คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 41
ถ้าเรียนไม่ค่อยเข้าใจเเนะนำ youtube นะคะมีทุกเรื่องทุกเนื้อหาเลยไม่เข้าใจอะไรก็ทวนเป็นเรื่องได้
*ควรทบทวนเนื้อหาหลังเรียน กลับบ้านมาทำความเข้าใจที่เรียนไปของวันนี้ เเละทำการบ้านด้วยตัวเอง
-คณิต
เน้นเข้าใจคอนเซปว่าโจทย์มีอะไรบ้าง สามารถถามอะไรได้บ้าง ถ้าเข้าใจคอนเซปมันทำให้พลิกเเพลงได้ -> ทำโจทย์
คุณเเม่อาจจะช่วยน้องด้วยการให้เห็นภาพรวมของเรื่องต่างๆ เเละวิธีการทำก่อน เเล้วค่อยเจาะลง
(ทำโจทย์ค่อนข้างช่วยได้มาก เวลาเรียนกับออกสอบชอบออกคนละเเบบกัน เลยต้องรู้เเนวโจทย์ไว้จะได้พลิกไปพลิกมาได้)
-วิทย์ สังคม วิชาความจำ
เน้นอ่าน สร้างเรื่องราวในหัว อ่านให้เห็นภาพรวม อ่านซ้ำให้เข้าใจ -> สรุปสาระสำคัญ เวลาใกล้สอบมาอ่านจะทำให้จำพ้อยของเรื่องนั้นได้
-ไทย เป็นวิชาคอนเซป
เน้นจินตาการ ส่วนมากที่ต้องใช้คือการรู้หน้าที่ของคำ การออกเสียง เขียนรูปวรรณยุกต์ คำศัพท์ ไม่เเน่ใจว่าที่น้องเรียนจะเป็นพวกวรรณคดีมั้ย วิธีคืออ่านศัพท์ท้ายบท ฝึกเเปลเน้นจินตการว่าคำที่พูดออกมามันจะให้ฟีลไหน
-อังกฤษ เป็นวิชาที่วนเวียน
เบื่องต้น 12 tense สอนด้วยความเข้าใจไม่เน้นจำ + หลักการใช้ วางตำเเหน่งของคำ + ท่องศัพท์
(ถ้าจะให้คล่องวิชานี้คือท่องศัพท์เยอะๆ จำเป็นมาก ฟังอ่าน สังเกตเยอะๆ)
ถ้าไม่มีเวลาทำโจทย์ เวลาดู youtube ให้คิดตาม ดูตัวอย่างก่อนพอเริ่มเข้าใจ ก็ pause ไว้ก่อนเเล้วลองคิดเอง ได้หรือพลาดตรงไหนก็ดูเฉลย
อยากบอกน้องเเละคุณเเม่น้องว่า เป็นกำลังใจให้นะคะ การไม่เข้าใจตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะพลาดจุดไหนไป ต้องหาจุดพลาด พยายามปรับให้ถูก อยากบอกน้องว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา สำคัญคือทุกคนสามารถทำได้ เชื่อมั่นในตัวเองเเล้วทำให้ดีที่สุด 🫰🏼 ยังเด็กอยู่เลยค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
สนับสนุนในสิ่งที่ชอบ ไม่จำเป็นต้องเก่งวิชาการเเต่ในกรณีเข้าใจว่าต้องสอบเข้าเเลิวเจอเนื้อหายากๆในอนาคต พยายามให้กำลังใจ ทำอะไรเสร็จพาไปกินข้าวนอกบ้าน ดูหนัง อะไรก็ได้ ถามไถ่ความรู้สึกในใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ!
*ควรทบทวนเนื้อหาหลังเรียน กลับบ้านมาทำความเข้าใจที่เรียนไปของวันนี้ เเละทำการบ้านด้วยตัวเอง
-คณิต
เน้นเข้าใจคอนเซปว่าโจทย์มีอะไรบ้าง สามารถถามอะไรได้บ้าง ถ้าเข้าใจคอนเซปมันทำให้พลิกเเพลงได้ -> ทำโจทย์
คุณเเม่อาจจะช่วยน้องด้วยการให้เห็นภาพรวมของเรื่องต่างๆ เเละวิธีการทำก่อน เเล้วค่อยเจาะลง
(ทำโจทย์ค่อนข้างช่วยได้มาก เวลาเรียนกับออกสอบชอบออกคนละเเบบกัน เลยต้องรู้เเนวโจทย์ไว้จะได้พลิกไปพลิกมาได้)
-วิทย์ สังคม วิชาความจำ
เน้นอ่าน สร้างเรื่องราวในหัว อ่านให้เห็นภาพรวม อ่านซ้ำให้เข้าใจ -> สรุปสาระสำคัญ เวลาใกล้สอบมาอ่านจะทำให้จำพ้อยของเรื่องนั้นได้
-ไทย เป็นวิชาคอนเซป
เน้นจินตาการ ส่วนมากที่ต้องใช้คือการรู้หน้าที่ของคำ การออกเสียง เขียนรูปวรรณยุกต์ คำศัพท์ ไม่เเน่ใจว่าที่น้องเรียนจะเป็นพวกวรรณคดีมั้ย วิธีคืออ่านศัพท์ท้ายบท ฝึกเเปลเน้นจินตการว่าคำที่พูดออกมามันจะให้ฟีลไหน
-อังกฤษ เป็นวิชาที่วนเวียน
เบื่องต้น 12 tense สอนด้วยความเข้าใจไม่เน้นจำ + หลักการใช้ วางตำเเหน่งของคำ + ท่องศัพท์
(ถ้าจะให้คล่องวิชานี้คือท่องศัพท์เยอะๆ จำเป็นมาก ฟังอ่าน สังเกตเยอะๆ)
ถ้าไม่มีเวลาทำโจทย์ เวลาดู youtube ให้คิดตาม ดูตัวอย่างก่อนพอเริ่มเข้าใจ ก็ pause ไว้ก่อนเเล้วลองคิดเอง ได้หรือพลาดตรงไหนก็ดูเฉลย
อยากบอกน้องเเละคุณเเม่น้องว่า เป็นกำลังใจให้นะคะ การไม่เข้าใจตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะพลาดจุดไหนไป ต้องหาจุดพลาด พยายามปรับให้ถูก อยากบอกน้องว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา สำคัญคือทุกคนสามารถทำได้ เชื่อมั่นในตัวเองเเล้วทำให้ดีที่สุด 🫰🏼 ยังเด็กอยู่เลยค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
สนับสนุนในสิ่งที่ชอบ ไม่จำเป็นต้องเก่งวิชาการเเต่ในกรณีเข้าใจว่าต้องสอบเข้าเเลิวเจอเนื้อหายากๆในอนาคต พยายามให้กำลังใจ ทำอะไรเสร็จพาไปกินข้าวนอกบ้าน ดูหนัง อะไรก็ได้ ถามไถ่ความรู้สึกในใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ!
แสดงความคิดเห็น
ลูกเรียนไม่ค่อยเก่ง จะมีวิธีไหนช่วยได้บ้าง
ลูกสาวคนโตเรียนไม่ค่อยเก่ง น้องอยู่ ป.5 เกรดล่าสุดที่ออกมาคือได้ 2.95 ตั้งแต่เรียน ป.1 มาเกรดเฉลี่ยไม่เคยถึง 3.00 เลย มีตอน ป.4 ที่เรียนออนไลน์ทั้งปี ที่ได้ 3.60 เพราะเราช่วยเคี่ยวเข็ญให้เข้าเรียน และทำงานส่ง ที่ผ่านมาเราเห็นว่าลูกพยายามแล้ว อ่านหนังสือแล้ว พยายามตามงานส่งจนครบทุกวิชา แต่ได้เท่านี้จริง ๆ ผลสอบเก็บคะแนนก็จะได้ประมาณ 6-7 เต็ม 10 ประมาณนี้ค่ะ และเราไม่ได้ให้เค้าเรียนพิเศษวิชาการอะไรเพิ่มเลย เคยมีให้เรียนเปียโนอยู่ช่วงนึง แต่เค้าขอหยุดเราเลยให้เค้าพักไปก่อน
ตอนนี้เราเริ่มกังวลใจเพราะปีหน้าจะต้องสอบเข้า ม.1 แล้ว รร.ที่เราคิดว่าจะให้เข้าเค้ารับเด็กที่มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป ถ้าเกรด ป.6 ได้น้อยอีกเราก็กลัวว่าลูกจะไม่มีที่เรียน เพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอที่มีถึงชั้น ม.6 และเป็นรัฐบาล ไม่ต้องเสียค่าเทอม
พ่อน้องไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้เรียนพิเศษ เพราะไม่อยากให้ลูกเครียด เค้าบอกว่าทรัพย์สมบัติ ที่ดิน ที่เค้าสะสมเอาไว้ให้ก็จะช่วยลูกได้ตอนโต แต่เราว่าไม่ควรให้ลูกขายสมบัติกิน ควรจะสอนให้เค้าเอาตัวรอดในสังคมที่เปลี่ยนไปทุกวัน เค้าเลยบอกว่าเทอม 2 ค่อยให้เรียน ซึ่งเรามองว่าเวลามันจะไม่พอ เพราะน้องอ่อนวิชาหลักแทบทุกวิชา ถ้าไปเรียนระดับมัธยมจะยิ่งเรียนไม่รู้เรื่อง อยากถามแม่ ๆ ที่มีลูกเรียนอ่อน หรือน้อง ๆ ที่เป็นแบบนี้ จะจัดการอย่างไรดีคะ
บุคคลิกส่วนตัวน้อง จะเป็นคนความจำไม่ค่อยดี อย่างเช่น วางของไว้แล้วลืมบ่อย ๆ หรือถ้าวันไหนจะไปสอบเก็บคะแนนเขียนไทย น้องจะกังวลมาก คำไหนที่เขียนยาก เค้าจะคัดคำนั้นเต็มหน้ากระดาษหลาย ๆ หน้าถึงจะจำได้ (วิธีนี้เราแนะนำให้เค้าทำ แต่ไม่คิดว่าจะคัดเยอะขนาดนั้น) เป็นเด็กที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่เราจะสอนเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ทำงานบ้านได้แทบทุกอย่าง ซักผ้า ได้ทั้งเครื่องซัก และซักมือ รีดผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าวได้บางอย่าง แต่ความสะอาดเรื่องการทำงานบ้านก็จะไม่เท่าผู้ใหญ่ทำ เวลาออกไปนอกบ้านก็สั่งอาหารทานเองได้
อีกเรื่องที่ก็เป็นส่วนทำให้เรากังวลคือ เราเคยดูดวงเล่น ๆ ในเวปดูดวง แล้วเอา วดป.เกิดน้องใส่ไป ผลการทำนายออกมาแล้วบอกว่าน้องจะลำบาก หางานทำยาก ถ้าเป็นเด็กอยู่ให้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนี้ เราไม่ได้งมงายกับเรื่องดวงมาก แต่ก็ฟังเอาไว้เป็นแนวทางถ้าอันไหนที่เราปรับแก้ได้ เราก็อยากจะปรับให้มันดีขึ้น เราเลยบอกเรื่องนี้กับลูก แล้วบอกให้เค้าตั้งใจเรียน "เรามาช่วยกันเปลี่ยนดวงชะตากันนะลูก" เราเคยบอกกับเค้าแบบนี้ เค้าก็พยักหน้ายิ้ม ๆ
***ไม่คิดว่าจะขึ้นมาเป็นกระทู้แนะนำ เราเลยอยากอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
1. เรื่องเกรดของน้องที่อยากให้ถึง 3.00 ก็เพราะว่า เราจำเป็นต้องให้น้องสอบเข้าโรงเรียนดังกล่าวนั้นให้ได้ เนื่องจากว่า เรามีลูกคนเล็กอีกคนอยู่ ป.1 ที่เค้าเรียนอยู่โรงเรียนข้าง ๆ ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา และเหตุผลที่ไม่เอาน้องทั้งสองคนเข้าโรงเรียนเดียวกันแต่แรกคือ เราย้ายมาจากอำเภออื่นแบบกระทันหันตอนช่วงโควิด และเป็นเวลาที่กระชั้นชิดที่จะต้องตัดสินใจเรื่องโรงเรียนลูก เราเลยเอาน้องคนโตเข้าโรงเรียนเอกชนในหมู่บ้านใกล้ ๆ (มีสอนถึง ม.3) ค่าเทอมประมาณ 15,000 บาท และเอาน้องคนเล็กเข้าโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ตรงข้ามกัน ค่าเทอม 2,000 - 3,000 บาท ซึ่งเราคำนวณค่าใช้จ่ายดูแล้วว่ายังพอไหว
พอมาตอนนี้น้องคนเล็กจบอนุบาล 3 เราจึงเอาเค้าไปเข้าโรงเรียนประถมประจำอำเภอ ข้างโรงเรียนมัธยมที่ตั้งใจจะเอาน้องคนโตเข้า เป็นโรงเรียนรัฐบาลเหมือนกัน เพื่อรอพี่เค้าที่จะมาต่อ ม.1 ในตัวอำเภอเหมือนกัน ประเด็นหลักคือเรื่องการรับส่ง จะง่ายขึ้นเพราะเรารับส่งลูกเอง หรือถ้าสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว เรายังให้น้องทั้งสองคนขึ้นรถรับส่ง ให้พี่เค้าคอยดูน้องได้ นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่จำเป็นต้องเอาน้องสอบเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้ค่ะ
บางคอมเม้นท์ถามว่าไม่มีโรงเรียนอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ คำตอบคือ มีค่ะ แต่มันไม่เหมาะกับการเดินทาง บางโรงเรียนก็เป็นเอกชนค่าเทอมแพงกว่าเดิมมากโรงเรียนนี้เหมาะที่สุดเพราะมีสอนจนถึง ม.6 ความจริงโรงเรียนเก่าน้องก็มีถึง ม.3 พอขึ้น ม.4 ก็ต้องหาที่อื่นอีก เราว่าที่นี่จึงเหมาะที่สุดค่ะ
2. เรื่องการดูดวง เราเองก็ไม่ได้งมงายอะไรขนาดนั้น แต่ที่เป็นประเด็นก็เพราะคุณย่าของน้องเค้าเป็นหมอดู เค้าจะดูดวงให้ลูกหลานในบ้านทุกคน ทุกปี ตั้งแต่ลูกเกิดเค้าก็จะดูดวงให้เลยแล้วเค้าก็บอกมาตลอดว่าลูกคนโตเราจะลำบาก ดวงไม่ค่อยดี เรากล้ายืนยันเลยว่าเราไม่เชื่อ ลูกเรา เราเลี้ยงมาเองกับมือ เราจะไม่มีทางให้เค้าเป็นแบบนั้นเด็ดขาด (เราเลยพยายามสอนเรื่องการใช้ชีวิต การเอาตัวรอดถ้าออกนอกบ้าน) แต่เค้าพูดตลอดทุกครั้งที่เจอกัน บอกให้เราเลี้ยงลูกให้ดี ๆ อย่าให้ลูกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ จากคนที่มั่นใจ ๆ เราก็มีเขวบ้าง แล้วเคยได้ยินมั้ยคะว่าเวลาดูดวงแล้วเค้าไม่ให้ดูซ้ำ เราเลยอยากลองของโดยการเอา วดป.เกิดลูกไปดูในเวป ขอย้ำว่าในเวป ไม่ได้ไปดูกับแม่หมอที่ไหน แล้วผลการทำนายก็ออกมาเหมือนที่คุณย่าน้องพูดแทบทุกอย่าง
อาจจะมีบ้างเวลาที่เราไม่สบายใจ เราก็จะลองหาดูตามคลิป หมอช้าง หมอลักษณ์ แค่นั้น อย่างเช่นเดือนที่แล้วลูกคนเล็กเราสอบเข้า ป.1 เราก็กังวลว่าจะไม่ได้ เลยลองถามกับกระทู้ดูดวงฟรีในพันทิป เค้าก็บอกว่าให้เผื่อใจไว้หน่อย อาจจะไม่ได้ แล้วน้องก็สอบไม่ติดจริง ๆ แต่เราไม่ยอมแพ้ เอาน้องกลับมาติวเองแล้วกลับไปสอบอีกรอบ น้องติดรอบ 2 เพราะเราคิดเสมอว่าตัวเราเป็นคนกำหนดโชคชะตาชีวิต หรือดวงเป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปได้ตลอด
3.เรื่องอนาคตเรายังไม่ได้มองไปถึงขนาดนั้น ตอนนี้เราโฟกัสแค่ให้เค้าสอบเข้าโรงเรียนนั้นได้ ตามเหตุผลของข้อ 1. หลังจากนั้นค่อย ๆ มองและประคับประคองเค้าไปค่ะ