ละครหมอหลวงที่ฉายมาแล้ว 5 ตอน มีบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ละครอ้างถึงหรือนำมาผูกร่วมบทล้อไปกับละคร
ในเรื่องอยู่ 3 ท่าน ได้แก่
1) พระยาบำเรอราช
2) หมอปลัดเล และ
3) บาทหลวงปาลเลอกัวซ์
1) พระบำเรอราช -- พระยาบำเรอราช (ตามละคร)
พระยาบำเรอราช รับบทโดยคุณดุ้ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ
พระบำเรอราช หรือพระองค์เจ้าหนูแดงเป็นโอรสของพระเจ้ากรุงธนบุรี(พระเจ้าตาก) กับ เจ้าจอมมารดาปาน เป็นหนึ่งใน
จำนวนพระโอรสของพระเจ้าตากที่ไม่ถูกสำเร็จโทษ
**พระ ในที่นี้ คือยศของเจ้าราชนิกุล ไม่ใช่บรรดาศักดิ์ของขุนนาง** (รายละเอียดในความคิดเห็นที่ 13)
เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ รับราชการเป็น “หมอโรงใน” กรมหมอโรงพระโอสถ
พบการกล่าวถึงบทบาทการทำหน้าที่รวบรวมและตรวจทานตำราวิชาแพทย์แผนไทย จากหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ
และโคลงที่จารึกไว้ ณ ศาลารายรอบวัดพระเชตุพนฯความว่า
๏ พระบำเรอราชผู้ แพทยา ยิ่งฤา
รู้รอบรู้รักษา โรคพื้น
บรรหารพนักงานหา โอสถ ประสิทธิ์เอย
จำหลักลักษณผาพื้น แผ่นไว้ ทานหลัง
(แก้ไขโคลงตามที่คุณศรีสรรเพชญ์ได้กรุณาแจ้งให้ทราบ)
ซึ่งในการนี้ได้ทำการจัดหมวดหมู่เรื่องการแพทย์แผนไทยไว้ 4 หมวดหมู่ อันได้แก่
1) หมวดเวชศาสตร์ (ว่าด้วยสมุฏฐานของการเกิดโรค)
2) หมวดเภสัชศาสตร์ (ว่าด้วยเครื่องยาสมุนไพร)
3) หมวดหัตถศาสตร์ (ว่าด้วยโครงสร้างร่างกายและการนวด)
4) หมวดอนามัยหรือฤาษีดัดตน (ว่าด้วยการบริหารร่างกายหรือการดัดตน)
เมื่อพระบำเรอราชตรวจทานแล้วจึงให้ช่างทำการจารจารึกบนแผ่นศิลา แล้วนำไปติดไว้บนผนังของศาลาราย
เมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯครั้งใหญ่ ในรัชกาลที่ 3 ซึ่ง 1 ในจำนวนตำรายาที่พระบำเรอราช
รวบรวมตรวจทานและจารึกลงแผ่นศิลา มี “ ตำรายาแก้หืด ” อยู่ด้วย
-- ในละคร มีตัวละครพระองค์ชายพัน ประชวรด้วยโรคหอบหืด --
อนึ่งผู้ที่ทำงานในส่วนนี้นอกจากพระบำเรอราช แล้วยังปรากฏรายชื่ออีกหลายท่าน
เช่น เจ้าหมื่นสิทธิแพทย์ และหลวงจินดาโอสถ เป็นต้น
ความทรุดโทรมของวัดพระเชตุพนฯที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าได้ทอดพระเนตรเมื่อคราวเสด็จถวายผ้าพระกฐิน
ทำให้พระองค์ตั้งพระราชหฤทัยและให้มีพระราชดำริในการบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ภาพความชำรุดทรุดโทรมในช่วงเวลานั้นอาจไม่สามารถแสดงด้วยรูปถ่าย(1)
ด้วยเพราะยังไม่ใช่ช่วงที่วิทยาการการถ่ายรูปเข้ามาในสยาม
ภาพถ่ายภาพนี้เราสามารถเห็นความทรุดโทรมของวัดพระเชตุพนฯในกาลต่อมา และเทียบย้อนเวลากลับไปเมื่อกอรปกับ
โคลงบทหนึ่ง((จากโคลงดั้นเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ)ที่บรรยายความทรุดโทรมก่อนการปฏิสังขรณ์
คงทำให้เกิดจินตนาการกับท่านผู้อ่านได้อย่างดี
หมายเหตุ
(1) กล้องถ่ายรูป(Daguerreotype)เข้ามาในสยามครั้งแรก โดยบาทหลวงปาลเลอกัวซ์ เมื่อปี คศ.1845(พศ.2388 ในปลายรัชกาลที่ 3)
หมอหลวง : บุคคลในประวัติศาสตร์
ในเรื่องอยู่ 3 ท่าน ได้แก่
1) พระยาบำเรอราช
2) หมอปลัดเล และ
3) บาทหลวงปาลเลอกัวซ์
1) พระบำเรอราช -- พระยาบำเรอราช (ตามละคร)
พระยาบำเรอราช รับบทโดยคุณดุ้ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ
พระบำเรอราช หรือพระองค์เจ้าหนูแดงเป็นโอรสของพระเจ้ากรุงธนบุรี(พระเจ้าตาก) กับ เจ้าจอมมารดาปาน เป็นหนึ่งใน
จำนวนพระโอรสของพระเจ้าตากที่ไม่ถูกสำเร็จโทษ
**พระ ในที่นี้ คือยศของเจ้าราชนิกุล ไม่ใช่บรรดาศักดิ์ของขุนนาง** (รายละเอียดในความคิดเห็นที่ 13)
เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ รับราชการเป็น “หมอโรงใน” กรมหมอโรงพระโอสถ
พบการกล่าวถึงบทบาทการทำหน้าที่รวบรวมและตรวจทานตำราวิชาแพทย์แผนไทย จากหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ
และโคลงที่จารึกไว้ ณ ศาลารายรอบวัดพระเชตุพนฯความว่า
๏ พระบำเรอราชผู้ แพทยา ยิ่งฤา
รู้รอบรู้รักษา โรคพื้น
บรรหารพนักงานหา โอสถ ประสิทธิ์เอย
จำหลักลักษณผาพื้น แผ่นไว้ ทานหลัง
(แก้ไขโคลงตามที่คุณศรีสรรเพชญ์ได้กรุณาแจ้งให้ทราบ)
ซึ่งในการนี้ได้ทำการจัดหมวดหมู่เรื่องการแพทย์แผนไทยไว้ 4 หมวดหมู่ อันได้แก่
1) หมวดเวชศาสตร์ (ว่าด้วยสมุฏฐานของการเกิดโรค)
2) หมวดเภสัชศาสตร์ (ว่าด้วยเครื่องยาสมุนไพร)
3) หมวดหัตถศาสตร์ (ว่าด้วยโครงสร้างร่างกายและการนวด)
4) หมวดอนามัยหรือฤาษีดัดตน (ว่าด้วยการบริหารร่างกายหรือการดัดตน)
เมื่อพระบำเรอราชตรวจทานแล้วจึงให้ช่างทำการจารจารึกบนแผ่นศิลา แล้วนำไปติดไว้บนผนังของศาลาราย
เมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯครั้งใหญ่ ในรัชกาลที่ 3 ซึ่ง 1 ในจำนวนตำรายาที่พระบำเรอราช
รวบรวมตรวจทานและจารึกลงแผ่นศิลา มี “ ตำรายาแก้หืด ” อยู่ด้วย
-- ในละคร มีตัวละครพระองค์ชายพัน ประชวรด้วยโรคหอบหืด --
อนึ่งผู้ที่ทำงานในส่วนนี้นอกจากพระบำเรอราช แล้วยังปรากฏรายชื่ออีกหลายท่าน
เช่น เจ้าหมื่นสิทธิแพทย์ และหลวงจินดาโอสถ เป็นต้น
ความทรุดโทรมของวัดพระเชตุพนฯที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าได้ทอดพระเนตรเมื่อคราวเสด็จถวายผ้าพระกฐิน
ทำให้พระองค์ตั้งพระราชหฤทัยและให้มีพระราชดำริในการบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ภาพความชำรุดทรุดโทรมในช่วงเวลานั้นอาจไม่สามารถแสดงด้วยรูปถ่าย(1)
ด้วยเพราะยังไม่ใช่ช่วงที่วิทยาการการถ่ายรูปเข้ามาในสยาม
ภาพถ่ายภาพนี้เราสามารถเห็นความทรุดโทรมของวัดพระเชตุพนฯในกาลต่อมา และเทียบย้อนเวลากลับไปเมื่อกอรปกับ
โคลงบทหนึ่ง((จากโคลงดั้นเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ)ที่บรรยายความทรุดโทรมก่อนการปฏิสังขรณ์
คงทำให้เกิดจินตนาการกับท่านผู้อ่านได้อย่างดี
หมายเหตุ
(1) กล้องถ่ายรูป(Daguerreotype)เข้ามาในสยามครั้งแรก โดยบาทหลวงปาลเลอกัวซ์ เมื่อปี คศ.1845(พศ.2388 ในปลายรัชกาลที่ 3)