ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งใกล้หนองน้ำ เธอหน้าเหมือนแม่ที่ตายไปแล้วของฉัน (เรื่องแปล)

สวัสดีค่ะ วันนี้จะหยิบเอาเรื่องเล่าเขย่าขวัญตอนหนึ่งจากเว็บงานแปลของเราเองที่ชื่อว่า "นอนไม่หลับ" ซึ่งเราเลือกเอาเรื่องเล่าน่ากลัวๆ จากบอร์ด Reddit มาแปลให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน  โดยปกติเราจะอัปเดตบ่อยๆ อาทิตย์ละประมาณ 2-3 เรื่องในเว็บของเราเองชื่อ "นอนไม่หลับ" ค่ะ (ลิงก์นี้นะคะ

ถ้าอ่านแล้วชอบ สามารถตามไปอ่านตอนอื่นๆ ได้นะคะ  ^^
**ปล. ก่อนแปลทุกครั้ง เราได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องเป็นการส่วนตัว และได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องแล้วทั้งสิ้นนะคะ ทั้งนี้สำนวนการแปลเป็นถือเป็นลิขสิทธิ์ของเรา ห้ามก๊อบปี้ไปลงเว็บอื่น หรือเอาไปอ่านลง Youtube โดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาดนะคะ**
มาเริ่มกันเลยค่ะ
**************************************

ตอนอายุแค่สิบขวบ ฉันถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินข้ามประเทศไปอยู่กับพ่อที่ฉันเองไม่เคยพบมาก่อน นักสังคมสงเคราะห์บอกว่าพ่อเป็นทหารผ่านศึกและอาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ แม่ของฉันเพิ่งตายจากไปเพราะโดนรถชนและสังคมสงเคราะห์ตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าพ่อจะเป็นคนรับช่วงดูแลฉันต่อ

ฉันตั้งความหวังเอาไว้ต่างๆ นานาและแอบกลัวหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการพบพ่อครั้งแรก แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาแค่น่าเบื่อและน่าผิดหวัง ตั้งแต่มาถึง พ่อปฎิบ้ติกับฉันเหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาไม่ต้องการ เขาแค่ให้ที่อยู่ที่กินฉัน แต่เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเราไปได้ไกลแค่นั้นจริงๆ ไม่มีอะไรอื่น ฉันยังจำวันแรกที่พ่อไปรับฉันที่สนามบินได้ดี ฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ขี้กลัว และพ่อดูเบื่อหน่าย ถอนใจอย่างรำคาญพลางเดินนำฉันไปที่รถ

"ฟังนะ" พ่อพูดขณะขับรถกลับบ้าน "ฉันไม่ชอบเด็กสักเท่าไหร่ ฉันอยู่ของฉัน ส่วนเธอก็อยู่ของเธอไป ตกลงมั้ย?"

ฉันไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าอย่างประหม่าจากเบาะหลัง

"ดีแล้ว" เขาพูดพลางมองฉันจากกระจกส่องหลัง

ถ้าฉันผิดหวังในตัวพ่อ ฉันก็ผิดหวังเป็นสองเท่าเกี่ยวกับบ้านที่ต่อไปจะเป็นที่อยู่ใหม่ของฉัน จากด้านนอก บ้านดูเล็กนิดเดียว และข้างในสกปรกฝุ่นหนาเหมือนไม่เคยมีใครกวาดทำความสะอาดมาเป็นปี มันมีกลิ่นเหม็นอับเหมือนไม้เน่าและหมาไม่ได้อาบน้ำ ทั้งๆ ที่เราไม่มีสัตว์เลี้ยงสักตัว ห้องของฉันเป็นแค่ฟูกที่นอนเล็กๆ ในห้องใต้หลังคา

ตามที่พ่อเคยพูดไว้ เขาเมินเฉยกับฉันและใช้ชีวิตของเขาไปเรื่อย มีแค่กิจวัตรประจำวันง่ายๆ คือนั่งดูทีวีในบ้านพลางจิบเบียร์ตลอดวันก่อนจะเดินออกไปที่บาร์ช่วงหัวค่ำแล้วกลับมาบ้านตอนดึก พ่อไม่เคยตบตีหรือทำร้ายฉัน และก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าฉันจะใช้เวลาอยู่ในห้องรับแขกกับเขาด้วยตราบเท่าที่ฉันไม่ส่งเสียงดังรบกวนเขา แต่ท่าทีถอนใจอย่างเบื่อหน่ายตอนฉันขออะไรเขาสักอย่างหรือทำเสียงดังเกินไปก็ยังทำฉันเสียใจอยู่ดี

ถึงฉันจะเกลียดการใช้ชีวิตที่นี่ แต่ต้องยอมรับว่าพื้นที่หลังบ้านยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ สวนหลังบ้านกว้างขวางพร้อมป่าทึบที่ทอดยาวออกไป ฉันชอบแสร้งทำตัวเป็นนักสำรวจที่ค้นพบดินแดนใหม่ ต้นไม้โบราณแต่ละต้นเป็นปริศนาน่าพิศวง เสียงร้องของสัตว์แต่ละชนิดหรือลูกอ๊อดถือเป็นการค้นพบใหม่ และทุกครั้งที่ฉันเดินลึกเข้าไปในป่า มันแทบเหมือนกับว่าฉันได้ละทิ้งความเศร้าโศกไว้เบื้องหลัง ถึงแม้จะแค่เพียงชั่วคราวก็เถอะ วันหนึ่ง ฉันบังเอิญเดินไปพบพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ที่มีต้นวิลโลว์โบราณตั้งอยู่ กิ่งก้านของมันยื่นยาวทอดลงมาแตะพื้นราวกับว่าแขนของมันหนักเกินกว่าจะแบกไหว

แต่สิ่งที่ฉันเห็นบนก้านไม้ทำใจฉันแทบหยุดเต้น มันคือแม่ของฉัน เธอสวมชุดเดรสสีส้มชุดโปรด กำลังฮัมเพลง พลางแกว่งขาไปมาเบาๆ ฉันมองเห็นเธอจากด้านหลัง แต่ไม่ผิดแน่ นั่นแม่ของฉันแน่ๆ

สัญชาติญาณบอกให้ฉันวิ่งหนีไปให้ไกล ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะแม่ตายไปแล้ว มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ แต่ฉันไม่แคร์ ฉันร้องไห้โฮแล้ววิ่งไปหาเธอ กอดเอวเธอเอาไว้แน่น

ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกแม่ว่าคิดถึงแม่แค่ไหน ฉันสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีขอเพียงให้แม่กลับมา​ เธอลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่นานจนผล็อยหลับไป พอตื่นมา เธอก็หายตัวไปแล้ว

ฉันหาเธอไม่พบในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ได้พบเธออีกครั้งในวันต่อมา เธอหันหลังให้ฉันและดวงอาทิตย์สาดแสงกระทบชุดเดรสสีเหลืองของเธอ ใจฉันเต้นแรงเร็ว เธอเหลียวมามองฉัน

"หวัดดีค่ะ" ฉันพูดเบาๆ
"หวัดดี" เธอพูดด้วยเสียงแม่ของฉัน แต่มีบางอย่างแตกต่างออกไป มันฟังดูเฉยชากว่า
"หนู.. ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ?"
เธอพยักหน้า
ฉันเดินเข้าใกล้อย่างหวั่นๆ 
"คุณไม่ใช่แม่จริงๆ ของหนูใช่มั้ยคะ?"
"ไม่" เธอตอบเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"งั้นคุณเป็นใครเหรอคะ?"
ความเงียบงันเข้าปกคลุมระหว่างเราทั้งคู่ เธอมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ฉันเองก็อ่านไม่ออก ฉันลองถามคำถามอื่นอีกครั้ง
"แล้ว คุณมีชื่อมั้ยคะ?"
เธอเงียบอยู่นานมากจนฉันไม่คิดว่าเธอจะตอบแล้วตอนเธอพูด
“ซาร่า”

ฉันเริ่มถามคำถามเธอมากขึ้น แต่เธอไม่ตอบหรือถ้าตอบก็ตอบเพียงสั้นๆ และอย่างช้าๆ ฉันเริ่มพูดถึงตัวเองแทนเพื่อคลายความอึดอัดใจ เราคุยกันอยู่พักหนึ่ง (ฉันเป็นคนพูดเองเสียส่วนมาก) ก่อนที่แสงจะสลัวลงทุกทีและฉันตัดสินใจกลับบ้านในที่สุด แต่ก่อนไปฉันถามเธอว่าฉันจะไปเยี่ยมเธออีกได้ไหมและเธอตอบตกลง ฉันรู้ว่าการไปเยี่ยมหญิงลึกลับที่หน้าตาเหมือนแม่ที่ตายไปแล้วของฉันใกล้หนองน้ำในป่าลึกเป็นความคิดที่โง่เขลาและอันตราย แต่ฉันก็ยังจะไป

แม่ตัวปลอมของฉัน หรือคุณซาร่าไม่ใช่เรื่องน่าสนใจเดียวที่เกิดขึ้นในอาทิตย์นั้น เช้าวันหนึ่งตอนเดินลงไปหาพ่อข้างล่าง ฉันเห็นพ่อกำลังคุยกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในห้องนั่งเล่น พวกเขากำลังแพคข้าวของดูเหมือนจะออกไปล่าสัตว์กัน ฉันแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นพ่อพูดเยอะแบบนี้มาก่อนแถมยังดูมีความสุขน่าดู ชายแปลกหน้าหันมามองฉัน

"นี่ใครกันเนี่ย?"
"อ๋อ นั่นลาซี่ ลูกสาวดาร์ลีนน่ะ จำดาร์ลีนได้ใช่มั้ย? นั่นลูกฉันเอง"
"นี่ฉันมีหลานสาวเหรอเนี่ย?" ชายแปลกหน้าพูดน้ำเสียงตื่นเต้น

เขาเดินมาทางฉันแล้วเชคแฮนด์ ลุงของฉันชื่อ "เดล" ตอนแรกฉันดีใจนะที่ได้พบลุงเป็นครั้งแรก แต่หลังๆ มานี้ ฉันเริ่มกลัวลุงมากขึ้นทุกที
ผมของเขาลีบแบนและมันเยิ้ม และเขามักจะเช็ดมือเปื้อนเหงื่อบนกางเกงสกปรก ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากจะยิ่งทำให้ทุกอย่างสกปรกไปกันใหญ่ ฉันไม่เคยเห็นเขาเปลี่ยนชุดเลยและถ้าคิดถึงกลิ่นอับของกัญชากับเหล้าแล้ว ฉันแน่ใจว่าเขาไม่เคยซักชุดนั้นเลย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรังเกียจลุง มันมีเหตุผลอื่น...

ด้วยความที่แม่เลี้ยงฉันมาแบบแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่สอนให้ฉันสังเกตสัญญาณอันตรายต่างๆ ของ "ผู้ใหญ่อันตราย" และเดลส่งสัญญาณทุกอย่างที่แม่เคยสอนไว้ เวลาลุงกอดฉัน เขาจะกอดแน่นและนานเกินความจำเป็น เขามักจะแตะบ่าฉันจากด้านหลังตอนฉันนั่งที่โต๊ะแล้วถามว่า "กล้ามเนื้อตึงเครียด" บ้างหรือเปล่า และเขาอยากให้ฉันนั่งตักตอนนั่งดูทีวีด้วยกันในห้องนั่งเล่น เขาเริ่มมาที่บ้านทุกวัน แต่ด้วยความที่ดูเหมือนพ่อจะมีความสุขที่ลุงมาเยี่ยม ฉันเลยไม่พูดอะไรมากและใช้เวลาออกไปข้างนอกมากขึ้นกว่าเดิม

ถ้ามองในแง่ดี ฉันเข้ากันได้ดีกับคุณซาร่า ถึงฉันจะกลัวหน่อยๆ ในตอนแรก แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ต้องการจะทำร้ายฉัน ฉันเริ่มไปเยี่ยมเธอทุกวัน เธอไม่ได้บอกอะไรฉัน แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอเองก็ชอบมีฉันเป็นเพื่อน 

"ทำไมคุณถึงดูเหมือนแม่ของหนูคะ?"
"เพื่อล่าเหยื่อ"
"ล่าเหยื่อเหรอคะ?"
"ใช่"
"ล่าหนูเหรอ?"
คุณซาร่ายิ้มน้อยๆ
"ไม่หรอก เธอไม่ใช่เหยื่อ"
งั้น.. คุณช่วยมาในแบบที่ไม่ใช่แม่หนูได้มั้ยคะ?"
เธอดูแปลกใจ "เธอไม่ชอบเหรอ"
"เปล่าค่ะ แต่ว่า.. คุณไม่ใช่แม่หนู" ฉันพูดแล้วร้องไห้โฮ "หนูรู้ว่าแม่หนูตายแล้ว หนูไม่ได้โง่ แต่ทุกครั้งที่หนูเห็นคุณมันทำให้หนูคิดถึงแม่ หนูจะแสร้งทำเป็นว่าคุณเป็นแม่หนูก็ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณก็ไม่ใช่แม่หนูอยู่ดี เพราะงั้น หนูอยากให้คุณปรากฎตัวเป็นตัวคุณเองดีกว่า"
เธอนั่งเงียบขณะฉันร้องไห้
"เข้าใจละ" เธอพูดเรียบๆ

แล้วสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้น ฉันรู้สึกสมองมืดมัวไปหมด จากนั้นครู่หนึ่งฉันมองไปที่คุณซาร่าและพบผู้หญิงที่ฉันไม่สามารถบอกอายุที่แน่นอนได้ เธอสวมชุดขาดรุ่งริ่งเก่าๆ ผิวและผมของเธอเป็นสีเข้ม และถึงตอนนี้เธอจะไม่ดูเหมือนแม่ของฉันอีกต่อไป แต่เธอยังคงนิ่งเงียบ​ท่าทางเหมือนคุณซาร่าคนเดิม

"นี่ตัวจริงของคุณเหรอคะ คุณสวยจังเลย" ฉันพูด

เธอยิ้มแล้วลูบหัวฉันเบาๆ

แต่สถานการณ์ที่บ้านน่าอึดอัดมากขึ้นทุกที ลุงเดลตอนนี้ทำเหมือนบ้านพ่อเป็นบ้านของตัวเอง และเขาชอบมาตอนพ่อออกไปข้างนอกเพื่อ "ดูแลฉัน" ซึ่งทำเอาฉันกลัวเอามากๆ 

แม้แต่ตอนนี้ที่หลายปีผ่านไปแล้ว ฉันยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นได้ดี พ่อออกไปข้างนอกเหมือนทุกวันและฉันอยู่บ้านคนเดียว กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกตอนได้ยินเสียงล้อรถเสียดสีพื้นหน้าบ้าน

ลุงเดลเดินเข้าบ้านมาพร้อมถุงพลาสติกขนาดใหญ่สองใบในมือ ฉันขยับขึ้นนั่งตัวตรงและเขาส่งยิ้มน่าขยะแขยงให้ฉัน

"หวัดดีที่รัก" เขาพูด "อากาศร้อนน่าดูเลยว่ามั้ย​ ปิดทีวีซะแล้วมาดูอะไรนี่"
ฉันทำตามแล้วเดินไปหาลุง เขาคุกเข่าบนพื้นกำลังค้นบางอย่างในถุงพลาสติก จากนั้นเขาดึงผ้าผืนเล็กออกมาแล้วยื่นให้ฉัน ฉันคลี่มันออกและพบว่ามันเป็นเสื้อตัวจิ๋วสีชมพูสดมีคำว่า Baby ปักฉลุด้วยสีเงินระยิบระยับ ฉันมองเขาอย่างสับสน แต่เขาแค่ยิ้มให้ฉันอย่างตื่นเต้นและคาดหวัง
"ลองใส่ดูสิ!"
"เสื้อเนี่ยนะ?!" ฉันพูดอย่างไม่เชื่อหู มันขนาดเล็กกว่าไซส์ฉันอย่างน้อยสองไซส์ ปลายเสื้อคงยาวไม่ถึงสะดือด้วยซ้ำ
"มันเล็กเกินไป!"
"ไม่เอาน่า สาวๆ สมัยนี้ก็ใส่กันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวดูชุดอื่นนะ ดูนี่สิ!"

เขาค้นดูในถุงอีกครั้งแล้วดึงเอาชุดหลายๆ ชุดออกมา ใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

มีชุดกะลาสีเรือสั้นๆ กับกระโปรงรัดรูป กางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่มีขอบเหมือนกางเกงใน ชุดเดรสเซ็กซี่ เสื้อครอปท็อบ และแน่นอนว่ามีกางเกงชั้นในแบบต่างๆ ที่ลุงพูดอย่างตื่นเต้นว่าเขาเป็นคนเลือกมันเองกับมือ

"ว่าไง จะลองชุดไหนก่อนดี?"
"ไม่เอา!"
"ไม่เอาน่า อย่าพูดอย่างนั้นสิ ลุงอุตส่าห์หามาให้นะ"
ฉันตอบปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่ลุงเดลคะยั้นคะยอไม่หยุด และเริ่มใช้น้ำเสียงดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันกลัว 
"ก็ได้" ฉันพูดหวั่นๆ 
"เยี่ยมไปเลย!"
ฉันเลือกดูแล้วเลือกสิ่งที่ฉันคิดว่าดูเหมาะสมที่สุด ชุดเดรสปักเลื่อมสายสปาเก็ตตี้สีไวน์แดง ฉันหันจะเดินไปทางห้องน้ำเมื่อลุงเดลคว้าแขนฉันไว้
"จะไปไหนกัน?"
"ห้องน้ำ"
"ไม่ๆ เธอจะเปลี่ยนมันที่นี่"
“ว่าไงนะ?!”
“ฉันอยากเห็นตอนเธอสวมชุดนั่น จะได้แน่ใจว่าเธอใส่ถูกไงล่ะ”

เราเถียงกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ลุงเดลหมดความอดทน น้ำเสียงแสดงความโกรธจัด เขาเริ่มตะโกนและโบกไม้โบกมืออย่างมีน้ำโห
"ใส่มัน ใส่ชุดนั่นที่นี่ เดี๋ยวนี้!! ชุดชั้นในด้วย ฉันอยากเห็นเธอใส่มัน!"

ฉันตัวสั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะลุงตะโกนโหวกเหวก

"เกิดอะไรกันขึ้น?"

เดลหันขวับไปเห็นพ่อยืนอยู่ที่ประตูหน้าสีหน้าเป็นกังวลและสับสนในเวลาเดียวกัน เราทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียงรถพ่อขับเข้ามาที่หน้าบ้าน ฉันรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ส่วนลุงเดลตาเบิกกว้างเลิกลั่ก

"ฉันซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้หลาน​ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบ"
"ว่าไงนะ? จริงเหรอลาซี่?" พ่อถามฉัน
"ไม่ใช่นะพ่อ! หนู..." ฉันพูดไม่ออก
"ฉันคิดว่าหลานคงไม่มีเสื้อผ้าเยอะนักเพราะเพิ่งย้ายมา เลยอยากจะซื้อให้ใหม่สักสองสามชุด แต่หลานไม่ชอบน่ะ มันไม่สวยพอล่ะมั้ง"
"ลาซี่!" พ่อตะคอก

ฉันอยากปกป้องตัวเอง แต่ตอนนั้นมันเหมือนมีลูกบอลจุกคอหอยอยู่

"ลุงเค้าอุตส่าห์คิดถึงเรา ทำไมถึงทำตัวแบบนี้?" พ่อเดินเข้าใกล้ "เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณคน..." เสียงพ่อหยุดกะทันหัน สายตาจ้องไปที่เสื้อผ้าตัวเล็กตัวน้อยกระจัดกระจายบนพื้น

ตาของพ่อเบิกกว้าง ลุงเดลพยายามเก็บเสื้อผ้าใส่ถุงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ "เอ่อ.. ฉันไม่รู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้ชอบอะไรเลยให้พนักงานในร้านเลือกให้น่ะ ฉันแค่ซื้อชุดที่เค้าแนะนำมา" เขาหัวเราะกลบเกลื่อน

พ่อเงียบอยู่พักใหญ่ก่อนพูดเสียงเข้ม "ลาซี่ ขึ้นไปที่ห้องก่อน" ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่