วยว่าโซนเงินเดือนเขาจะราวๆ เท่าไหร่ มันจะลดสโคปในการค้นหาลงไปเยอะมากๆ
ถ้าไม่ได้เงินเดือนขนาดนี้ให้ลองเอาเงินเดือนรวมกันดู ก็น่าจะรู้ว่าหาอนาคตได้ขนาดไหน อดทนนานขนาดไหน มันดูตอบคำถามได้ไวมาก คนนี้อย่างน้อยเรื่องเงิน ก็ไม่ต้องคิดวางใจได้มีเงินเก็บ แล้วไปคุยกันแค่เรื่องนิสัยใจคออย่างเดียวเลยจะหวานเสื้อผ้าหลุดก็เอาเลย แล้วแต่นิสัยคน
บางคนจุดนี้คงมองว่า บ้าปะมันไม่ง่ายขนาดนั้นปะใครจะเอาเงินเดือนมาให้กันได้ง่ายๆ งั้นผมเลยยกตัวอย่าง ให้คุณนึกถึงวงการ เมียยึดเงินผัว อ่าเราก็จะรู้เลยว่า ใช่ครับ มันมีคนทำแน่นอนในสังคมนี้ถ้าได้แต่ง
ลองมโนแนวทางชีวิตการจีบก็แตกต่างกันแน่ๆ แต่เหมือนดูจะไว้วางใจเรื่องหน้าที่การงานได้ไวกว่า ก็เพราะตอบคำถามได้ไวกว่าก็มันเห็นมันถามกันง่ายๆ โง่ๆนี่แหละ วางแนวคิดบางอย่างลง เพื่อเอาข้อมูลที่มันก็สำคัญเหมือนกันมาตอบว่า คนนี้ผ่านแล้วนะเรื่องการเงิน ก็โฟกัสแค่นิสัยใจคอเลย ยังไงคบไปได้ไม่นานก็มีอยากรู้อยากถามอยู่ดีอะครับว่าคนที่เราคุยเขาทำอะไร จริงไหมหละ
คิดดีๆข้อดี มันดูดีกว่ามาก คือเหมือนคุณจะรู้อนาคตได้ไวกว่า ตัดสินใจได้ไวกว่า เหลือแค่ด่านสุดท้ายคือ ด่านชิงหัวใจ ไม่รู้ละบางคนมีแต่ใจแต่กว่าจะได้ใจก็ลำไยจะตาย จริงไหมหละ
แต่ถ้าคุณเล่นด้วยกฎเดิมๆ มองด้วยใจก่อน พอใจไม่ชอบ หรือ ชอบหมดใจ เรื่องมาก กว่าจะได้ไปด่านต่อไป เอ้าไร้อนาคตเงินเดือนหรือเงินทอน ซึ่งตัวอย่างก็ยังมีให้เห็นเสมอ แถมเสียเวลาลงใจไปแล้วด้วย คบ 4-6 ปี อนาคตไม่กระดิกเลย
ฟังดูน่าเกลียดที่ทำไมต้องอยากรู้อาชีพ อยากรู้เงินเดือนทำไม แต่ถ้าเรามีเหตุว่าจริงๆเราไม่ได้อยากได้เงิน แต่เราอยากมีอนาคตร่วมกันได้แน่ๆกับคุณ พูดด้วยทัศนคติที่ร้ายกาจฉลาดร้ายปากหวานมากแม่ มันก็เป็นข้อเสียด้านมารยาทตามแบบฉบับไทยๆ
แต่ถ้าคิดแบบฉบับไทยจริงๆ ถ้าบอกคนไทยบอกว่าศีลเสมอกัน เงินเดือนมันก็ควรจะใกล้กัน ฐานะ หลายๆอย่างก็ต้องใกล้กันอยู่ดีอะ ไม่ใช่แค่มีแต่ใจอย่างเดียวที่เท่าแต่อย่างอื่นไม่ได้เลยสักกะอย่างแต่หวังสูงเกิน มันก็น่าจะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยาก
เวลานั่งเบื่อๆ ชอบหาอะไรคิดฉีกกฎเดิมๆ และ ส่วนตัววางความรู้สึกได้ เพราะเหตุผลส่วนตัวสูงปี๊ดทะลุเพดานห้อง ทำงานสายโปรแกรมเมอร์ ลอจิคมันสูง งานแบบนี้ใช้อารมณ์ทำอย่างเดียวไม่ได้งานไม่เสร็จ ต้องรู้จักวางอารมณ์เป็นแล้วก็ทำงานให้ได้งาน
เห็นหลายคนพอมันมีปัญหามากสิ่งให้ถามให้เช็ค แล้วต้องมาปรับนั่นนู่นนี่มันน่าจะเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าเราลดปัญหาด้วยการถามคำถามให้ถูกจังหวะ คนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำหรือมี growth mindset มันก็น่าจะเป็นคนที่ นิสัยดีแล้วมีอนาคตปูไว้แล้วนะ พวกอาชีพก็น่าจะตอบคำถามจุดนี้ได้ด้วย
แต่เงื่อนไขนี้คนถามก็ต้องมีระดับที่ มีความพยายาม มีเหตุผล มีอนาคตมาด้วยนะ เพราะไม่งั้นคงโดนมองว่า คบคนหวังเงินแน่ๆทั้งๆที่ตัวเองไม่ดีเลย
มีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ อยากหาเรื่องราวพูดคุยแชร์ไอเดีย