...โปรแกรมแอ่วนครลำปาง...
     - อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
     - เช็คอินเข้าที่พัก The Riverside Guesthouse
     - มาหามิตร (Mahamitr)
     - กาดกองต้า (Night Market)
     - Papa Craft
     - พระธาตุลำปางหลวง
     - หม่องโง่ยซิ่น คาเฟ่

มาเริ่มกันที่ "อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน" หลังจากลงเครื่องเราก็ตรงไปที่นี่เลย จากตัวเมืองลำปางขับรถไปถึง อช.แจ้ซ้อน ประมาณชั่วโมงนิดๆ เราไปถึงช่วงสายๆ มาถึงที่นี่ต้องทำอะไร ....ตอบสั้นๆ คือ ต้องมาต้มไข่ค่ะ เพราะที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ การต้มไข่เป็นการพิสูจน์ว่า น้ำในบ่อร้อนจริงค่ะคุณ โดยตอนไปซื้อไข่ แม่ค้าจะแจ้งรายละเอียดในการต้มให้ทราบ ว่าต้องต้มกี่นาที เค้าว่ากันว่า...ไข่ต้มที่นี่รสชาติดีค่ะ ใครมาเที่ยวลองมาชิมไข่ต้มฝีมือตัวเองที่นี่นะคะ นอกจากรสชาติไข่ต้มจะดีแล้ว บรรยากาศที่นี่ก็ดีไม่แพ้กันค่ะ เงียบสงบ ร่มรื่น มีมุมถ่ายรูปฉากหลังเป็นบ่อน้ำพุร้อนหลายจุด สายถ่ายรูปเลือกมุมได้ตามใจชอบ ส่วนใครอยากเห็นไอน้ำลอยปกคลุมบ่อน้ำพุ ให้มาเช้าๆ นะคะ เรามาถึงก่อนเที่ยงอดเห็นไอน้ำเลย 

จากอุทยานฯ ทานมื้อกลางวันและไข่ต้มฝีมือตัวเองเสร็จ เราก็เดินทางไปเช็คอินเข้าที่พัก "เดอะริเวอร์ไซด์เกสท์เฮ้าส์" ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำวัง บรรยากาศเหมือนบ้านริมน้ำ เป็นอาคารไม้ตกแต่งสไตล์ล้านนา มีต้นไม่เยอะให้ร่มเงาและความร่มรื่น เป็นที่พักที่เหมาะมาเอนกายใช้ชีวิตแบบสไลว์ไลฟ์มากๆ เราชอบโซนระเบียงของห้องพักที่ติดริมน้ำ เห็นวิถีชาวบ้านมีเรือล่องผ่านไปผ่านมา สำหรับอาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกเป็นเซ็ท มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง อร่อยทุกอย่างค่ะ ใครชอบที่พักสไตล์บูทีคแนะนำเลยค่ะ

ตกเย็นแดดล่ม เราไปเดินหาของกินที่ "กาดกองต้า" เป็นคนถนนเดิน มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึง 3 -4 ทุ่ม ที่นี่ไม่ไกลจากที่พักด้วยนะ เดินไปกาดฯ ได้สบายๆ มื้อเย็นเราทานที่ร้านข้าวต้มอร่อยบาทเดียว ร้านนี้พนักงานที่เกสท์เฮ้าส์แนะนำ เราก็จัดไปจ้า รสชาติกับข้าวเข้มข้นเหมาะทานกับข้าวต้มมากๆ อาหารมาจานเล็กๆ แม้ร้านจะคนเยอะแต่ก็เสริฟได้ไวดี ไม่ต้องรอนาน ทานเสร็จไปเดินย่อยกันที่กาดกองต้า ที่นี่ร้านส่วนใหญ่จะขายสินค้างาน Craft  งานศิลปะ แล้วก็มีของกินขายเหมือนถนนคนเดินทั่วไป รวมไปถึงของกินท้องถิ่นก็มีด้วย ใครเคยไปถนนคนเดินที่ปาย ที่เชียงใหม่มาแล้ว ที่นี่จะได้อีกฟีลนึงเลยนะ ด้วยความที่เป็นเมืองรอง คนมาเดินกาดฯ ไม่หนาแน่นถึงกับต้องเบียดเสียด บรรยากาศสบายๆ เดินเล่นชิลๆ แต่ถ้ามาเดินคนเดียวอาจจะเหงาๆ หน่อยนะ อิอิ 

วันแรกผ่านไปตอบโจทย์คนรักธรรมชาติและสายกินไปแล้ว วันที่สองพาไปมูฯ ที่ "พระธาตุลำปางหลวง" เป็นพระธาตุประจำปีฉลู เพราะเริ่มสร้างในปีฉลูและสร้างเสร็จปีฉลูเช่นกัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมและจิตรกรรม ใครชอบแนวนี้ใช้เวลาที่นี่ได้เป็นชั่วโมงแน่นอน นอกจากตัวพระธาตุแล้วยังมีโบสถ์วิหารรอบๆวัด ให้แวะชมและแวะสักการะกันได้อีกหลายจุด ถ้ามีเวลาแนะนำเดินชมให้ครบและอย่าลืมนั่งรถม้าเที่ยวรอบเมืองกันนะคะ มีรถม้าจอดให้บริการอยู่หน้าวัด 

วันที่สองหมดครึ่งวันไปอย่างรวดเร็วที่พระธาตุฯ ช่วงบ่ายมาหลบร้อนกัน เอาใจสายคาเฟ่ คัดสรรมาแล้วชิคๆ คลูๆ แน่นอน เรากลับมาโซนใกล้ๆ ที่พัก คาเฟ่ที่แรกแวะร้าน "มาหามิตร (Mahamitr)"  ต้องยอมรับว่ามาตามรีวิว เราชอบทานกาแฟ ที่ร้านนี้มีคนแนะนำว่าสายกาแฟต้องมาโดน จริงๆ อเมริกาโน่ที่นี่ก็รีวิวดี แต่เราไม่กินกาแฟดำ เลยสั่งเป็นคาปูชิโน่ ... สุดจริง อะไรจริง เป็นคาปูชิโน่ที่ดีงามที่สุดเท่าที่เคยดื่มมา กลายเป็นที่หนึ่งในใจไปแล้ว ใครชอบกาแฟใส่นมต้องมาลอง กาแฟเค้าดี ชงออกมาได้กลมกล่อม ละมุน นุ่มลิ้นนุ่มคอ ....มาลองกันนะ 

มาต่อกันที่คาเฟ่ร้านที่ 2 เดินมาจากร้านมาหามิตรไปไกลมาก ชื่อร้านน่ารักๆ ว่า "Papa Craft" ทีแรกเดินผ่านหน้าร้านไม่นึกว่าขายกาแฟด้วย มีงาน Craft วางตกแต่งอยู่เต็มร้าน เดินเข้าไปข้างในถึงเจอบาร์กาแฟ แวะนั่งชิลสั่งเครื่องดื่มตามคำเชื้อเชิญของพนักงาน ระหว่างรอเครื่องดื่มก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ร้านเค้าน่ารักดี ด้านในสุดน่าจะเปิดสอนศิลปะอะไรบางอย่างด้วย มีพื้นที่สำหรับ workshop เอารูปมุมต่างๆมาให้ชมกันค่ะ

และมาถึงคาเฟ่สุดท้ายของทริปนี้ "หม่องโง่ยซิ่น คาเฟ่" ร้านอยู่เส้นเดียวกับกาดกองต้า แต่เรามาช่วงกลางวันเห็นความสวยของตึกชัดเจน จุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ คือ ตัวอาคาร เป็นอาคารไม้สถาปัตยกรรมแบบล้านนา อายุของอาคารน่าจะหลักร้อยปีทีเดียว มีกลิ่นไอจีนๆ อยู่บ้างจากการตกแต่ง ที่แปลกไปกว่านั้น เมนูเครื่องดื่มมีเมนูชาพม่าอยู่ด้วยจ้า ถามพนักงานได้ความว่า เจ้าของเป็นชาวพม่า เลยมีเมนูชาพม่า และเมนูแนะนำที่ใช้ชื่อเดียวกับร้าน พนักงานบอกขนาดนี้ก็ต้องลองสั่งมาชิมซะหน่อย ระหว่างรออาหารเครื่องดื่ม เราได้เดินชมพื้นที่ในร้านหม่องโง่ยซิ่น มีความรู้ ประวัติ เรื่องราววิถีชุมชน ให้ได้อ่านได้ชม ตามภาพที่ติดอยู่ในร้าน มีของใช้โบราณวางตกแต่งไว้ ให้ได้สัมผัสถึงความโบราณสมัยอดีต กึ่งๆ คล้ายพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ ก็ว่าได้