วงการโอมากาเสะเมื่อมีโอกาสแวะเข้ามาแล้วส่วนใหญ่มักจะหาทางออกไม่เคยเจออีกเลยเพราะแต่ละภัตตาคารต่างใช้เทคนิคนำเสนอแตกต่างกันช่วยกระตุ้นให้อยากลองเรื่อยๆโดยวันนี้เป็นร้านชื่อดังส่งตรงจากเชียงใหม่เปิดใกล้บ้านเราตั้งอยู่ภายในโครงการ The Bright ถนนพระราม 2 นั่นก็คือ "Gõkana Omakase" แนะนำว่าควรโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อยประมาณ 2-24 ชั่วโมงเพื่อหัวหน้าเชฟกับน้องพนักงานประจำครัวจะได้จัดเตรียมวัตถุดิบสดใหม่ถือว่ารวดเร็วว่องไวกว่าสาขาอื่นช่วยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบวางแผนล่วงหน้าระยะเวลายาวเกินไป วิธีเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงค้นหาชื่อและปักหมุดขับตามระบบแผนที่บนมือถือมีลานด้านหลังอาคารสุดกว้างขวางจอดฟรี (ยกเว้นหน้า KFC ต้องประทับตราได้ 2 ชม.ส่วนเกินคิดราคาชม.ละ 40 บาท) สำหรับบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีวงเวียนใหญ่ทางออกที่ 2 เรียกแท็กซี่/มอเตอร์ไซค์รับจ้างใกล้เคียงมุ่งสู่ถนนดาวคะนองเลี้ยวเข้าพระราม สองอีกประมาณ 9 กิโลเมตร กดขึ้นลิฟต์,บันไดเลื่อนตามสะดวกไปยังบริเวณชั้น 2 รวมกิจการแบรนด์อาหารญี่ปุ่นมากมายจุดเด่นสะดุดตาอยู่ตรงป้ายสัญลักษณ์นกกระเรียนบินบนท้องฟ้ากับกำแพงสูงใหญ่ติดตั้งดวงไฟ LED เปิดแสงสีทองเปล่งประกายดูสวยงามราวเหมือนอัญมณีมองเห็นชัดเจนจากระยะไกลแบบนี้ก็แสดงว่ามาถูกแล้วครับผม


คอร์สโอมากาเสะของทางร้าน "Gõkana Omakase" มีให้เลือกทาน 2 ราคาได้แก่ Standard เสิร์ฟ 15 เมนูราคา 2,999 บาท++ ส่วนเราโทรจองล่วงหน้ามาเป็นระดับ Premium จัดเต็ม 16 รายการ 3,999 บาท++ ถึงด้านหน้าเพียงแค่แจ้งชื่อกับน้องพนักงานต้อนรับพาเข้าสู่ห้องข้างในทันที บรรยากาศและการตกแต่งเน้นสไตล์ญี่ปุ่นแบบมินิมอลแลดูเรียบง่ายโดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์บาร์ยาวสำหรับจัดแสดงพร้อมเตรียมวัตถุดิบแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเข้าชมได้รอบละประมาณ 7-8 คน ถ้ามากกว่านั้นเพียงเลื่อนประตูกั้นตรงกลางออกสามารถรองรับลูกค้าจำนวนสูงสุดถึง 15 คน เปิดบริการตลอด 4 เวลา (ยกเว้นช่วงพัก 16.00-18.00 น.) นั่นก็คือ 12.00-14.00 น./14.00-16.00 น./18.00-20.00 น./20.00-22.00 น. แนะนำว่าควรถึงก่อนประมาณ 10-15 นาทีหากช้าอาจส่งผลต่อรสชาติของข้าวซูชิและบางกรณีต้องคิดค่ามัดจำล่วงหน้าก่อน 50% (เปลี่ยนรอบวันอื่นๆแทนได้แต่ไม่มีนโยบายเรื่องคืนเงิน) จัดการนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงโครงเหล็กสุดแข็งแรงทนทานหุ้มเบาะสีเทาวัสดุกำมะหยี่นุ่มสบาย เช็ดฝ่ามือด้วยผ้าสะอาดเย็นสดชื่นเสร็จเรียบร้อยคุณหัวหน้าเชฟ,ผู้ช่วยก็แนะนำตัวง่ายๆพอสังเขปพร้อมเปิดฝาโชว์กล่องไม้ขนาดใหญ่บรรจุเหล่าวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมซึ่งจะเสิร์ฟกันในคอร์สวันนี้เพื่อยั่วน้ำลายก่อนครับผม




เปิดต่อมรับรสบนปุ่มลิ้นของคุณให้พร้อมเพื่อเข้าสู่ประสบการณ์อันแสนพิเศษด้วยเมนูแรกนั่นก็คือ "Welcome Drink" ปกติภัตตาคารโอมากาเสะส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟน้ำส้มยูซุเป็นตัวเริ่มต้น แต่ทางร้าน "Gõkana Omakase" ใช้องุ่นสายพันธุ์เคียวโฮแท้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นปลูกบริเวณจังหวัดยามานาชิสกัดเข้มข้นเทโซดาแช่เย็นซ่ารสชาติหวานอมเปรี้ยวกลิ่นหอมแบบขนมเยลลี่ไร้แอลกอฮอล์แปลกใหม่เรียกว่า "Kyoho Sparkling" ให้ความรู้สึกสดชื่นไปอีกสไตล์ สำหรับคนที่ดื่มน้ำเยอะมากเหมือนเราภายในคอร์สรวมชาเขียวมัทฉะเย็น/ร้อนรีฟิลบอกน้องพนักงานได้เรื่อยๆไม่คิดเงินเพิ่มแต่อย่างใด (เปลี่ยนฟรี 1 ครั้ง) นอกจากนี้ยังมีรายการเครื่องดื่ม A La Carte สามารถออเดอร์เองต่างหากตามงบประมาณในกระเป๋าของคุณทั้งน้ำแร่ธรรมชาติ Acqua Panna แบรนด์นำเข้าจากอิตาลีจำหน่ายขวดละ 145 บาท / โซดาเปล่า,น้ำอัดลม (โค้ก,ซีโร่,สไปร์ท) กระป๋องแช่เย็นจัด 35-45 บาท / เบียร์ยี่ห้อดังแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย 150-250 บาท / สาเกผสมเจลลี่บรรจุกระป๋องขนาดจิ๋วๆ 350 บาท ไปจนถึงเหล้าและสาเกขวดใหญ่ % ดีกรีรุนแรงคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมตั้งแต่ 550-6,900 บาท สุดท้ายจานไหนที่ทานแล้วรู้สึกว่าประทับใจจนอยากสั่งซ้ำอีกครั้งก็บอกเชฟได้ทันทีด้านราคานั้นปรับขึ้นลงตามช่วงฤดูกาลขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับผม




ออเดิร์ฟช่วยเรียกน้ำย่อยจานแรกใช้วัตถุดิบจับสดใหม่ตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นซึ่งหาชิมได้เฉพาะช่วงเวลานี้แห่งปีเท่านั้นก็คือ "Hotaru Sashimi" โฮตารุหรือหมึกหิ่งห้อยปกติตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่บริเวณทะเลหนาวลึกค่อยเดินทางลอยขึ้นเหนือน้ำเพื่อผสมพันธุ์พร้อมเปล่งประกายแสงน้ำเงินสวยงามยามค่ำคืนมืดมิดมีจำนวนเยอะเต็มอ่าวจังหวัดโทยามะประมาณเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม หัวหน้าเชฟของทางร้าน "Gõkana Omakase" เอาไปต้มซีอิ๊วโชยุสูตรพิเศษเค็มกลมกล่อมวางเรียงบนซอสไซเกียวทำจากชิโรมิโซะรสชาติหวานมันโรยงาเจ็ดสีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเทราดลิควิดไนโตรเจนเหลวด้านล่างปล่อยควันฟุ้งกระจายพวยพุ่งสุดอลังการชวนให้เราอยากถ่ายคลิปวิดีโอส่งอวดเพื่อนและประดับสาหร่ายสีสันสดใสนอกจากใช้วางเฉยๆแล้วยังสามารถกินจริงได้ด้วย มาต่อกันที่เมนู "Hokkaido Chawanmuchi" ไข่ตุ๋นตำรับโฮมเมดหน้าเรียบเนียนสนิทคล้ายขนมพุดดิ้งฝั่งยุโรปผสมน้ำซุปปลาคัตสึโอะท็อปปิ้งซูไว(เนื้อปูหิมะล้วน),เกาลัดจังหวัดอิบารากิชื่อดังหั่นชิ้นขนาดยักษ์เต็มๆคำ,อิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนเมล็ดกลมโตสีส้มบรรจุในถ้วยกระเบื้องปิดฝาลายศิลปะญี่ปุ่นโบราณ,พ่นสเปรย์ทองคำเกรดสำหรับตกแต่งอาหารส่งท้ายช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหรา เสิร์ฟคู่ช้อนแนะนำว่าควรรีบตักชิมทันทีเพื่อเสพสัมผัสนุ่มลื่นไหลลงคออุ่นสบายท้องลงตัวครับผม




ระหว่างที่เรากำลังนั่งฟินกับจานเรียกน้ำย่อยทางหัวหน้าเชฟก็เริ่มลงมือเตรียมแล่วัตถุดิบสดใหม่ต่างๆให้พร้อมสำหรับปั้นซูชิแบบนิกิริ โดยทุกรายการต่อจากนี้เลือกใช้เมล็ดข้าวสายพันธุ์เฉพาะตัวนำเข้าจากจังหวัดนีงาตะซึ่งมีจุดเด่นอยู่ตรงความนุ่มผสานกลิ่นหอมละมุนนำมาตีผสมน้ำส้มสายชูหมักสูตรพิเศษของทางร้านรสชาติหวานอมเปรี้ยวอูมามิตามธรรมชาติช่วยส่งเสริมวัตถุดิบเอกของแต่ละจานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่รอช้าเริ่มลงมือขึ้นรูปขนาดกำลังพอดีคำประกบชิ้นเนื้อปลาตัดแต่งวางเสิร์ฟลงตรงหน้าพวกเราอย่างบรรจงนั่นก็คือ "Hikarimono Sushi" ใช้ปลาหนังสีเงินสะท้อนแสงเปล่งประกายสวยงามตามฤดูกาลอร่อยฟินมากสุดในช่วงนี้ต้อง Shima-Aji เป็นสายพันธุ์ลูกครึ่งระหว่างฮามาจิและอาจิพบเยอะบริเวณทางใต้ของเกาะญี่ปุ่นสัมผัสเด้งสู้ฟันเนื้อสีขาวอมชมพูอ่อนแทรกชั้นไขมันเข้มข้นท็อปปิ้งด้วยใบต้นหอมไทยบดผสมขิงเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กน้อยสดชื่นดีงามลงตัว สำหรับคำถัดมานั้นถือว่าเป็นของหรูหาทานยากอีกเมนูได้แก่ "Kinmedai Sushi" กะพงสีแดงสดใสดวงตาวงกลมโตเหมือนถูกจับใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายตลอดเวลาอาศัยอยู่ในถิ่นน้ำลึกเย็นจัดประมาณ 200-800 เมตร ปกติก่อนเสิร์ฟจะต้องลวกแต่หัวหน้าเชฟหยิบเอาเทคนิคเบิร์นไฟลนแค่หนังเท่านั้นช่วยชูกลิ่นฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ยาวนานไปจนถึงตอนกลืนลงท้องเลยครับผม






เมนูถัดไปถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่ต้องละเมียดละไมแถมยังใช้เวลาเตรียมส่วนผสม/เทคนิคชั้นสูงเยอะมากมายก่อนจะเสิร์ฟถึงมือของเราได้แก่ "Shiro Ebi Sushi" กุ้งสีขาวไซส์เล็กจิ๋วจากทะเลลึกจับได้เฉพาะบริเวณอ่าวโทยามะระดับ 40-200 เมตร หัวหน้าเชฟร้าน "Gõkana Omakase" บรรจงเด็ดหัวแกะและเปลือกทิ้งเหลือเฉพาะเนื้อล้วนแลดูสะอาดเปล่งประกายสวยงามมองผ่านๆคล้ายเมล็ดข้าวสวยหุงสุกใหม่วางบนซูชิปั้นรูปทรงกลมขนาดกำลังพอดีคำ ฝนเปลือกผลส้มยูซุแท้คุณภาพอันดับ 1 บริเวณเกาะชิโกกุ,จังหวัดโคจิภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นสะบัดแค่เบาบางพอติดกลิ่นหอมเฉพาะตัวเล็กน้อยโรยผงเกลือสมุทรบดละเอียดจากสาหร่ายสกัดหยดน้ำมะนาวคั้นเพื่อดึงรสชาติหวานตามธรรมชาติออกมา ปิดท้ายด้วยวัตถุดิบสุดหรูหราราคาแสนแพงประจำภัตตาคารโอมากาเสะเกรดพรีเมี่ยมเท่านั้นอย่างคาราสุมิหรือไข่ปลากระบอกหมักเกลือตากแดดจนแห้งสนิทแห่งจังหวัดนางาซากิพวงใหญ่พิเศษขูดลงไปเหมือนผงหิมะเกล็ดสีเหลืองทอง สำหรับมือสมัครเล่นผู้เริ่มทดลองฟินคอร์สนิกิริครั้งแรกแนะนำว่าไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์เพราะแม้แต่ชาวดินแดนอาทิตย์อุทัยบางคนยังไม่เคยมีโอกาสชิม ควรปาดจนหมดเกลี้ยงทุกเศษบนจานก่อนเข้าปากระเบิดความหวานฉ่ำหอมมันเค็มละมุนกลมกล่อมเปรี้ยวตรงปลายลิ้นพอสดชื่นแปลกใหม่ดีครับ




ภายในคอร์สโอมากาเสะที่ภัตตาคาร "Gõkana Omakase" นอกจากจะเลือกเสิร์ฟซูชิสไตล์เอโดะแล้วยังสลับอาหารปรุงสดใหม่ผสมศิลปะแบบคับโปะ (ต้ม,ทอด,นึ่ง,ย่าง) เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม เมนูถัดไป "Hotate Steki" หอยเชลล์โฮตาเตะขนาดอวบอ้วนจับจากมหาสมุทรธรรมชาติอากาศหนาวเย็นจัดน้ำใสสะอาดบริเวณโดยรอบเกาะฮอกไกโดภูมิภาคด้านเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นจึงมีเนื้อสีขาวสัมผัสแน่นเคี้ยวสนุกสู้ฟันนำไปชุบแป้งทอดแค่พอสุกเหลืองทองผ่าแบ่งครึ่งเหมือนชิ้นสเต๊กวางบนซอสการ์ลิคมาโยสูตรโฮมเมดท็อปปิ้งอิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนสีส้มเปล่งประกายสดใสราวกับก้อนอัญมณีแบ่งความอร่อยฟินออกเป็น 2 ฝั่งแตกต่างกันได้แก่ 1. Black Truffle Paste /วาซาบิขูดใหม่ด้วยหนังฉลามกลิ่นหอมละมุนหวานล้ำลึกปนฉุนเพียงเล็กน้อยพอสดชื่น 2. Stergien Caviar แท้ยี่ห้อ Sturia ระดับพรีเมี่ยมผลิตในประเทศฝรั่งเศสเหมือนไข่มุกเม็ดจิ๋วๆสีดำสนิทเค็มนุ่มนวลแตกระเบิดกระจายเต็มปากเข้ากับผิวแป้งกรุบกรอบข้างนอกช่วยดึงความหวานตามธรรมชาติออกมาได้ดียิ่งขึ้น คำถัดไปนั่นก็คือ "Akami Shoyu Suke Sushi" ทูน่าหรือมากุโร่ครีบสีน้ำเงินส่วนเนื้อสีแดงล้วนไร้ไขมันแทรกหรืออากามิบ่มผ่านกระบวนการ Dry Aged เพื่อกำจัดคาวเลือดตามตำราสมัยเอโดะหั่นชิ้นขนาดพอคำบั้งลายขวางดองโชยุจนแทรกซึมอย่างทั่วถึงตามระยะเวลาที่วางแผนเอาไว้วางบนข้าวซูชิธรรมดาก็อร่อยเข้มข้นเกินบรรยายแล้วครับ



******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
[CR] รีวิว "Gõkana Omakase" (The Bright พระราม 2) คัดเฉพาะวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมคอร์ส 16 เมนู 3,999 บาท++
คอร์สโอมากาเสะของทางร้าน "Gõkana Omakase" มีให้เลือกทาน 2 ราคาได้แก่ Standard เสิร์ฟ 15 เมนูราคา 2,999 บาท++ ส่วนเราโทรจองล่วงหน้ามาเป็นระดับ Premium จัดเต็ม 16 รายการ 3,999 บาท++ ถึงด้านหน้าเพียงแค่แจ้งชื่อกับน้องพนักงานต้อนรับพาเข้าสู่ห้องข้างในทันที บรรยากาศและการตกแต่งเน้นสไตล์ญี่ปุ่นแบบมินิมอลแลดูเรียบง่ายโดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์บาร์ยาวสำหรับจัดแสดงพร้อมเตรียมวัตถุดิบแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเข้าชมได้รอบละประมาณ 7-8 คน ถ้ามากกว่านั้นเพียงเลื่อนประตูกั้นตรงกลางออกสามารถรองรับลูกค้าจำนวนสูงสุดถึง 15 คน เปิดบริการตลอด 4 เวลา (ยกเว้นช่วงพัก 16.00-18.00 น.) นั่นก็คือ 12.00-14.00 น./14.00-16.00 น./18.00-20.00 น./20.00-22.00 น. แนะนำว่าควรถึงก่อนประมาณ 10-15 นาทีหากช้าอาจส่งผลต่อรสชาติของข้าวซูชิและบางกรณีต้องคิดค่ามัดจำล่วงหน้าก่อน 50% (เปลี่ยนรอบวันอื่นๆแทนได้แต่ไม่มีนโยบายเรื่องคืนเงิน) จัดการนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงโครงเหล็กสุดแข็งแรงทนทานหุ้มเบาะสีเทาวัสดุกำมะหยี่นุ่มสบาย เช็ดฝ่ามือด้วยผ้าสะอาดเย็นสดชื่นเสร็จเรียบร้อยคุณหัวหน้าเชฟ,ผู้ช่วยก็แนะนำตัวง่ายๆพอสังเขปพร้อมเปิดฝาโชว์กล่องไม้ขนาดใหญ่บรรจุเหล่าวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมซึ่งจะเสิร์ฟกันในคอร์สวันนี้เพื่อยั่วน้ำลายก่อนครับผม
เปิดต่อมรับรสบนปุ่มลิ้นของคุณให้พร้อมเพื่อเข้าสู่ประสบการณ์อันแสนพิเศษด้วยเมนูแรกนั่นก็คือ "Welcome Drink" ปกติภัตตาคารโอมากาเสะส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟน้ำส้มยูซุเป็นตัวเริ่มต้น แต่ทางร้าน "Gõkana Omakase" ใช้องุ่นสายพันธุ์เคียวโฮแท้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นปลูกบริเวณจังหวัดยามานาชิสกัดเข้มข้นเทโซดาแช่เย็นซ่ารสชาติหวานอมเปรี้ยวกลิ่นหอมแบบขนมเยลลี่ไร้แอลกอฮอล์แปลกใหม่เรียกว่า "Kyoho Sparkling" ให้ความรู้สึกสดชื่นไปอีกสไตล์ สำหรับคนที่ดื่มน้ำเยอะมากเหมือนเราภายในคอร์สรวมชาเขียวมัทฉะเย็น/ร้อนรีฟิลบอกน้องพนักงานได้เรื่อยๆไม่คิดเงินเพิ่มแต่อย่างใด (เปลี่ยนฟรี 1 ครั้ง) นอกจากนี้ยังมีรายการเครื่องดื่ม A La Carte สามารถออเดอร์เองต่างหากตามงบประมาณในกระเป๋าของคุณทั้งน้ำแร่ธรรมชาติ Acqua Panna แบรนด์นำเข้าจากอิตาลีจำหน่ายขวดละ 145 บาท / โซดาเปล่า,น้ำอัดลม (โค้ก,ซีโร่,สไปร์ท) กระป๋องแช่เย็นจัด 35-45 บาท / เบียร์ยี่ห้อดังแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย 150-250 บาท / สาเกผสมเจลลี่บรรจุกระป๋องขนาดจิ๋วๆ 350 บาท ไปจนถึงเหล้าและสาเกขวดใหญ่ % ดีกรีรุนแรงคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมตั้งแต่ 550-6,900 บาท สุดท้ายจานไหนที่ทานแล้วรู้สึกว่าประทับใจจนอยากสั่งซ้ำอีกครั้งก็บอกเชฟได้ทันทีด้านราคานั้นปรับขึ้นลงตามช่วงฤดูกาลขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับผม
ออเดิร์ฟช่วยเรียกน้ำย่อยจานแรกใช้วัตถุดิบจับสดใหม่ตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นซึ่งหาชิมได้เฉพาะช่วงเวลานี้แห่งปีเท่านั้นก็คือ "Hotaru Sashimi" โฮตารุหรือหมึกหิ่งห้อยปกติตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่บริเวณทะเลหนาวลึกค่อยเดินทางลอยขึ้นเหนือน้ำเพื่อผสมพันธุ์พร้อมเปล่งประกายแสงน้ำเงินสวยงามยามค่ำคืนมืดมิดมีจำนวนเยอะเต็มอ่าวจังหวัดโทยามะประมาณเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม หัวหน้าเชฟของทางร้าน "Gõkana Omakase" เอาไปต้มซีอิ๊วโชยุสูตรพิเศษเค็มกลมกล่อมวางเรียงบนซอสไซเกียวทำจากชิโรมิโซะรสชาติหวานมันโรยงาเจ็ดสีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเทราดลิควิดไนโตรเจนเหลวด้านล่างปล่อยควันฟุ้งกระจายพวยพุ่งสุดอลังการชวนให้เราอยากถ่ายคลิปวิดีโอส่งอวดเพื่อนและประดับสาหร่ายสีสันสดใสนอกจากใช้วางเฉยๆแล้วยังสามารถกินจริงได้ด้วย มาต่อกันที่เมนู "Hokkaido Chawanmuchi" ไข่ตุ๋นตำรับโฮมเมดหน้าเรียบเนียนสนิทคล้ายขนมพุดดิ้งฝั่งยุโรปผสมน้ำซุปปลาคัตสึโอะท็อปปิ้งซูไว(เนื้อปูหิมะล้วน),เกาลัดจังหวัดอิบารากิชื่อดังหั่นชิ้นขนาดยักษ์เต็มๆคำ,อิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนเมล็ดกลมโตสีส้มบรรจุในถ้วยกระเบื้องปิดฝาลายศิลปะญี่ปุ่นโบราณ,พ่นสเปรย์ทองคำเกรดสำหรับตกแต่งอาหารส่งท้ายช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหรา เสิร์ฟคู่ช้อนแนะนำว่าควรรีบตักชิมทันทีเพื่อเสพสัมผัสนุ่มลื่นไหลลงคออุ่นสบายท้องลงตัวครับผม
ระหว่างที่เรากำลังนั่งฟินกับจานเรียกน้ำย่อยทางหัวหน้าเชฟก็เริ่มลงมือเตรียมแล่วัตถุดิบสดใหม่ต่างๆให้พร้อมสำหรับปั้นซูชิแบบนิกิริ โดยทุกรายการต่อจากนี้เลือกใช้เมล็ดข้าวสายพันธุ์เฉพาะตัวนำเข้าจากจังหวัดนีงาตะซึ่งมีจุดเด่นอยู่ตรงความนุ่มผสานกลิ่นหอมละมุนนำมาตีผสมน้ำส้มสายชูหมักสูตรพิเศษของทางร้านรสชาติหวานอมเปรี้ยวอูมามิตามธรรมชาติช่วยส่งเสริมวัตถุดิบเอกของแต่ละจานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่รอช้าเริ่มลงมือขึ้นรูปขนาดกำลังพอดีคำประกบชิ้นเนื้อปลาตัดแต่งวางเสิร์ฟลงตรงหน้าพวกเราอย่างบรรจงนั่นก็คือ "Hikarimono Sushi" ใช้ปลาหนังสีเงินสะท้อนแสงเปล่งประกายสวยงามตามฤดูกาลอร่อยฟินมากสุดในช่วงนี้ต้อง Shima-Aji เป็นสายพันธุ์ลูกครึ่งระหว่างฮามาจิและอาจิพบเยอะบริเวณทางใต้ของเกาะญี่ปุ่นสัมผัสเด้งสู้ฟันเนื้อสีขาวอมชมพูอ่อนแทรกชั้นไขมันเข้มข้นท็อปปิ้งด้วยใบต้นหอมไทยบดผสมขิงเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กน้อยสดชื่นดีงามลงตัว สำหรับคำถัดมานั้นถือว่าเป็นของหรูหาทานยากอีกเมนูได้แก่ "Kinmedai Sushi" กะพงสีแดงสดใสดวงตาวงกลมโตเหมือนถูกจับใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายตลอดเวลาอาศัยอยู่ในถิ่นน้ำลึกเย็นจัดประมาณ 200-800 เมตร ปกติก่อนเสิร์ฟจะต้องลวกแต่หัวหน้าเชฟหยิบเอาเทคนิคเบิร์นไฟลนแค่หนังเท่านั้นช่วยชูกลิ่นฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ยาวนานไปจนถึงตอนกลืนลงท้องเลยครับผม
เมนูถัดไปถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่ต้องละเมียดละไมแถมยังใช้เวลาเตรียมส่วนผสม/เทคนิคชั้นสูงเยอะมากมายก่อนจะเสิร์ฟถึงมือของเราได้แก่ "Shiro Ebi Sushi" กุ้งสีขาวไซส์เล็กจิ๋วจากทะเลลึกจับได้เฉพาะบริเวณอ่าวโทยามะระดับ 40-200 เมตร หัวหน้าเชฟร้าน "Gõkana Omakase" บรรจงเด็ดหัวแกะและเปลือกทิ้งเหลือเฉพาะเนื้อล้วนแลดูสะอาดเปล่งประกายสวยงามมองผ่านๆคล้ายเมล็ดข้าวสวยหุงสุกใหม่วางบนซูชิปั้นรูปทรงกลมขนาดกำลังพอดีคำ ฝนเปลือกผลส้มยูซุแท้คุณภาพอันดับ 1 บริเวณเกาะชิโกกุ,จังหวัดโคจิภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นสะบัดแค่เบาบางพอติดกลิ่นหอมเฉพาะตัวเล็กน้อยโรยผงเกลือสมุทรบดละเอียดจากสาหร่ายสกัดหยดน้ำมะนาวคั้นเพื่อดึงรสชาติหวานตามธรรมชาติออกมา ปิดท้ายด้วยวัตถุดิบสุดหรูหราราคาแสนแพงประจำภัตตาคารโอมากาเสะเกรดพรีเมี่ยมเท่านั้นอย่างคาราสุมิหรือไข่ปลากระบอกหมักเกลือตากแดดจนแห้งสนิทแห่งจังหวัดนางาซากิพวงใหญ่พิเศษขูดลงไปเหมือนผงหิมะเกล็ดสีเหลืองทอง สำหรับมือสมัครเล่นผู้เริ่มทดลองฟินคอร์สนิกิริครั้งแรกแนะนำว่าไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์เพราะแม้แต่ชาวดินแดนอาทิตย์อุทัยบางคนยังไม่เคยมีโอกาสชิม ควรปาดจนหมดเกลี้ยงทุกเศษบนจานก่อนเข้าปากระเบิดความหวานฉ่ำหอมมันเค็มละมุนกลมกล่อมเปรี้ยวตรงปลายลิ้นพอสดชื่นแปลกใหม่ดีครับ
ภายในคอร์สโอมากาเสะที่ภัตตาคาร "Gõkana Omakase" นอกจากจะเลือกเสิร์ฟซูชิสไตล์เอโดะแล้วยังสลับอาหารปรุงสดใหม่ผสมศิลปะแบบคับโปะ (ต้ม,ทอด,นึ่ง,ย่าง) เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม เมนูถัดไป "Hotate Steki" หอยเชลล์โฮตาเตะขนาดอวบอ้วนจับจากมหาสมุทรธรรมชาติอากาศหนาวเย็นจัดน้ำใสสะอาดบริเวณโดยรอบเกาะฮอกไกโดภูมิภาคด้านเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นจึงมีเนื้อสีขาวสัมผัสแน่นเคี้ยวสนุกสู้ฟันนำไปชุบแป้งทอดแค่พอสุกเหลืองทองผ่าแบ่งครึ่งเหมือนชิ้นสเต๊กวางบนซอสการ์ลิคมาโยสูตรโฮมเมดท็อปปิ้งอิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนสีส้มเปล่งประกายสดใสราวกับก้อนอัญมณีแบ่งความอร่อยฟินออกเป็น 2 ฝั่งแตกต่างกันได้แก่ 1. Black Truffle Paste /วาซาบิขูดใหม่ด้วยหนังฉลามกลิ่นหอมละมุนหวานล้ำลึกปนฉุนเพียงเล็กน้อยพอสดชื่น 2. Stergien Caviar แท้ยี่ห้อ Sturia ระดับพรีเมี่ยมผลิตในประเทศฝรั่งเศสเหมือนไข่มุกเม็ดจิ๋วๆสีดำสนิทเค็มนุ่มนวลแตกระเบิดกระจายเต็มปากเข้ากับผิวแป้งกรุบกรอบข้างนอกช่วยดึงความหวานตามธรรมชาติออกมาได้ดียิ่งขึ้น คำถัดไปนั่นก็คือ "Akami Shoyu Suke Sushi" ทูน่าหรือมากุโร่ครีบสีน้ำเงินส่วนเนื้อสีแดงล้วนไร้ไขมันแทรกหรืออากามิบ่มผ่านกระบวนการ Dry Aged เพื่อกำจัดคาวเลือดตามตำราสมัยเอโดะหั่นชิ้นขนาดพอคำบั้งลายขวางดองโชยุจนแทรกซึมอย่างทั่วถึงตามระยะเวลาที่วางแผนเอาไว้วางบนข้าวซูชิธรรมดาก็อร่อยเข้มข้นเกินบรรยายแล้วครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น