โดยหลักการ เราสามารถมองตามได้ โดยที่จิตยังไม่ได้เข้าใจไปเห็นเอง
เรียกว่าการนึกภาพตามละกัน
อัตตา ที่เกิดขึ้นแบบนี้ในปัจจุบันของเรา กับรูปขันธ์นี้
เราจะเห็น รูปอื่นๆ ในชีวิตประจำของเราว่ามีตัวตน มีอัตตา ด้วยเหมือนเรา
มีสมมุติว่า เป็น พ่อ เป็นแม่ เป็นพี่สาว เป็นน้องชาย อะไรก็ว่าไป
ทีนี้ เมื่อเราเห็น อนัตตา ตามที่เป็นจริง จะเกิดอะไรขึ้น?
เราจะสามารถกำหนดรูปที่ได้สมมุติไว้ว่า เป็น แม่ เป็นพ่อ พี่สาว น้องสาว ว่า อัตตาเกิดที่รูป เพราะมีเหตุปัจจัย
อย่ากระนั้นเลย รูปอื่นๆ ก็เป็นอนัตตา เเม้น รูปขันธ์นี้ก็เป็นอนัตตา
เราจะรู้ว่า ตลอดสังวัฏฏกัป วิวัฏฏกัป ที่เราได้ท่องเที่ยวไปมาอยู่
เราก็เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกสาว น้องชาย (ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่า สัตว์ทั้งหมด เคยเกิดมาเจอกัน มามีสมมุติกัน)
แต่ไม่ใช่แบบที่วงเล็บนั้น....
การเกิดเป็น พ่อ เป็นแม่ พี่สาว น้องสาว อย่างแท้จริงนี้ นัยนะเเท้จริง หมายถึงเรา เคยมี อัตตารูปแบบเหล่านั้น มาแล้วนั้นเอง
ต้องนึกภาพตาม
เมื่อผมหรือคุณ มองไปที่ใบหน้า พ่อแม่ตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า "อัตตา"
นั้นแสดงว่า พวกเขาไม่ใช่ พ่อแม่ ของเราอย่างแท้จริง
เพราะเหตุใด??
บางคนอาจกำลังน้ำตาคลอ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้
เพราะเหตุว่า แม้เราเอง ก็เคยมีใบหน้าแบบนี้ เคยมี สมมุติแบบนี้ เคยมีอัตตา แบบนี้ เคยรับบท เป็นพ่อ เป็นแม่ แบบนี้
อัตตาเหล่านั้น ไม่ใช่ อัตตาที่แท้จริง
และที่เป็นเช่นนี้ เพราะการปรุงแต่งให้เกิดอัตตา มันมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น เป็นตถตา ้เป็น อิทัปปัจัยตา
ดังนั้นสิ่งสมมุติ สิ่งเหล่านี้ พระตถาคตไม่ทรงมองเห็นว่ามันคือธรรมชาติที่สวยงามอะไร ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์
โดยแท้จริง มันคือสิ่งลวงโลก ของหลอกลวง สังขารการปรุงแต่ง เป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นชม เป็นของไม่ใช่ตัวตน
คุณก็นึกสภาพตัวเองตอนนี้ ร้องไห้เสียใจ กับภาพที่ตัวเอง กับสิ่งที่เคยเป็นมา เคยผ่านมา
เคยมีอัตตาแบบนี้มา เคยเล่นมาแล้ว เคยรับบทมา
หรือจะบอกว่า
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการมีอัตตาของเรา จึงทำให้รูปอื่นๆ มีอัตตาไปด้วย ดูกลไกของมัน สมมุติขึ้นมา
มันพอนึกภาพออก คนที่เห็นโดยความเป็น อนัตตา ตามจริง
อนึ่ง ผมไม่ตื่นเต้นถ้าใครจะพูดกับผมว่า เคยเกิดเป็นพรหม เป็นเทพ เทวดาชั้นนั้นชั้นนี้มา คือเลือกเฉพาะอัตตาที่ตัวเองชอบ เพื่อเสริมอัตตาปัจจุบัน
แต่ถ้ามีใครบางคน มาบอกว่า แม้นรูปขันธ์ที่คุณอาศัยอยู่ มีอัตตาอยู่ตอนนี้ แม้ในตัวผมที่ได้ท่องเที่ยวมาตลอดกาลยาวนาน ก็เคยเป็นมาแล้ว ตลอด แสนมหากัป
เคยมีรูปขันธ์เหมือนคุณเช่นนี้แล
ผมจะรู้สึกเซอร์ไพรส และอุทานว่า โอ้หนอ สาธุ
เราได้ดีแล้ว ผู้เป็น เทพ ผู้เป็นพรหม ผู้เป็นอริยเจ้า ทักทายกับเราเช่นนี้
เห็นอนัตตาอย่าง(พิศดาร)
เรียกว่าการนึกภาพตามละกัน
อัตตา ที่เกิดขึ้นแบบนี้ในปัจจุบันของเรา กับรูปขันธ์นี้
เราจะเห็น รูปอื่นๆ ในชีวิตประจำของเราว่ามีตัวตน มีอัตตา ด้วยเหมือนเรา
มีสมมุติว่า เป็น พ่อ เป็นแม่ เป็นพี่สาว เป็นน้องชาย อะไรก็ว่าไป
ทีนี้ เมื่อเราเห็น อนัตตา ตามที่เป็นจริง จะเกิดอะไรขึ้น?
เราจะสามารถกำหนดรูปที่ได้สมมุติไว้ว่า เป็น แม่ เป็นพ่อ พี่สาว น้องสาว ว่า อัตตาเกิดที่รูป เพราะมีเหตุปัจจัย
อย่ากระนั้นเลย รูปอื่นๆ ก็เป็นอนัตตา เเม้น รูปขันธ์นี้ก็เป็นอนัตตา
เราจะรู้ว่า ตลอดสังวัฏฏกัป วิวัฏฏกัป ที่เราได้ท่องเที่ยวไปมาอยู่
เราก็เคยเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกสาว น้องชาย (ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่า สัตว์ทั้งหมด เคยเกิดมาเจอกัน มามีสมมุติกัน)
แต่ไม่ใช่แบบที่วงเล็บนั้น....
การเกิดเป็น พ่อ เป็นแม่ พี่สาว น้องสาว อย่างแท้จริงนี้ นัยนะเเท้จริง หมายถึงเรา เคยมี อัตตารูปแบบเหล่านั้น มาแล้วนั้นเอง
ต้องนึกภาพตาม
เมื่อผมหรือคุณ มองไปที่ใบหน้า พ่อแม่ตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า "อัตตา"
นั้นแสดงว่า พวกเขาไม่ใช่ พ่อแม่ ของเราอย่างแท้จริง
เพราะเหตุใด??
บางคนอาจกำลังน้ำตาคลอ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้
เพราะเหตุว่า แม้เราเอง ก็เคยมีใบหน้าแบบนี้ เคยมี สมมุติแบบนี้ เคยมีอัตตา แบบนี้ เคยรับบท เป็นพ่อ เป็นแม่ แบบนี้
อัตตาเหล่านั้น ไม่ใช่ อัตตาที่แท้จริง
และที่เป็นเช่นนี้ เพราะการปรุงแต่งให้เกิดอัตตา มันมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น เป็นตถตา ้เป็น อิทัปปัจัยตา
ดังนั้นสิ่งสมมุติ สิ่งเหล่านี้ พระตถาคตไม่ทรงมองเห็นว่ามันคือธรรมชาติที่สวยงามอะไร ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์
โดยแท้จริง มันคือสิ่งลวงโลก ของหลอกลวง สังขารการปรุงแต่ง เป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นชม เป็นของไม่ใช่ตัวตน
คุณก็นึกสภาพตัวเองตอนนี้ ร้องไห้เสียใจ กับภาพที่ตัวเอง กับสิ่งที่เคยเป็นมา เคยผ่านมา
เคยมีอัตตาแบบนี้มา เคยเล่นมาแล้ว เคยรับบทมา
หรือจะบอกว่า
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการมีอัตตาของเรา จึงทำให้รูปอื่นๆ มีอัตตาไปด้วย ดูกลไกของมัน สมมุติขึ้นมา
มันพอนึกภาพออก คนที่เห็นโดยความเป็น อนัตตา ตามจริง
อนึ่ง ผมไม่ตื่นเต้นถ้าใครจะพูดกับผมว่า เคยเกิดเป็นพรหม เป็นเทพ เทวดาชั้นนั้นชั้นนี้มา คือเลือกเฉพาะอัตตาที่ตัวเองชอบ เพื่อเสริมอัตตาปัจจุบัน
แต่ถ้ามีใครบางคน มาบอกว่า แม้นรูปขันธ์ที่คุณอาศัยอยู่ มีอัตตาอยู่ตอนนี้ แม้ในตัวผมที่ได้ท่องเที่ยวมาตลอดกาลยาวนาน ก็เคยเป็นมาแล้ว ตลอด แสนมหากัป
เคยมีรูปขันธ์เหมือนคุณเช่นนี้แล
ผมจะรู้สึกเซอร์ไพรส และอุทานว่า โอ้หนอ สาธุ
เราได้ดีแล้ว ผู้เป็น เทพ ผู้เป็นพรหม ผู้เป็นอริยเจ้า ทักทายกับเราเช่นนี้