1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ดีที่สุด
เพราะการล้างหน้าบ่อยเกินไป ไม่ได้ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นแต่จะเป็นการรบกวนผิวมากกว่า
สุดท้ายอาจจะทำให้สิวแย่ลงได้ ถ้าแต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดควรใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางชนิด water base หรือ
micellar ทำความสะอาดผิวหน้าก่อนล้างหน้าทุกครั้ง
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวและเครื่องสำอางที่อ่อนโยน
เช่น มีการระบุว่า “ไม่ก่อให้เกิดสิว” “ช่วยควบคุมความมัน” “เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือระคายเคือง” “ไม่ก่อให้เกิดการแพ้” เป็นต้น
3. หากรู้สึกว่ามีสิวอุดตันขึ้นแถวๆกรอบหน้า หรือตรงไรผม จอนผม
ให้ระวังการใช้การผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม เช่น แว๊กซ์ เจลแต่งผม ครีมนวดผม ทรีทเมนต์ผม แชมพู
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่มีน้ำมันหรือแว็กซ์เป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยลดการอุดตัน
4. หลีกเลี่ยงการลูบคลำหรือจับผิวหน้าบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการส่องกระจกบ่อยๆ
เพื่อลดความอยากแกะบีบสิวเอง
5. หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นสิว
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนมวัว (Dairy product) และอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High glycemic index)
เพราะมีงานวิจัยทางการแพทย์มากมายหลายๆฉบับ
สรุปตรงกัน ว่า อาหารทั้ง 2 กลุ่มนี้ สามารถกระตุ้นฮอร์โมน IGF-1 ที่มีส่วนทำให้เกิดสิว ได้อย่างชัดเจน
เช่น พบว่าการดื่มนมวัวโดยเฉพาะนมขาดมันเนย(skim milk) มากกว่าวันละสองแก้ว ทำให้เป็นสิวมากขึ้น
6. พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ มีกากใยช่วยเรื่องการขับถ่าย
และหลีกเลี่ยงความเครียด ไม่นอนดึก
7. สามารถใช้การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนๆ ได้บ้าง เช่น 1-2% BHA, 5% AHA เป็นต้น
8. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม เช่น ลงรองพื้นหนาๆ เป็นประจำ
9. เลือกใช้ยาทาที่ช่วยลดสิวอุดตันได้
เช่น Salicylic acid, Topical tretinoin, Adapalene, Azelaic acid เป็นต้น
**การเลือกใช้ยาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคส
หากยังไม่มั่นใจในการเริ่มใช้ยาทาสิวด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนเสมอค่ะ
10. วิธีใช้ยาทาก็มีความสำคัญ ในระยะแรกควรเริ่มทายาในปริมาณน้อยๆ หรือเริ่มทาวันเว้นวัน
เพื่อให้ผิวเคยชินกับยาทาและไม่เกิดการระคายเคืองมากไป
11. อย่างไรก็ตามในช่วงแรกที่เริ่มทายาสิวใหม่ๆ ในคนที่ผิวแห้งหรือผิวเซ้นซิทีฟ
อาจจะรู้สึกผิวหน้ามีอาการแห้งแสบแดงลอกได้บ้างเล็กน้อย ควรใช้มอยเจอไรเซอร์ควบคู่ไปกับการรักษาสิว
เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งหรือขาดน้ำ และช่วยลดผลข้างเคียงจากการระคายเคืองที่เกิดการทายา
ส่วนคนที่หน้ามันมักจะไม่ค่อยมีปัญหานี้
12. ในระยะแรกของการรักษาสิว มักพบว่ามีสิวเห่อดันขึ้นมาได้บ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากมีสิวอุดตันเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Microcomedone) ซ่อนอยู่
ซึ่งอาการสิวเห่อมักดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
13. การรักษาสิวด้วยการทายาจะเริ่มเห็นผลช้ากว่าการกินยา การที่จะตัดสินว่ายาทาที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล
เมื่อใช้ยาทาต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 3~6 เดือนขึ้นไป ด้วยวิธีทายาที่ถูกต้อง
เลือกชนิดของยาทาที่เหมาะสมกับชนิดของสิวภายใต้การดูแลของแพทย์
1️⃣3️⃣ เทคนิค >>ลดสิวอุดตัน<< ✂️ มาตัดวงจรสิว ให้ หาย ขาด กันเถอะ ✂️
1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ดีที่สุด
เพราะการล้างหน้าบ่อยเกินไป ไม่ได้ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นแต่จะเป็นการรบกวนผิวมากกว่า
สุดท้ายอาจจะทำให้สิวแย่ลงได้ ถ้าแต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดควรใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางชนิด water base หรือ
micellar ทำความสะอาดผิวหน้าก่อนล้างหน้าทุกครั้ง
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวและเครื่องสำอางที่อ่อนโยน
เช่น มีการระบุว่า “ไม่ก่อให้เกิดสิว” “ช่วยควบคุมความมัน” “เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือระคายเคือง” “ไม่ก่อให้เกิดการแพ้” เป็นต้น
3. หากรู้สึกว่ามีสิวอุดตันขึ้นแถวๆกรอบหน้า หรือตรงไรผม จอนผม
ให้ระวังการใช้การผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม เช่น แว๊กซ์ เจลแต่งผม ครีมนวดผม ทรีทเมนต์ผม แชมพู
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่มีน้ำมันหรือแว็กซ์เป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยลดการอุดตัน
4. หลีกเลี่ยงการลูบคลำหรือจับผิวหน้าบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการส่องกระจกบ่อยๆ
เพื่อลดความอยากแกะบีบสิวเอง
5. หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นสิว
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนมวัว (Dairy product) และอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High glycemic index)
เพราะมีงานวิจัยทางการแพทย์มากมายหลายๆฉบับ
สรุปตรงกัน ว่า อาหารทั้ง 2 กลุ่มนี้ สามารถกระตุ้นฮอร์โมน IGF-1 ที่มีส่วนทำให้เกิดสิว ได้อย่างชัดเจน
เช่น พบว่าการดื่มนมวัวโดยเฉพาะนมขาดมันเนย(skim milk) มากกว่าวันละสองแก้ว ทำให้เป็นสิวมากขึ้น
6. พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ มีกากใยช่วยเรื่องการขับถ่าย
และหลีกเลี่ยงความเครียด ไม่นอนดึก
7. สามารถใช้การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนๆ ได้บ้าง เช่น 1-2% BHA, 5% AHA เป็นต้น
8. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม เช่น ลงรองพื้นหนาๆ เป็นประจำ
9. เลือกใช้ยาทาที่ช่วยลดสิวอุดตันได้
เช่น Salicylic acid, Topical tretinoin, Adapalene, Azelaic acid เป็นต้น
**การเลือกใช้ยาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคส
หากยังไม่มั่นใจในการเริ่มใช้ยาทาสิวด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนเสมอค่ะ
10. วิธีใช้ยาทาก็มีความสำคัญ ในระยะแรกควรเริ่มทายาในปริมาณน้อยๆ หรือเริ่มทาวันเว้นวัน
เพื่อให้ผิวเคยชินกับยาทาและไม่เกิดการระคายเคืองมากไป
11. อย่างไรก็ตามในช่วงแรกที่เริ่มทายาสิวใหม่ๆ ในคนที่ผิวแห้งหรือผิวเซ้นซิทีฟ
อาจจะรู้สึกผิวหน้ามีอาการแห้งแสบแดงลอกได้บ้างเล็กน้อย ควรใช้มอยเจอไรเซอร์ควบคู่ไปกับการรักษาสิว
เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งหรือขาดน้ำ และช่วยลดผลข้างเคียงจากการระคายเคืองที่เกิดการทายา
ส่วนคนที่หน้ามันมักจะไม่ค่อยมีปัญหานี้
12. ในระยะแรกของการรักษาสิว มักพบว่ามีสิวเห่อดันขึ้นมาได้บ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากมีสิวอุดตันเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Microcomedone) ซ่อนอยู่
ซึ่งอาการสิวเห่อมักดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
13. การรักษาสิวด้วยการทายาจะเริ่มเห็นผลช้ากว่าการกินยา การที่จะตัดสินว่ายาทาที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล
เมื่อใช้ยาทาต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 3~6 เดือนขึ้นไป ด้วยวิธีทายาที่ถูกต้อง
เลือกชนิดของยาทาที่เหมาะสมกับชนิดของสิวภายใต้การดูแลของแพทย์