คือเรามีน้องสาวคนหนึ่งค่ะ อาศัยอยู่ห้องเดียวกัน แต่ไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน คือมีตู้ผ้ากั้น น้องเราอายุ 12 กำลังจะจบ ป.6 แล้วคือตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็คือของหายบ่อยมาก จากแต่ก่อนลิ้นชักเราของใช้เต็มเลย เดี๋ยวนี้คือแทบไม่เหลืออะไรให้ใช้ ตอนแรกของที่เริ่มหายก็จะเป็นพวกเครื่องสำอางค์ ลิปสติก ครีมบำรุงผิวอะไรอย่างงี้ เราก็ถามนะว่าของไปไหน ได้เอาไปหรือเปล่า มันก็ตอบว่าไม่รู้ ๆ อย่างเดียว บางอย่างได้คืน แต่บางอย่างก็หายไปเลย เราก็ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ให้ช่วยตักเตือนมันหน่อย คราวนี้ของมันก็เริ่มหายถี่ขี้น จากเครื่องสำอางค์ มันก็เริ่มเอากระโปรงนักเรียนกับกางเกงพละของเราไปใส่ (ทั้งที่เรียนคนละโรงเรียนกัน) ซึ่งในห้องเราจะมียายคอยอยู่ด้วย ซักรีดเสื้อผ้าให้ เขาก็ถามนะว่าทำไมถึงเอาของพี่ไปใส่ มันก็เงียบและก็ไม่ยอมคืน ดีที่เรามีกางเกงพละ 2 ตัว ทีนี้มาเมื่อวานนี้เราก็พึ่งค้นพบว่ารองเท้าผ้าใบที่เราเก็บไว้ในกล่องอย่างดีหาย เหลือแต่กล่องเปล่า ๆ พึ่งซื้อมาใส่ได้ 2-3 ครั้งเอง ซึ่งเป็นรองเท้าคู่ที่เราชอบมาก อุตส่าห์จะแต่งตัวออกข้างนอกสวย ๆ ก็คืออารมณ์เสียแต่เช้าเลย เราก็ถามนะว่าได้เอาไปหรือเปล่า มันก็นั่งเงียบ แถมตีหน้าซื่อใส่ เรากับยายก็รุมว่ามันอยู่พักหนึ่ง แล้วเราก็ต้องรีบปึงปังออกจากบ้านพร้อมกับความหงุดหงิดเพราะมีนัดต่อ
เราก็เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่นะว่ามันทำนิสัยนี้อีกแล้ว พ่อก็บอกว่าให้หักค่าขนมอาทิตย์หน้าของมันไปเลย เราก็โอเค ไม่ติดใจอะไร จนกระทั่งมาตอนเย็น เราพึ่งรู้อีกว่าดิลโด้ที่เราอุตส่าห์แอบไว้อย่างดีมันหายไป เหลือแต่กล่องเปล่า ๆ คือตอนนั้นเราตกใจมากว่ามันหายไปได้ยังไง เพราะพึ่งเอาออกมาดูเมื่อเสาร์ที่ผ่านมาเอง แต่รองเท้าอ่ะไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเลยเริ่มโมโหละเพราะอันนี้มันก็เกินไป ขโมยแม้กระทั่งดิลโด้ ซึ่งเป็นของที่ไม่ควรใช้ร่วมกันเลย เราก็ทักแชทไปด่ามันยกนึงเพราะไม่กล้าโวยวายเรื่องนี้เสียงดัง มันอ่านแล้วก็เงียบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยยิ่งโมโหและเริ่มหาวิธีจัดการกับนิสัยแย่ ๆ แบบนี้ของมัน เพราะบอกให้พ่อแม่ไปว่าไปเตือนมันก็ไม่ยอมฟัง บางครั้งยังโกหกหน้าตายอีก ที่น่าตกใจคือมันพึ่งอายุ 12 แล้วหัดทำนิสัยแบบนี้แล้ว ไม่อยากคิดสภาพเลยว่าโตขึ้นไปจะเป็นคนแบบไหน
ทุกคนคิดว่าเราควรจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีคะ คือเอือมกับมันเต็มทนละ ไม่รู้ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน คนในครอบครัวก็ไม่มีใครเป็น ของอยู่ในลิ้นชักส่วนตัวก็ยังมารื้อ รื้อแม้กระทั่งในส่วนที่อุตส่าห์แอบไว้มิดชิด เราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากด่ามัน แต่ก็เจ็บใจที่มันยังทำเป็นไม่สะทกสะท้าน อย่างงี้ต้องประจานให้อายเอาหน้ามุดกิน
เด็ก 12 ขโมยดิลโด้
เราก็เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่นะว่ามันทำนิสัยนี้อีกแล้ว พ่อก็บอกว่าให้หักค่าขนมอาทิตย์หน้าของมันไปเลย เราก็โอเค ไม่ติดใจอะไร จนกระทั่งมาตอนเย็น เราพึ่งรู้อีกว่าดิลโด้ที่เราอุตส่าห์แอบไว้อย่างดีมันหายไป เหลือแต่กล่องเปล่า ๆ คือตอนนั้นเราตกใจมากว่ามันหายไปได้ยังไง เพราะพึ่งเอาออกมาดูเมื่อเสาร์ที่ผ่านมาเอง แต่รองเท้าอ่ะไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเลยเริ่มโมโหละเพราะอันนี้มันก็เกินไป ขโมยแม้กระทั่งดิลโด้ ซึ่งเป็นของที่ไม่ควรใช้ร่วมกันเลย เราก็ทักแชทไปด่ามันยกนึงเพราะไม่กล้าโวยวายเรื่องนี้เสียงดัง มันอ่านแล้วก็เงียบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยยิ่งโมโหและเริ่มหาวิธีจัดการกับนิสัยแย่ ๆ แบบนี้ของมัน เพราะบอกให้พ่อแม่ไปว่าไปเตือนมันก็ไม่ยอมฟัง บางครั้งยังโกหกหน้าตายอีก ที่น่าตกใจคือมันพึ่งอายุ 12 แล้วหัดทำนิสัยแบบนี้แล้ว ไม่อยากคิดสภาพเลยว่าโตขึ้นไปจะเป็นคนแบบไหน
ทุกคนคิดว่าเราควรจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีคะ คือเอือมกับมันเต็มทนละ ไม่รู้ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน คนในครอบครัวก็ไม่มีใครเป็น ของอยู่ในลิ้นชักส่วนตัวก็ยังมารื้อ รื้อแม้กระทั่งในส่วนที่อุตส่าห์แอบไว้มิดชิด เราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากด่ามัน แต่ก็เจ็บใจที่มันยังทำเป็นไม่สะทกสะท้าน อย่างงี้ต้องประจานให้อายเอาหน้ามุดกิน