แบ่งปันประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกมดลูกโดยใช้สิทธิบัตรทอง

สวัสดีทุกคน เรามาแชร์เรื่องนี้เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกอยู่นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ และใช้สิทธิบัตรทองของรัฐบาล จะพยายามเล่าให้กระชับ ตรงประเด็น ได้ใจความสำคัญที่สุด เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ นะคะ  
(สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านก็ดูรูปสรุปที่เราใส่ไว้ได้เลยนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตรวจพบได้ยังไง
     เดือนมิถุนายน 2565 เราใช้บริการสิทธิประโยชน์ฟรีจากกระเป๋าสุขภาพในแอ๊ปเป๋าตัง โดยใช้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งสตรี เราตรวจทั้งมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม (คนชอบของฟรีอ่ะนะ) โดยไปใช้บริการที่ศูนย์บริการสาธารณะสุขใกล้บ้าน หมอตรวจเบื้องต้นพบว่ามดลูกโต จึงเขียนบันทึกข้อความไปยังหน่วยบริการประจำและบอกว่าหลังได้รับผลตรวจมะเร็งปากมดลูกแล้ว (ประมาณสองอาทิตย์) ให้นำเอกสารชุดนี้ไปยื่นที่หน่วยบริการประจำ เพื่อทำเรื่องส่งตัวต่อไป
ค่าใช้จ่าย : ไม่เสีย

ทำเรื่องส่งตัว
     ขึ้นปีใหม่ เดือนมกราคม 2566 นำหนังสือจากศูนย์บริการใกล้บ้านไปติดต่อที่หน่วยบริการประจำโดยโทรศัพท์ไปสอบถามก่อน เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาดีมาก และเราก็ไปทำเรื่อง ให้หมอของหน่วยบริการประจำทำหนังสือส่งตัวให้ และได้รับเอกสารในวันนั้นเลย 
ค่าใช้จ่าย : ไม่เสีย

ติดต่อโรงพยาบาลต้นสังกัด 
     เล่าโดยสรุปคือ เนื่องจากแพทย์ที่โรงพยาบาลต้นสังกัดวินิจฉัยครั้งแรกว่าจะทำการรักษาแบบส่องกล้องโดยต้องใช้เครื่องปั่นซึ่งต้องเช่าจากโรงพยาบาลอื่น ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเช่าเครื่องปั่นเพิ่ม รวม ๆ แล้วไม่เกินสี่หมื่นบาท หลังจากนั้นได้เปลี่ยนการวินิจฉัยหลายครั้งทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ จึงหาข้อมูลจากอินเตอร์เนท เมื่อเจอโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลในเครือเดียวกันจึงขอทำเรื่องย้ายไปโรงพยาบาลในเครือที่หาข้อมูลไว้
ค่าใช้จ่าย : พบแพทย์ 4 ครั้ง ๆ ละ 30 บาท รวม 120 บาท

ย้ายมายังโรงพยาบาลที่หาข้อมูลไว้
     โรงพยาบาลนี้อยู่ไกลจากโรงพยาลแรก มีศูนย์ส่องกล้องเฉพาะทางของกทม. สถานที่เหมือนโรงพยาบาลเอกชน สะอาด น่าเชื่อถือ ในการพบแพทย์ครั้งแรก หมอให้แนวทางการรักษาสองทาง อย่างแรกสามารถส่องกล้องได้ โดยจะมีแผลจากการเจาะหน้าท้อง 3-4 รู หรืออย่างที่สองคือเอาทั้งมดลูกและเนื้องอกออกมาทางช่องคลอดได้เลยโดยไม่ต้องใช้เครื่องปั่น ทั้งนี้หากมีก้อนเนื้ออย่างอื่นนอกจากก้อนที่เห็นในการอัลตร้าซาวด์ก็จะติดออกมาด้วย เราก็ตกลงเลือกการผ่าแบบส่องกล้องโดยนำออกมาทางช่องคลอด เพราะจะไม่มีแผลใด ๆ ภายนอก โชคดีที่เรานำผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลต้นสังกัดไปด้วย จึงไม่ต้องเจาะเลือดเพิ่ม แต่ต้องตรวจปัสสาวะและ X-Ray ใหม่ พยาบาลก็ออกบัตรนัดฟังผลตรวจร่างกายและนัดคุยกับวิสัญญีแพทย์ให้
     พบแพทย์ครั้งที่สอง ฟังผลตรวจร่างกายแข็งแรงดี เป็นที่น่าพอใจจึงนัดวันผ่าตัด พบวิสัญญีแพทย์ อธิบายขั้นตอนการวางยาสลบ มอบเอกสารนัดมานอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัดหนึ่งวัน
ค่าใช้จ่าย : พบแพทย์ 2 ครั้ง ๆ ละ 30 บาท รวม 60 บาท

วันนัด
     ทางโรงพยาบาลนัดมานอนโรงพยาบาลทั้งหมด 4 วัน 3 คืน แต่เนื่องจากหลังผ่าตัดมีอาการท้องอืดอย่างรุนแรง แพทย์จึงให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อ และยาอื่น ๆ อีกหนึ่งคืน แพทย์ยังสั่งยาแก้ปวดที่ไม่ได้อยู่ในรายการเพิ่มให้ด้วย สรุปกลับบ้านได้ในวันที่ 5 
ค่าใช้จ่าย : นอนโรงพยาบาล 5 วัน 4 คืน และยาเพิ่ม รวมเป็นเงิน 2,267.50 บาท

(สำหรับคนขี้เกียจอ่าน ดูรูปได้เลยค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าใครอยากอ่านเรื่องยาว ๆ รวมทั้งการนอนโรงพยาบาล การพักฟื้นที่บ้าน เราจะเล่าแบบยาว ๆ ไว้ใน Blog ของฉันนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่