‘ผู้ประกอบการอัญมณี’ ฟ้อง ‘เพื่อไทย’ 9ปีที่ผ่านมาทรมานมาก-รัฐบาลไม่รับฟัง
https://www.dailynews.co.th/news/2165730/
"ผู้ประกอบการอัญมณี" ฟ้อง "เพื่อไทย" ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาทรมานมาก! รัฐบาลไม่รับฟัง ไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว เชื่อถ้าเปลี่ยนรัฐบาลจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ-การค้าจากหน้ามือเป็นหลังมือ.
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่อาคาร Jewely Trade Center ถนนสีลม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนาย
ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการฯ นาย
ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกทม. นายสัตวแพทย์
ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ นาย
นิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นาย
วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.
กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นาย
อรรฆรัตน์ นิติพน นาย
นวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล นาย
ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะหารือผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย)
นาย
สมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สำหรับสินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว
หากพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพหากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างดีเพียงพอ นอกจากนี้สมาพันธ์อัญมณีฯ เคยเสนอรัฐบาลน.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลดภาษีนำเข้าอัญมณี 20% เพื่อให้ผู้ประกอบการมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนั้นสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีในประเทศได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้แรงงานฝีมือมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย
“
ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่าปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะผู้นำจะนำพาผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มไปโรดโชว์ต่างประเทศพร้อมกัน ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาลนายทักษิณ รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” นาย
สมชาย กล่าว
ส่วนนาย
ชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่าขอเสนอแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้แก่
1. รัฐอย่าขัดขวางผู้ประกอบการ กฎระเบียบ ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการได้สร้างความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง
2. รัฐอย่าเป็นคู่แข่งของเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมาในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ รัฐเป็นผู้จัดงานแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ เช่น จัดงานในลักษณะ Business to Business (B2B) แต่นำนักเรียน นักศึกษา มาดูงาน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไม่สามารถสร้างยอดซื้อ และยังเป็นการนำภาษีมาใช้โดยเปล่าประโยชน์
“
ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีของไทยขาดโอกาส เพราะหลายธุรกิจถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ มีปัญหาด้านสังคมในแวดวงราชการ จากปัญหาเชิงวัฒนธรรมของผู้ที่ถืออำนาจในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แต่ในวันนี้ดีใจทีาพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอนโยบายหลายด้าน อย่างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเสียดายโครงการ 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก ดีใจที่หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะนำกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ว่า เวลามีค่า หลายคนคงได้รับรู้แล้วในวันนี้” นาย
ชมพล กล่าว
ส่วนน.ส.
ศิริอาภา พรจินดารักษ์ รองประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบสล อยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกอัญมณีของโลก ซึ่งสมาพันธ์อัญมณีฯ พยายามผลักดันมานาน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาล เพราะการงานแฟร์ด้านอัญมณี หรือด้านอื่นๆ ได้ประโยชน์หลายภาคส่วน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การบริการ ซึ่งไทยมีจุดเด่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า การบริการดีกว่า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่รัฐบาลไม่เคยส่งเสริม
ขณะที่ นาย
ปานปรีย์ กล่าวว่าสินค้าสำคัญของไทยเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น
ในปัจจุบันเอสเอ็มอีมีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสมาพันธ์อัญมณีฯ สามารถออกใบรับรองเอสเอ็มอี ในลักษณะเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสามารถเพิ่มศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในประเทศและตลาดโลกได้ ส่วนด้านการส่งออก รัฐบาลมีความสำคัญอย่างมากในการจัดหาตลาด เพื่อแนะนำศักยภาพของอัญมณีไทย
ทางด้านนาง
พวงเพ็ชร กล่าวว่า ทีมงานของพรรค พท. มีนโยบายแบ่งการทำงานหลายคณะ 15 คณะ ดูเรื่องที่แตกต่างกัน ทั้งเอสเอ็มอี ซอฟพาวเวอร์ ฃ นโยบายของเราเอสเอ็มอีของไทยต้องได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะการดูแลจากภาครัฐ และกฎหมายต่างๆ ที่ต้องดูแล เป็นฝ่ายค้านมานาน 8 ปี เราอยากแก้ไขจริงๆ อยากให้เชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลพรรค พท. จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ เราเข้าใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหาร อยากให้มอบความมั่นใจให้พรรค พท.
นาย
เผ่าภูมิ กล่าวว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ หรือ A new chapter of thailand มี 5 ด้าน ได้แก่
1.A new chapter of Thailand of Investment ไทยจะกลายเป็นประเทศเปิดเชื่อมโลก ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็น FDI intensive country ในบริบทใหม่ที่ต่างจากเดิม ด้วยการเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอี ทั้งต้นทุน การจ้างงาน กฎหมายและการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อภาครัฐ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จะมีการเปิดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ กทม. ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกเว้นมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคล
2. A new chapter of Thailand of Digital economy ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่
3. A new chapter of Thailand of Logistic ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินด้วยโมเดล Multi Airport หลายสนามบินต้องทำงานร่วมกัน การใช้บริการสนามบินต้องไม่กระจุกตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเขตธุรกิจใหม่ผ่านทางรถไฟเชื่อมต่อลาว เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น
4. A new chapter of Thailand of Education เชื่อม 3 ฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา เข้าด้วยกัน เอกชนจะมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรมากขึ้น โดยเรามีแนวคิดสนับสนุนการออกใบรับรองความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐาน (Certificate) แทนใบปริญญา เพื่อให้ได้ต่าตอบแทนที่สูงขึ้น
5. A new chapter of Thailand of Tourism เรามองตลาดใหม่ๆ อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ดึงดูดเข้ามาในประเทศ และจะให้ความสำคัญกับการจัดมหกรรมระดับโลก ทั้งนำมหกรรมต่างประเทศมาจัดในไทย และเทศกาลในไทยให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
ส่วนนาย
ดนุพร กล่าวว่า พรรค พท. จะนำโครงการ “
กรุงเทพเมืองแฟชั่น” เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นจุดหมายปลายทางของแฟชั่นหลากหลายสาขา ทั้ง เสื้อผ้า อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ เราจะศึกษาความเป็นไปได้ในการลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมในไทย เพื่อแย่งชิงตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มชอปปิงจากเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ฮ่องกง จากเดิมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแห่ง Sea Sand Sun จะเพิ่มเรื่องการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น จะเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาให้ได้เทียบเท่าก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้การลดภาษีบางรายการ จะทำให้เงินใต้โต๊ะหายไปด้วย
ภายหลังการหารือ พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ผู้แทนจากสมาพันธ์อัญมณีฯ พร้อมคณะของพรรคเพื่อไทย ได้เยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายอัญมณีภายในอาคาร Jewely Trade Center ด้วย.
เพื่อไทย อัดกกต. ออกแบบบัตรทำสับสน ถามยุ่งยากเพื่อใคร เหน็บออกแบบใหม่แค่ชม.เดียว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3904040
‘พวงเพ็ชร’ อัด กกต. ออกแบบบัตรเลือกแบบเขตไร้โลโก้-ชื่อพรรค ทำปชช.สับสน เหน็บ ให้ทำใหม่เหตุใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เมื่อเทียบกับการใช้เวลาทำเรื่องอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่บัตรเลือกตั้งแบบเขตซึ่งไม่มีโลโก้ และชื่อของพรรคการเมือง มีเพียงเบอร์ของผู้สมัคร ส.ส. ขณะที่บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อมีทั้งโลโก้ และชื่อพรรคการเมือง ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งว่า พรรค พท.เคยพูดถึงประเด็นการแบ่งเขตแบบพิลึกพิลั่นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้วว่า การสับเขตตามแขวงทำให้ประชาชนสับสน และไม่สะดวกในการเลือกตั้ง ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่ กตต.ทำออกมาแล้วเหมือนเป็นการสร้างปัญหาให้กับผู้สมัครส.ส. และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ล่าสุดก็เรื่องบัตรเลือกตั้งที่ออกแบบมาทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบัตรเลือกตั้งที่ไม่มีโลโก้พรรคนั้น ตนไม่ทราบว่า กกต.คิดอย่างไรจึงตัดสินใจลักษณะนี้ออกมา ยิ่งเป็นการทวีปัญหาเพราะการแบ่งเขตก็พิลึกพิลั่น วุ่นวายอยู่แล้ว บัตรเลือกตั้งยังทำให้สับสนอีก
นาง
พวงเพ็ชร กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า กกต.จะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ เพราะยังมีเวลานั่งทำอาร์ตเวิร์กใหม่ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เมื่อเทียบกับการที่ท่านใช้เวลาไปทำเรื่องอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือหากคณะทำงานของท่านทำไม่เป็น เรามีทีมงานที่พร้อมอาสาไปช่วยทำให้ท่าน เพราะไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ กกต.ควรต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้พร้อมออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“
ดิฉันอยากฝากถึง กกต. ขอให้ท่านให้ความเป็นธรรมทั้งผู้สมัครและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบมากมายที่ผ่านมา ดิฉันก็ไม่รู้เหตุผลว่าเหตุใด กกต.จึงอยากเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนี้ ซึ่งท่านต้องมีคำตอบให้กับสังคมว่า การออกกฎเกณฑ์ให้ยุ่งยาก ซับซ้อนมากมายแบบนี้ท่านมีวัตถุประสงค์อะไร หรือทำเพื่อประโยชน์ของใคร สุดท้ายหวังว่า กกต.จะพิจารณาทุกประเด็นอย่างรอบคอบอีกครั้ง” นาง
พวงเพ็ชร กล่าว
JJNY : 5in1 ‘ผู้ประกอบการอัญมณี’ฟ้อง‘พ.ท.’│พ.ท.อัดกกต.│“ธนาธร”หาเสียงโคราช│ศก.ไทยฟื้นตัวช้า│นักข่าวมะกันถูกจับในรัสเซีย
https://www.dailynews.co.th/news/2165730/
"ผู้ประกอบการอัญมณี" ฟ้อง "เพื่อไทย" ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาทรมานมาก! รัฐบาลไม่รับฟัง ไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว เชื่อถ้าเปลี่ยนรัฐบาลจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ-การค้าจากหน้ามือเป็นหลังมือ.
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่อาคาร Jewely Trade Center ถนนสีลม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการฯ นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกทม. นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ นายนิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายอรรฆรัตน์ นิติพน นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะหารือผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย)
นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สำหรับสินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว
หากพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพหากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างดีเพียงพอ นอกจากนี้สมาพันธ์อัญมณีฯ เคยเสนอรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลดภาษีนำเข้าอัญมณี 20% เพื่อให้ผู้ประกอบการมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนั้นสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีในประเทศได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้แรงงานฝีมือมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย
“ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่าปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะผู้นำจะนำพาผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มไปโรดโชว์ต่างประเทศพร้อมกัน ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาลนายทักษิณ รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” นายสมชาย กล่าว
ส่วนนายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่าขอเสนอแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้แก่
1. รัฐอย่าขัดขวางผู้ประกอบการ กฎระเบียบ ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการได้สร้างความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง
2. รัฐอย่าเป็นคู่แข่งของเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมาในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ รัฐเป็นผู้จัดงานแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ เช่น จัดงานในลักษณะ Business to Business (B2B) แต่นำนักเรียน นักศึกษา มาดูงาน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไม่สามารถสร้างยอดซื้อ และยังเป็นการนำภาษีมาใช้โดยเปล่าประโยชน์
“ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีของไทยขาดโอกาส เพราะหลายธุรกิจถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ มีปัญหาด้านสังคมในแวดวงราชการ จากปัญหาเชิงวัฒนธรรมของผู้ที่ถืออำนาจในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แต่ในวันนี้ดีใจทีาพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอนโยบายหลายด้าน อย่างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเสียดายโครงการ 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก ดีใจที่หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะนำกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ว่า เวลามีค่า หลายคนคงได้รับรู้แล้วในวันนี้” นายชมพล กล่าว
ส่วนน.ส.ศิริอาภา พรจินดารักษ์ รองประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบสล อยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกอัญมณีของโลก ซึ่งสมาพันธ์อัญมณีฯ พยายามผลักดันมานาน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาล เพราะการงานแฟร์ด้านอัญมณี หรือด้านอื่นๆ ได้ประโยชน์หลายภาคส่วน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การบริการ ซึ่งไทยมีจุดเด่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า การบริการดีกว่า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่รัฐบาลไม่เคยส่งเสริม
ขณะที่ นายปานปรีย์ กล่าวว่าสินค้าสำคัญของไทยเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น
ในปัจจุบันเอสเอ็มอีมีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสมาพันธ์อัญมณีฯ สามารถออกใบรับรองเอสเอ็มอี ในลักษณะเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสามารถเพิ่มศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในประเทศและตลาดโลกได้ ส่วนด้านการส่งออก รัฐบาลมีความสำคัญอย่างมากในการจัดหาตลาด เพื่อแนะนำศักยภาพของอัญมณีไทย
ทางด้านนางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ทีมงานของพรรค พท. มีนโยบายแบ่งการทำงานหลายคณะ 15 คณะ ดูเรื่องที่แตกต่างกัน ทั้งเอสเอ็มอี ซอฟพาวเวอร์ ฃ นโยบายของเราเอสเอ็มอีของไทยต้องได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะการดูแลจากภาครัฐ และกฎหมายต่างๆ ที่ต้องดูแล เป็นฝ่ายค้านมานาน 8 ปี เราอยากแก้ไขจริงๆ อยากให้เชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลพรรค พท. จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ เราเข้าใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหาร อยากให้มอบความมั่นใจให้พรรค พท.
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ หรือ A new chapter of thailand มี 5 ด้าน ได้แก่
1.A new chapter of Thailand of Investment ไทยจะกลายเป็นประเทศเปิดเชื่อมโลก ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็น FDI intensive country ในบริบทใหม่ที่ต่างจากเดิม ด้วยการเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอี ทั้งต้นทุน การจ้างงาน กฎหมายและการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อภาครัฐ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จะมีการเปิดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ กทม. ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกเว้นมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคล
2. A new chapter of Thailand of Digital economy ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่
3. A new chapter of Thailand of Logistic ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินด้วยโมเดล Multi Airport หลายสนามบินต้องทำงานร่วมกัน การใช้บริการสนามบินต้องไม่กระจุกตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเขตธุรกิจใหม่ผ่านทางรถไฟเชื่อมต่อลาว เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น
4. A new chapter of Thailand of Education เชื่อม 3 ฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา เข้าด้วยกัน เอกชนจะมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรมากขึ้น โดยเรามีแนวคิดสนับสนุนการออกใบรับรองความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐาน (Certificate) แทนใบปริญญา เพื่อให้ได้ต่าตอบแทนที่สูงขึ้น
5. A new chapter of Thailand of Tourism เรามองตลาดใหม่ๆ อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ดึงดูดเข้ามาในประเทศ และจะให้ความสำคัญกับการจัดมหกรรมระดับโลก ทั้งนำมหกรรมต่างประเทศมาจัดในไทย และเทศกาลในไทยให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
ส่วนนายดนุพร กล่าวว่า พรรค พท. จะนำโครงการ “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นจุดหมายปลายทางของแฟชั่นหลากหลายสาขา ทั้ง เสื้อผ้า อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ เราจะศึกษาความเป็นไปได้ในการลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมในไทย เพื่อแย่งชิงตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มชอปปิงจากเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ฮ่องกง จากเดิมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแห่ง Sea Sand Sun จะเพิ่มเรื่องการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น จะเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาให้ได้เทียบเท่าก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้การลดภาษีบางรายการ จะทำให้เงินใต้โต๊ะหายไปด้วย
ภายหลังการหารือ พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ผู้แทนจากสมาพันธ์อัญมณีฯ พร้อมคณะของพรรคเพื่อไทย ได้เยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายอัญมณีภายในอาคาร Jewely Trade Center ด้วย.
เพื่อไทย อัดกกต. ออกแบบบัตรทำสับสน ถามยุ่งยากเพื่อใคร เหน็บออกแบบใหม่แค่ชม.เดียว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3904040
‘พวงเพ็ชร’ อัด กกต. ออกแบบบัตรเลือกแบบเขตไร้โลโก้-ชื่อพรรค ทำปชช.สับสน เหน็บ ให้ทำใหม่เหตุใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เมื่อเทียบกับการใช้เวลาทำเรื่องอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่บัตรเลือกตั้งแบบเขตซึ่งไม่มีโลโก้ และชื่อของพรรคการเมือง มีเพียงเบอร์ของผู้สมัคร ส.ส. ขณะที่บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อมีทั้งโลโก้ และชื่อพรรคการเมือง ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งว่า พรรค พท.เคยพูดถึงประเด็นการแบ่งเขตแบบพิลึกพิลั่นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้วว่า การสับเขตตามแขวงทำให้ประชาชนสับสน และไม่สะดวกในการเลือกตั้ง ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่ กตต.ทำออกมาแล้วเหมือนเป็นการสร้างปัญหาให้กับผู้สมัครส.ส. และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ล่าสุดก็เรื่องบัตรเลือกตั้งที่ออกแบบมาทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบัตรเลือกตั้งที่ไม่มีโลโก้พรรคนั้น ตนไม่ทราบว่า กกต.คิดอย่างไรจึงตัดสินใจลักษณะนี้ออกมา ยิ่งเป็นการทวีปัญหาเพราะการแบ่งเขตก็พิลึกพิลั่น วุ่นวายอยู่แล้ว บัตรเลือกตั้งยังทำให้สับสนอีก
นางพวงเพ็ชร กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า กกต.จะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ เพราะยังมีเวลานั่งทำอาร์ตเวิร์กใหม่ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เมื่อเทียบกับการที่ท่านใช้เวลาไปทำเรื่องอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือหากคณะทำงานของท่านทำไม่เป็น เรามีทีมงานที่พร้อมอาสาไปช่วยทำให้ท่าน เพราะไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ กกต.ควรต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้พร้อมออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ดิฉันอยากฝากถึง กกต. ขอให้ท่านให้ความเป็นธรรมทั้งผู้สมัครและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบมากมายที่ผ่านมา ดิฉันก็ไม่รู้เหตุผลว่าเหตุใด กกต.จึงอยากเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนี้ ซึ่งท่านต้องมีคำตอบให้กับสังคมว่า การออกกฎเกณฑ์ให้ยุ่งยาก ซับซ้อนมากมายแบบนี้ท่านมีวัตถุประสงค์อะไร หรือทำเพื่อประโยชน์ของใคร สุดท้ายหวังว่า กกต.จะพิจารณาทุกประเด็นอย่างรอบคอบอีกครั้ง” นางพวงเพ็ชร กล่าว