ชาวเกาะสาหร่าย ขาดแคลนน้ำอย่างหนัก หลังฝนทิ้งช่วงนาน 3 เดือน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7595391
ชาวเกาะสาหร่าย กว่า 500 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ขาดน้ำกินน้ำใช้ หลังฝนทิ้งช่วงนาน 3 เดือน วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.สตูล ฝนทิ้งช่วงยาวนานตั้งแต่เดือนมกราคม ทำให้หลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบเรื่องภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่บ้านตันหยงกลิง ม.3 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 500 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเกาะแก่งที่ตั้งอยู่กลางทะเล ทำให้ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ประกอบกับสภาพพื้นที่บนเกาะมีแหล่งน้ำจืดน้อย เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งยาวนานชาวบ้านกว่า 1,500 คน ก็จะได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
น.ส.
กาญจนา สาดล ชาวบ้านเกาะสาหร่าย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นปัญหาหลักของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่อาชีพประมง กลับมาจากทะเลก็ต้องอาบน้ำ โดยภัยแล้งเริ่มกระทบกับชาวบ้านบนเกาะตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ชาวบ้านต้องขับรถไปซื้อน้ำจากเอกชนถังขนาด 200 ลิตรในราคา 60 บาท ครอบครัวที่เป็นครอบครัวใหญ่ต้องใช้น้ำในการอาบและใช้ในครัวเรือนประมาณ 5-7 ถัง ต่อวันคิดเป็นเงินวันละ 300-350 บาท แบบประหยัดสุดก็ตกวันละ 2 ถัง ครอบครัวเล็กก็ลดลงมา โดยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าครอบครัวละ 200 บาทต่อวัน
ในส่วนของน้ำดื่มก็ต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาจากบนฝั่ง จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาเพราะชาวเกาะเดือดร้อนหนักจริง ๆ ทุกวันนี้ต้องใช้น้ำเค็มช่วยเช่นล้างจานก็ต้องใช้น้ำเค็มแล้วนำน้ำจืดมาราดผ่านน้ำสุดท้าย
ด้านนาย
ฮาบีดีน แลหมัน สจ.เขต 9 เกาะสาหร่าย กล่าวว่า สำหรับภัยแล้งบนเกาะแห่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสภาพพื้นที่ที่เป็นเกาะห่างไกลฝั่งชาวบ้านทำใจยอมรับ แม้ว่าจะมีการซื้อถังสำรองเก็บน้ำช่วงหน้าฝนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ต้องใช้น้ำที่เรียกว่าน้ำกะเทย น้ำกะเทยคือน้ำเค็มที่มีอยู่ในสระน้ำในหมู่บ้านที่เอามาผ่านเครื่องกลั่นทำให้น้ำจืด
เนื่องจากในพื้นที่ไม่สามารถขุดบ่อน้ำได้ เพราะหากขุดลึกลงไปก็จะกลายเป็นน้ำเค็ม ขุดลึกเกิน 2 เมตร ก็เค็มแล้ว ยิ่งช่วงหน้าแล้งน้ำในสระดังกล่าวก็จะยิ่งเค็ม ทำให้ลำบากต่อการกลั่น เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนที่ลดน้อยลงทุกปีจึงทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก และหากฝนยังทิ้งช่วงแบบนี้ไม่เกินหนึ่งเดือนก็จะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
ด้านการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ ขณะนี้ทาง อบจ.สตูล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการขุดสระขนาดใหญ่เพื่อเตรียมกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน คาดว่าคงจะแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เพราะหากในช่วงฤดูฝน มีฝนตกลงมาน้อยน้ำในสระก็ไม่เพียงพอเช่นกัน
จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา การขาดน้ำบนเกาะซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน หากปีไหนแล้งหนักชาวบ้านก็ต้องอยู่ในสภาพแร้นแค้นหนักทุกปี อย่างไรก็ตามในวันนี้มีผู้ใจบุญได้ส่งมอบน้ำดื่มจำนวน 600 โหล เพื่อนำไปแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านเบื้องต้น
จับเบอร์เลือกตั้ง 66 “พรรคใหม่” เฮงเบอร์ 1 ภูมิใจไทย 7 รวมไทยสร้างชาติ 22
https://www.thairath.co.th/news/politic/2671748
เลือกตั้ง 2566 พรรคการเมืองจับเบอร์พรรคการเมือง “พรรคใหม่” เฮง ได้เบอร์ 1 ส่วนภูมิใจไทย เบอร์ 7 รวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 ประชาธิปัตย์ 26 เพื่อไทย 29 ก้าวไกล 31 พลังประชารัฐ 37
เมื่อเวลาประมาณ 08.50 น. วันที่ 4 เม.ย. 2566 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เข้าสู่ขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการเพื่อจับสลากหมายเลขพรรคการเมือง ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ซึ่งผู้ที่มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. จะถือว่ามาพร้อมกัน หากตกลงลำดับกันไม่ได้ ต้องเข้าสู่การจับสลาก โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เป็นผู้ชี้แจงลำดับขั้นตอนต่างๆ โดยมีพรรคการเมืองมาลงทะเบียนรวม 49 พรรค ดังนี้
1. พรรคเพื่อชาติไทย
2. พรรคมิติใหม่
3. พรรคชาติไทยพัฒนา
4. พรรคประชาธิปไตยใหม่
5. พรรคพลังสยาม
6. พรรคแรงงานสร้างชาติ
7. พรรคแนวทางใหม่
8. พรรครวมใจไทย
9. พรรคไทยรวมไทย
10. พรรคพลัง
11. พรรคไทยธรรม
12. พรรคท้องที่ไทย
13. พรรคเพื่ออนาคตไทย
14. พรรคแผ่นดินธรรม
15. พรรคเป็นธรรม
16. พรรคประชาชาติ
17. พรรคภาคีเครือข่ายไทย
18. พรรครวมแผ่นดิน
19. พรรคพลังสหกรณ์
20. พรรคประชาธิปัตย์
21. พรรคเปลี่ยน
22. พรรคพลังสังคมใหม่
23. พรรคเพื่อไทย
24. พรรคเพื่อไทรวมพลัง
25. พรรคไทยพร้อม
26. พรรคไทยสร้างไทย
27. พรรคพลังธรรมใหม่
28. พรรคประชาภิวัฒน์
29. พรรคไทยชนะ
30. พรรคอนาคตไทย
31. พรรคราษฎร์วิถี
32. พรรคก้าวไกล
33. พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
34. พรรคทางเลือกใหม่
35. พรรคภูมิใจไทย
36. พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
37. พรรคไทยภักดี
38. พรรคเพื่อชาติ
39. พรรคใหม่
40. พรรคเสมอภาค
41. พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล
42. พรรคพลังประชารัฐ
43. พรรครวมไทยสร้างชาติ
44. พรรคเสรีรวมไทย
45. พรรคไทยเป็นหนึ่ง
46. พรรคไทยศรีวิไลย์
47. พรรครวมพลัง
48. พรรคกรีน
49. พรรคชาติพัฒนากล้า
จากนั้น นาย
อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นผู้สุ่มจับสลากเพื่อให้ทราบว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นพรรคที่ได้ขึ้นมาจับสลากหมายเลขเป็นพรรคแรก สำหรับพรรคการเมืองที่ได้จับสลากลำดับแรกคือ พรรคเป็นธรรม ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จับสลากลำดับที่ 5, พรรคเปลี่ยน ลำดับที่ 6, พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 11, พรรคไทยภักดี ลำดับที่ 14, พรรคชาติไทยพัฒนา ลำดับที่ 19, พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 22, พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 23, พรรคเพื่อชาติ ลำดับที่ 24, พรรคชาติพัฒนากล้า ลำดับที่ 28, พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 33, พรรคพลังประชารัฐ ลำดับที่ 37, พรรคไทยสร้างไทย ลำดับที่ 42, พรรคไทยศรีวิไลย์ ลำดับที่ 43, พรรคเสรีรวมไทย ลำดับที่ 45 โดยผู้จับสลากจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้ที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย
พรรคการเมืองไหน จับได้เบอร์อะไรบ้าง
เบอร์ 1 พรรคใหม่
เบอร์ 2 พรรคประชาธิปไตยใหม่
เบอร์ 3 พรรคเป็นธรรม
เบอร์ 4 พรรคท้องที่ไทย
เบอร์ 5 พรรคพลังสังคมใหม่
เบอร์ 6 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
เบอร์ 7 พรรคภูมิใจไทย
เบอร์ 8 พรรคแรงงานสร้างชาติ
เบอร์ 9 พรรคพลัง
เบอร์ 10 พรรคอนาคตไทย
เบอร์ 11 พรรคประชาชาติ
เบอร์ 12 พรรคไทยรวมไทย
เบอร์ 13 พรรคไทยชนะ
เบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า
เบอร์ 15 พรรคกรีน
เบอร์ 16 พรรคพลังสยาม
เบอร์ 17 พรรคเสมอภาค
เบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา
เบอร์ 19 พรรคภาคีเครือข่ายไทย
เบอร์ 20 พรรคเปลี่ยน
เบอร์ 21 พรรคไทยภักดี
เบอร์ 22 พรรครวมไทยสร้างชาติ
เบอร์ 23 พรรครวมใจไทย
เบอร์ 24 พรรคเพื่อชาติ
เบอร์ 25 พรรคเสรีรวมไทย
เบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์
เบอร์ 27 พรรคพลังธรรมใหม่
เบอร์ 28 พรรคไทยพร้อม
เบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย
เบอร์ 30 พรรคทางเลือกใหม่
เบอร์ 31 พรรคก้าวไกล
เบอร์ 32 พรรคไทยสร้างไทย
เบอร์ 33 พรรคไทยเป็นหนึ่ง
เบอร์ 34 พรรคแผ่นดินธรรม
เบอร์ 35 พรรครวมพลัง
เบอร์ 36 พรรคเพื่อชาติไทย
เบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ
เบอร์ 38 พรรคเพื่อไทรวมพลัง
เบอร์ 39 พรรคมิติใหม่
เบอร์ 40 พรรคประชาภิวัฒน์
เบอร์ 41 พรรคไทยธรรม
เบอร์ 42 พรรคไทยศรีวิไลย์
เบอร์ 43 พรรคพลังสหกรณ์
เบอร์ 44 พรรคราษฎร์วิถี
เบอร์ 45 พรรคแนวทางใหม่
เบอร์ 46 พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล
เบอร์ 47 พรรครวมแผ่นดิน
เบอร์ 48 พรรคเพื่ออนาคตไทย
เบอร์ 49 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
ทั้งนี้ ในช่วงที่จับสลาก ยังพบว่า นาย
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ยกมือไหว้และเป่าไปที่อุปกรณ์ก่อนจะจับสลากด้วย อย่างไรก็ตาม ลำดับต่างๆ ที่พรรคการเมืองจับได้ ถือเป็นลำดับการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร หากเอกสารไม่มีปัญหา จะถือว่าเป็นหมายเลขของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งด้วย แต่หากพรรคใดเกิดปัญหา อาจจะทำให้มีการเลื่อนลำดับพรรคการเมืองได้.
อุตฯเครื่องสำอางระส่ำ จ่อย้ายฐานผลิตหนีค่าไฟไทย วอนรัฐช่วยผู้ผลิต
https://www.matichon.co.th/economy/news_3908816
อุตเครื่องสำอางระส่ำ จ่อย้ายฐานผลิตหนีค่าไฟ ส.อ.ท.เซ็งยอดขายกำลังพุ่งหลังคนไทยถอดหน้า บำรุงผิวเต็มที่ วอนรัฐช่วย
นาย
นาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ กรรมการบริหาร และกรรมการคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “
มติชน” ถึงสถานการณ์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามปี 2566 ว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการทั้งกลุ่มอาหารเสริม สมุนไพร ยาแผนโบราณ และกลุ่มความงาม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุง ได้รับการยืนยันว่ายอดขายดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย คนไทยเปิดหน้ากาก ดูแลผิวพรรณ แต่งหน้ามากขึ้น ขณะที่เทรนด์สุขภาพมาแรง นิยมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร คาดว่ามูลค่าตลาดปีนี้รวมส่งออกจะกลับมามากกว่า 6 แสนล้านบาท สัดส่วนเครื่องสำอางประมาณ 70% ที่เหลือเป็นอาหารเสริม 30% รูปแบบการเติบโตจะเปลี่ยนแปลงไปไม่กระจุกตัวในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่แต่กระจายในรายย่อยมากขึ้น เพราะเทรนด์เปลี่ยนไป มีผู้ประกอบการรายใหม่มากขึ้น กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล เข้ามามีบทบาทช่วยสร้างการตลาดให้กับเจ้าของแบรนด์หน้าใหม่
“
ปัจจุบันไทยยังเป็นเบอร์ 1 ฐานผลิตเครื่องสำอางของอาเซียน มีนวัตกรรมการผลิต เป็นเอส-เคิร์ฟที่ขยายตัวได้ดี มูลค่าตลาดรวมส่งออกกว่า 6 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะลดลงในช่วงโควิด ดังนั้นทางกลุ่มจึงหวังให้กลับไปดังเดิม แต่หากมองภาพรวมอุตสาหกรรมพบว่าในอดีตเคยทำยอดขายและส่งออกสูงถึง 8 แสนล้านบาท หลักๆ มาจากเครื่องสำอาง แต่ระยะหลังฐานการผลิตเริ่มมูฟออกจากไทยเพราะต้นทุนการผลิตไทยเริ่มสูงขึ้น” นาย
นาคาญ์กล่าว
นาย
นาคาญ์กล่าวว่า ล่าสุดสถานการณ์ค่าไฟของไทยถือว่ากระทบหนัก จากเฉพาะอัตราเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ทางกลุ่มได้ประสานผู้บริหารส.อ.ท.สะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาลให้ช่วยเหลือโดยด่วน หากค่าไฟไม่ลด บวกกับราคาต้นทุนสินค้าต่างๆยังสูง จะยิ่งทำให้ผู้ผลิตหลายรายเริ่มลังเลและตัดสินใจย้ายฐานไปจากไทยอีก ซึ่งปัจจุบันเวียดนามและอินโดนีเซียกำลังดึงลงทุนอย่างหนัก ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ระดับโลกมีฐานผลิตในไทยกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ อย่างแชมพูของไทยถือเป็นฐานผลิตอันดับ 2 ของโลก หากมีการย้ายฐานอันดับเหล่านี้หมดไป รวมทั้งเบอร์1ของอาเซียนด้านฐานผลิตเครื่องสำอางด้วย
JJNY : ชาวเกาะสาหร่าย ขาดแคลนน้ำอย่างหนัก│จับเบอร์เลือกตั้ง 66│อุตฯเครื่องสำอางระส่ำ│รัสเซียโบ้ยฝ่ายค้านจับมือยูเครน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7595391
ชาวเกาะสาหร่าย กว่า 500 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ขาดน้ำกินน้ำใช้ หลังฝนทิ้งช่วงนาน 3 เดือน วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.สตูล ฝนทิ้งช่วงยาวนานตั้งแต่เดือนมกราคม ทำให้หลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบเรื่องภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่บ้านตันหยงกลิง ม.3 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 500 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเกาะแก่งที่ตั้งอยู่กลางทะเล ทำให้ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ประกอบกับสภาพพื้นที่บนเกาะมีแหล่งน้ำจืดน้อย เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งยาวนานชาวบ้านกว่า 1,500 คน ก็จะได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
น.ส.กาญจนา สาดล ชาวบ้านเกาะสาหร่าย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นปัญหาหลักของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่อาชีพประมง กลับมาจากทะเลก็ต้องอาบน้ำ โดยภัยแล้งเริ่มกระทบกับชาวบ้านบนเกาะตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ชาวบ้านต้องขับรถไปซื้อน้ำจากเอกชนถังขนาด 200 ลิตรในราคา 60 บาท ครอบครัวที่เป็นครอบครัวใหญ่ต้องใช้น้ำในการอาบและใช้ในครัวเรือนประมาณ 5-7 ถัง ต่อวันคิดเป็นเงินวันละ 300-350 บาท แบบประหยัดสุดก็ตกวันละ 2 ถัง ครอบครัวเล็กก็ลดลงมา โดยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าครอบครัวละ 200 บาทต่อวัน
ในส่วนของน้ำดื่มก็ต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาจากบนฝั่ง จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาเพราะชาวเกาะเดือดร้อนหนักจริง ๆ ทุกวันนี้ต้องใช้น้ำเค็มช่วยเช่นล้างจานก็ต้องใช้น้ำเค็มแล้วนำน้ำจืดมาราดผ่านน้ำสุดท้าย
ด้านนายฮาบีดีน แลหมัน สจ.เขต 9 เกาะสาหร่าย กล่าวว่า สำหรับภัยแล้งบนเกาะแห่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสภาพพื้นที่ที่เป็นเกาะห่างไกลฝั่งชาวบ้านทำใจยอมรับ แม้ว่าจะมีการซื้อถังสำรองเก็บน้ำช่วงหน้าฝนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ต้องใช้น้ำที่เรียกว่าน้ำกะเทย น้ำกะเทยคือน้ำเค็มที่มีอยู่ในสระน้ำในหมู่บ้านที่เอามาผ่านเครื่องกลั่นทำให้น้ำจืด
เนื่องจากในพื้นที่ไม่สามารถขุดบ่อน้ำได้ เพราะหากขุดลึกลงไปก็จะกลายเป็นน้ำเค็ม ขุดลึกเกิน 2 เมตร ก็เค็มแล้ว ยิ่งช่วงหน้าแล้งน้ำในสระดังกล่าวก็จะยิ่งเค็ม ทำให้ลำบากต่อการกลั่น เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนที่ลดน้อยลงทุกปีจึงทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก และหากฝนยังทิ้งช่วงแบบนี้ไม่เกินหนึ่งเดือนก็จะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
ด้านการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ ขณะนี้ทาง อบจ.สตูล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการขุดสระขนาดใหญ่เพื่อเตรียมกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน คาดว่าคงจะแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เพราะหากในช่วงฤดูฝน มีฝนตกลงมาน้อยน้ำในสระก็ไม่เพียงพอเช่นกัน
จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา การขาดน้ำบนเกาะซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน หากปีไหนแล้งหนักชาวบ้านก็ต้องอยู่ในสภาพแร้นแค้นหนักทุกปี อย่างไรก็ตามในวันนี้มีผู้ใจบุญได้ส่งมอบน้ำดื่มจำนวน 600 โหล เพื่อนำไปแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านเบื้องต้น
จับเบอร์เลือกตั้ง 66 “พรรคใหม่” เฮงเบอร์ 1 ภูมิใจไทย 7 รวมไทยสร้างชาติ 22
https://www.thairath.co.th/news/politic/2671748
เลือกตั้ง 2566 พรรคการเมืองจับเบอร์พรรคการเมือง “พรรคใหม่” เฮง ได้เบอร์ 1 ส่วนภูมิใจไทย เบอร์ 7 รวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 ประชาธิปัตย์ 26 เพื่อไทย 29 ก้าวไกล 31 พลังประชารัฐ 37
เมื่อเวลาประมาณ 08.50 น. วันที่ 4 เม.ย. 2566 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เข้าสู่ขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการเพื่อจับสลากหมายเลขพรรคการเมือง ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ซึ่งผู้ที่มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. จะถือว่ามาพร้อมกัน หากตกลงลำดับกันไม่ได้ ต้องเข้าสู่การจับสลาก โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เป็นผู้ชี้แจงลำดับขั้นตอนต่างๆ โดยมีพรรคการเมืองมาลงทะเบียนรวม 49 พรรค ดังนี้
1. พรรคเพื่อชาติไทย
2. พรรคมิติใหม่
3. พรรคชาติไทยพัฒนา
4. พรรคประชาธิปไตยใหม่
5. พรรคพลังสยาม
6. พรรคแรงงานสร้างชาติ
7. พรรคแนวทางใหม่
8. พรรครวมใจไทย
9. พรรคไทยรวมไทย
10. พรรคพลัง
11. พรรคไทยธรรม
12. พรรคท้องที่ไทย
13. พรรคเพื่ออนาคตไทย
14. พรรคแผ่นดินธรรม
15. พรรคเป็นธรรม
16. พรรคประชาชาติ
17. พรรคภาคีเครือข่ายไทย
18. พรรครวมแผ่นดิน
19. พรรคพลังสหกรณ์
20. พรรคประชาธิปัตย์
21. พรรคเปลี่ยน
22. พรรคพลังสังคมใหม่
23. พรรคเพื่อไทย
24. พรรคเพื่อไทรวมพลัง
25. พรรคไทยพร้อม
26. พรรคไทยสร้างไทย
27. พรรคพลังธรรมใหม่
28. พรรคประชาภิวัฒน์
29. พรรคไทยชนะ
30. พรรคอนาคตไทย
31. พรรคราษฎร์วิถี
32. พรรคก้าวไกล
33. พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
34. พรรคทางเลือกใหม่
35. พรรคภูมิใจไทย
36. พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
37. พรรคไทยภักดี
38. พรรคเพื่อชาติ
39. พรรคใหม่
40. พรรคเสมอภาค
41. พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล
42. พรรคพลังประชารัฐ
43. พรรครวมไทยสร้างชาติ
44. พรรคเสรีรวมไทย
45. พรรคไทยเป็นหนึ่ง
46. พรรคไทยศรีวิไลย์
47. พรรครวมพลัง
48. พรรคกรีน
49. พรรคชาติพัฒนากล้า
จากนั้น นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นผู้สุ่มจับสลากเพื่อให้ทราบว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นพรรคที่ได้ขึ้นมาจับสลากหมายเลขเป็นพรรคแรก สำหรับพรรคการเมืองที่ได้จับสลากลำดับแรกคือ พรรคเป็นธรรม ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จับสลากลำดับที่ 5, พรรคเปลี่ยน ลำดับที่ 6, พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 11, พรรคไทยภักดี ลำดับที่ 14, พรรคชาติไทยพัฒนา ลำดับที่ 19, พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 22, พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 23, พรรคเพื่อชาติ ลำดับที่ 24, พรรคชาติพัฒนากล้า ลำดับที่ 28, พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 33, พรรคพลังประชารัฐ ลำดับที่ 37, พรรคไทยสร้างไทย ลำดับที่ 42, พรรคไทยศรีวิไลย์ ลำดับที่ 43, พรรคเสรีรวมไทย ลำดับที่ 45 โดยผู้จับสลากจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้ที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย
พรรคการเมืองไหน จับได้เบอร์อะไรบ้าง
เบอร์ 1 พรรคใหม่
เบอร์ 2 พรรคประชาธิปไตยใหม่
เบอร์ 3 พรรคเป็นธรรม
เบอร์ 4 พรรคท้องที่ไทย
เบอร์ 5 พรรคพลังสังคมใหม่
เบอร์ 6 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
เบอร์ 7 พรรคภูมิใจไทย
เบอร์ 8 พรรคแรงงานสร้างชาติ
เบอร์ 9 พรรคพลัง
เบอร์ 10 พรรคอนาคตไทย
เบอร์ 11 พรรคประชาชาติ
เบอร์ 12 พรรคไทยรวมไทย
เบอร์ 13 พรรคไทยชนะ
เบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า
เบอร์ 15 พรรคกรีน
เบอร์ 16 พรรคพลังสยาม
เบอร์ 17 พรรคเสมอภาค
เบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา
เบอร์ 19 พรรคภาคีเครือข่ายไทย
เบอร์ 20 พรรคเปลี่ยน
เบอร์ 21 พรรคไทยภักดี
เบอร์ 22 พรรครวมไทยสร้างชาติ
เบอร์ 23 พรรครวมใจไทย
เบอร์ 24 พรรคเพื่อชาติ
เบอร์ 25 พรรคเสรีรวมไทย
เบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์
เบอร์ 27 พรรคพลังธรรมใหม่
เบอร์ 28 พรรคไทยพร้อม
เบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย
เบอร์ 30 พรรคทางเลือกใหม่
เบอร์ 31 พรรคก้าวไกล
เบอร์ 32 พรรคไทยสร้างไทย
เบอร์ 33 พรรคไทยเป็นหนึ่ง
เบอร์ 34 พรรคแผ่นดินธรรม
เบอร์ 35 พรรครวมพลัง
เบอร์ 36 พรรคเพื่อชาติไทย
เบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ
เบอร์ 38 พรรคเพื่อไทรวมพลัง
เบอร์ 39 พรรคมิติใหม่
เบอร์ 40 พรรคประชาภิวัฒน์
เบอร์ 41 พรรคไทยธรรม
เบอร์ 42 พรรคไทยศรีวิไลย์
เบอร์ 43 พรรคพลังสหกรณ์
เบอร์ 44 พรรคราษฎร์วิถี
เบอร์ 45 พรรคแนวทางใหม่
เบอร์ 46 พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล
เบอร์ 47 พรรครวมแผ่นดิน
เบอร์ 48 พรรคเพื่ออนาคตไทย
เบอร์ 49 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
ทั้งนี้ ในช่วงที่จับสลาก ยังพบว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ยกมือไหว้และเป่าไปที่อุปกรณ์ก่อนจะจับสลากด้วย อย่างไรก็ตาม ลำดับต่างๆ ที่พรรคการเมืองจับได้ ถือเป็นลำดับการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร หากเอกสารไม่มีปัญหา จะถือว่าเป็นหมายเลขของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งด้วย แต่หากพรรคใดเกิดปัญหา อาจจะทำให้มีการเลื่อนลำดับพรรคการเมืองได้.
อุตฯเครื่องสำอางระส่ำ จ่อย้ายฐานผลิตหนีค่าไฟไทย วอนรัฐช่วยผู้ผลิต
https://www.matichon.co.th/economy/news_3908816
อุตเครื่องสำอางระส่ำ จ่อย้ายฐานผลิตหนีค่าไฟ ส.อ.ท.เซ็งยอดขายกำลังพุ่งหลังคนไทยถอดหน้า บำรุงผิวเต็มที่ วอนรัฐช่วย
นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ กรรมการบริหาร และกรรมการคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “มติชน” ถึงสถานการณ์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามปี 2566 ว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการทั้งกลุ่มอาหารเสริม สมุนไพร ยาแผนโบราณ และกลุ่มความงาม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุง ได้รับการยืนยันว่ายอดขายดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย คนไทยเปิดหน้ากาก ดูแลผิวพรรณ แต่งหน้ามากขึ้น ขณะที่เทรนด์สุขภาพมาแรง นิยมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร คาดว่ามูลค่าตลาดปีนี้รวมส่งออกจะกลับมามากกว่า 6 แสนล้านบาท สัดส่วนเครื่องสำอางประมาณ 70% ที่เหลือเป็นอาหารเสริม 30% รูปแบบการเติบโตจะเปลี่ยนแปลงไปไม่กระจุกตัวในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่แต่กระจายในรายย่อยมากขึ้น เพราะเทรนด์เปลี่ยนไป มีผู้ประกอบการรายใหม่มากขึ้น กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล เข้ามามีบทบาทช่วยสร้างการตลาดให้กับเจ้าของแบรนด์หน้าใหม่
“ปัจจุบันไทยยังเป็นเบอร์ 1 ฐานผลิตเครื่องสำอางของอาเซียน มีนวัตกรรมการผลิต เป็นเอส-เคิร์ฟที่ขยายตัวได้ดี มูลค่าตลาดรวมส่งออกกว่า 6 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะลดลงในช่วงโควิด ดังนั้นทางกลุ่มจึงหวังให้กลับไปดังเดิม แต่หากมองภาพรวมอุตสาหกรรมพบว่าในอดีตเคยทำยอดขายและส่งออกสูงถึง 8 แสนล้านบาท หลักๆ มาจากเครื่องสำอาง แต่ระยะหลังฐานการผลิตเริ่มมูฟออกจากไทยเพราะต้นทุนการผลิตไทยเริ่มสูงขึ้น” นายนาคาญ์กล่าว
นายนาคาญ์กล่าวว่า ล่าสุดสถานการณ์ค่าไฟของไทยถือว่ากระทบหนัก จากเฉพาะอัตราเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ทางกลุ่มได้ประสานผู้บริหารส.อ.ท.สะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาลให้ช่วยเหลือโดยด่วน หากค่าไฟไม่ลด บวกกับราคาต้นทุนสินค้าต่างๆยังสูง จะยิ่งทำให้ผู้ผลิตหลายรายเริ่มลังเลและตัดสินใจย้ายฐานไปจากไทยอีก ซึ่งปัจจุบันเวียดนามและอินโดนีเซียกำลังดึงลงทุนอย่างหนัก ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ระดับโลกมีฐานผลิตในไทยกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ อย่างแชมพูของไทยถือเป็นฐานผลิตอันดับ 2 ของโลก หากมีการย้ายฐานอันดับเหล่านี้หมดไป รวมทั้งเบอร์1ของอาเซียนด้านฐานผลิตเครื่องสำอางด้วย