นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบูเอนา หลังจากที่รูเดียสได้ออกจากหมู่บ้านไปที่ป้อมปราการโรอาแล้วเป็นเวลาเกือบปี
เด็กหญิงซิลฟีเอ็ต ยังคงไปที่บ้านของอัศวินประจำหมู่บ้านทุกวันไม่เคยขาด เพื่อฝึกฝนมารยาทและการทำอาหารตามตำหรับบ้านเกรย์แรท
เธอมุ่งมั่นมากที่จะเป็นเจ้าสาวของรูเดียส เกรย์แรท เพื่อนของเธอที่จากไปไกลแสนไกล
“ความจริงก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอกนะ” เปาโลบอกซิลฟี่ “เมืองป้อมปราการนี่นั่งรถม้าไปแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
นั่นถือว่าไกลมากสำหรับเด็ก 8 ขวบอย่างเธอที่ยังอ่านตัวอักษรไม่คล่องด้วยซ้ำ
“คุณเปาโลพาหนูไปเยี่ยมรูดี้บ้างไม่ได้หรือคะ” ซิลฟี่ถาม
“ไม่ได้หรอก ที่จับพวกเธอแยกกันเพราะอะไร เธอก็รู้ดีนี่ รอลส์อธิบายให้ฟังแล้วใช่ไหมล่ะ” เปาโลพูด เกาคออย่างลำบากใจเมื่อเห็นเด็กหญิงทำหน้าจะร้องไห้
“แม้แต่จดหมายก็ไม่ให้ส่งมาสักฉบับ หนูคิดถึงรูดี้มากนะคะคุณเปาโล!” ซิลฟี่ว่า “ขอให้เห็นว่ารูดี้ยังสบายดีกับตาก็พอ!”
เปาโลถอนหายใจ ลูกชายของเรามันเนื้อหอมขนาดนี้เลยรึ
ในใจก็เวทนาสาวน้อยนัก แต่คิดว่าความรักของซิลฟีเอ็ตคงเหมือนรักลูกหมาทั่วไปที่ไม่นานก็จะจางลงไปเองเมื่อเด็กหญิงโตขึ้นและมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า
แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือเธอกลับมาที่บ้านนี้ทุกวัน ทำความสนิทสนมกับภรรยาทั้งสองคนของเขา ขอให้สอนวิชาทำอาหารให้ เพราะเธอต้องการรู้ว่ารูเดียสชอบทานอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังให้สอนมารยาทแบบขุนนางให้อีก เพราะเธอรู้ว่ารูเดียสเป็นขุนนาง พอถามก็บอกว่าต้องพยายาม เวลาเดินข้าง ๆ รูเดียสจะได้ไม่เสียหน้า
ความทะเยอทะยานของซิลฟี่ช่างน่าประทับใจ
“เข้าใจแล้วล่ะ ถ้าไปแอบดูเฉย ๆ ล่ะก็คงพอได้ แต่ห้ามเข้าไปทักเด็ดขาดเลยนะ”
ซิลฟี่ไม่อยากจะเชื่อหู ดวงตาเธอเปล่งประกายด้วยความดีใจ หูยาว ๆ กระดิกขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ!!”
หลังจากนั้น เปาโลก็จัดแจงส่งจดหมายถามกีแลนถึงวันหยุดครั้งต่อไปที่รูเดียสจะเข้าไปในเมือง เขากับรอลส์จะพาซิลฟี่ไปดูรูเดียสห่าง ๆ
ซิลฟี่เฝ้ารอวันนัดอย่างใจจดใจจ่อ รอลส์กับภรรยาเห็นก็สงสารลูกสาวจับใจ เขารู้ดีว่าความฝันของลูกจะไม่เป็นจริงเพราะรูเดียสไม่ใช่เด็กธรรมดา เป็นถึงอัจฉริยะที่ใช้เวทย์มนต์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แถมยังมีนามสกุลเหมือนขุนนางชั้นสูงที่ทำงานใกล้ชิดพระราชา ไม่มีทางเลยที่สาวชาวบ้านอย่างซิลฟี่จะสมหวัง
แต่มันก็เร็วเกินไปที่จะบอกเรื่องนี้กับซิลฟี่วัย 8 ขวบ ที่ดูเหมือนจะรักลูกชายของบ้านนั้นหมดหัวใจ จนแม้เขาจะจากไปเป็นปีเธอก็ยังไม่ทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นในหมู่บ้าน และยังถามพ่อแม่ทุกวันว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา
อะไรทำให้เธอรักเด็กชายคนนี้ขนาดนั้นกันนะ เป็นเพราะใช้เวลาร่วมกันทุกวัน? เป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนคนแรก? เป็นเพราะเขาช่วยเธอไว้จากการโดนรังแก? รอลส์ก็หาคำตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าในใจของลูกสาวไม่เหลือที่ว่างให้ใครคนอื่นเลย
วันที่นัดหมายมาถึง ซิลฟีเอ็ตใส่หมวกใบใหญ่ปิดบังเส้นผมสีเขียวสะดุดตาของเธอ ซิลฟี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี
วันนั้นคนที่เดินทางไปด้วยกันก็มีเปาโล กับรอลส์ เดินทางด้วยม้าสองตัว ออกเดินทางตั้งแต่แสงแรกของวัน เพื่อไปให้ถึงเมืองป้อมปราการในตอนบ่าย ที่กีแลนบอกเปาโลว่ามักเป็นช่วงที่รูเดียสไปเดินเล่นในเมือง
เปาโลเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นลูกชายของตนเติบโตขึ้นจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นปี แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้า เขาจะให้รูเดียสเห็นตัวเองไม่ได้
การเดินทางราบรื่นดีตลอด เมื่อมาถึงเมืองป้อมปราการ ซิลฟี่ดูเหนื่อยล้าเพราะไม่เคยนั่งม้าติดกันนานขนาดนี้ แต่เธอก็สนุก
“ชอบไหม ขี่ม้า?” รอลส์ถามลูกสาว
“ชอบค่ะ!”
“ไว้ว่างๆ พ่อจะสอนขี่ม้าให้แล้วกัน แต่หนูต้องขายาวกว่านี้ก่อน”
“ค่ะ!” ซิลฟี่เอ็ตตอบรับอย่างกระตือรือร้น ถือว่าเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสอง
ทั้งสามคนไปนั่งรอเวลาที่ร้านนั่งดื่มในละแวกนั้นที่มีพื้นที่นั่งอยู่ชั้น 2 และมีหน้าต่างสามารถมองลงมาเห็นร้านรวงต่างๆ ได้จนสุดถนน
ซิลฟี่กับเปาโลคอยมองหาผู้คนที่เดินไปมามากมาย เวลาผ่านไปสิบนาที ยี่สิบนาที จนเป็นชั่วโมง
“นั่นไง!” ซิลฟีเอ็ตร้องด้วยความดีใจจนแขกคนอื่นในร้านหันมามอง เธอชี้นิ้วลงไปข้างล่าง
เห็นเด็กผู้ชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดูแพง ผมสีทรายตัดสั้น ดวงตาสีเขียวมรกต มีไฝเม็ดหนึ่งที่ใต้ตาซ้าย รูเดียส เกรย์แรทนั่นเอง
รูเดียสเดินมาเพียงคนเดียว ในมือถือห่อผ้าสีขุ่น ๆ ขนาดใหญ่กว่ามือของเขาไม่มากนัก เขาเดินทอดน่องอย่างสบายใจและยิ้มเล็ก ๆ ดูท่าทางมีความสุขดี
ซิลฟี่เอาหน้าเข้าไปชิดหน้าต่าง เขาอยู่นั่น! ยังสบายดี! รูเดียสเป็นคนที่มีตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่ความฝันที่เธอสร้างขึ้นมา!
ซิลฟี่ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
รูเดียสเอาห่อผ้าไปวางที่หน้าร้านขายของแห่งหนึ่ง เปิดห่อผ้าออก ข้างในมีตุ๊กตาหินตัวเล็ก ๆ มองจากตรงนี้ทั้งสามคนมองไม่เห็นว่ามันเป็นรูปอะไร หลังจากเจรจาอะไรกันเรียบร้อย รูเดียสก็หันหลังแล้วเดินหายไปในฝูงชน
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ารูเดียสจะไม่กลับมาอีก ทั้งสามคนก็ลงไปที่ร้านนั้น
“เมื่อกี้มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินมาขายของใช่ไหม ขอดูของที่เขาขายหน่อยสิ”
“โอ้ ได้สิครับ ได้เลย” พ่อค้ายิ้มต้อนรับ แล้วหยิบของชิ้นนั้นออกมา
มันคือตุ๊กตาหินที่มีรายละเอียดปรานีตงดงาม เป็นรูปของเด็กผู้หญิงผมสั้น ในมือถือช่อดอกไม้ ชุดกระโปรงที่เธอใส่พลิ้วไหวเหมือนมีลมพัด
ตุ๊กตาของซิลฟี่….
ซิลฟี่เห็นแล้วก็ยกมือปิดปาก
พ่อค้าก็สังเกตเห็น
“โอ้คุณหนู ตุ๊กตาตัวนี้หน้าตาเหมือนคุณหนูเลยนะครับ เห็นความละเอียดในงานนี่ไหม ต้องใช้ความตั้งใจและเวลาเป็นอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมาเลยนะ ตุ๊กตาตัวนี้เหมาะกับคุณหนูที่สุดเลยนะครับ ทั้งความปราณีตและพลิ้วไหวของเสื้อผ้า เป็นงานแกะสลักชั้นเซียนเลยทีเดียว” พ่อค้าสาธยาย “ผมจะขายให้ในราคา 2 เหรียญทองอัสราว่าอย่างไรครับ”
2 เหรียญทองอัสรา…
จำนวนนั้นมากเกินกว่าเงินเดือนของรอลส์ทั้งเดือนเสียอีก แต่เธออยากได้ อยากได้มาก ๆ มันเป็นของที่ผ่านมือรูเดียสมาเชียวนะ ถึงไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหนและทำไมถึงขาย เธอก็อยากได้มันอยู่ดี
คนที่อยากได้ยิ่งกว่าก็คือรอลส์ ในโลกที่ไม่มีรูปถ่ายนี้ ตุ๊กตาที่หน้าตาเหมือนลูกสาวของเขาแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว
แต่…
“ขอโทษนะซิลฟี่.. พ่อไม่มีเงินมากขนาดนั้น” รอลส์ขอโทษซิลฟี่ ซิลฟี่พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว เธออดผิดหวังไม่ได้ แต่ซิลฟี่ไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ หนูเข้าใจดี ความจริงวันนี้ได้มาเห็นว่ารูดี้สบายดีหนูก็ดีใจที่สุดแล้วค่ะ” ซิลฟี่ยิ้มแย้ม
“รู้จักคุณหนูรูเดียสด้วยหรือครับ” พ่อค้าถาม
ซิลฟี่หน้าแดงทันทีแบบเห็นได้ชัด
“แหะ ๆ เด็กคนนั้นคือลูกชายของผมเองครับ” เปาโลบอกพ่อค้า
“อ้อ คุณมีลูกชายที่ดีนะครับ เป็นคนขยันมากเลย ปั้นตุ๊กตามาขายเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ เขาเคยบอกผมว่าเขาสนใจหนังสือในร้านขายหนังสือตรงนั้น เลยทำงานเพิ่มเติมเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ” พ่อค้าอธิบายให้ฟัง “แถมตุ๊กตาแต่ละตัวที่เขาหามาให้นี่ก็งานดี ๆ ทั้งนั้น ต้องขอบคุณลูกชายคุณจริง ๆ ที่ทำให้ผมมีสินค้าไปเปิดร้านในต่างแดน”
เปาโลได้ฟังอย่างนั้นก็หน้าบาน อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ส่วนซิลฟี่พอได้ยินเรื่องราวของรูเดียสเธอก็ดีใจ ถึงแม้จะไม่ได้ฟังจากเจ้าตัวก็ตาม
อืม.. เก็บเงินซื้อหนังสืองั้นเหรอ สมกับเป็นรูเดียสจริง ๆ
รูเดียสในความทรงจำของเธอก็มักจะพกหนังสืออยู่ตลอดเวลา อ่านท่องจนจำได้ขึ้นใจ แถมยังรู้เรื่องราวมากมายเต็มไปหมด มองอย่างไรก็เป็นคนที่น่าชื่นชม
“ตกลงซื้อครับ” เปาโลว่าอย่างนั้นแล้วหยิบสองเหรียญทองมาจ่ายให้พ่อค้า
การเดินทางกลับนั้นอิ่มเอมใจ ซิลฟี่ดีใจที่ได้แอบมองรูเดียสจากไกล ๆ ทรมานใจที่เข้าไปคุยไม่ได้ก็จริง แต่เธอก็พอใจแค่นี้แหล่ะ
แล้วยังเรื่องเล่าที่ฟังจากพ่อค้า เธอก็มั่นใจได้ว่ารูเดียสที่เธอชอบยังคงเป็นคนขยัน เก่ง และต็มไปด้วยความสามารถเหมือนเดิม
ตุ๊กตาตัวนั้นเปาโลซื้อไป และวางไว้ที่บ้านเกรย์แรท ซึ่งไอชาชอบมาก ๆ
ซิลฟี่ได้มองตุ๊กตาตัวนั้นทีไร เธอก็จะระลึกได้ถึงเด็กชายผู้เป็นที่รักของเธอที่จากไปอยู่ที่ไกลแสนไกล และความรักของเธอก็ไม่เคยลดลงเลย
---
จบแล้วค่ะ เรื่องสั้นเบา ๆ เกี่ยวกับนางเอกที่จะกลับมาในอีกไม่ช้า ในอนิเมะ SS2 ที่จะฉายในปี 2023 นี้
อีกไม่กี่วันทาง official จะมีประกาศเกี่ยวกับอนิเมะ SS2 แล้วนะคะ ใครที่อ่านสปอยมาแล้วคงจะรู้ว่า ภาคนี้มีอะไรที่น่าดูเยอะแยะเลย เราเป็นคนนึงที่ชอบ School Arc มาก ๆ อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
เราไม่ได้แต่งฟิคการ์ตูนนานมาแล้ว มีอะไรติชมได้นะคะ
ลงไว้อีกที่ใน ReadAWrite ไปติดตามกันได้ค่ะ
Fanfiction - การเดินทางของซิลฟี่
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบูเอนา หลังจากที่รูเดียสได้ออกจากหมู่บ้านไปที่ป้อมปราการโรอาแล้วเป็นเวลาเกือบปี
เด็กหญิงซิลฟีเอ็ต ยังคงไปที่บ้านของอัศวินประจำหมู่บ้านทุกวันไม่เคยขาด เพื่อฝึกฝนมารยาทและการทำอาหารตามตำหรับบ้านเกรย์แรท
เธอมุ่งมั่นมากที่จะเป็นเจ้าสาวของรูเดียส เกรย์แรท เพื่อนของเธอที่จากไปไกลแสนไกล
“ความจริงก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอกนะ” เปาโลบอกซิลฟี่ “เมืองป้อมปราการนี่นั่งรถม้าไปแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
นั่นถือว่าไกลมากสำหรับเด็ก 8 ขวบอย่างเธอที่ยังอ่านตัวอักษรไม่คล่องด้วยซ้ำ
“คุณเปาโลพาหนูไปเยี่ยมรูดี้บ้างไม่ได้หรือคะ” ซิลฟี่ถาม
“ไม่ได้หรอก ที่จับพวกเธอแยกกันเพราะอะไร เธอก็รู้ดีนี่ รอลส์อธิบายให้ฟังแล้วใช่ไหมล่ะ” เปาโลพูด เกาคออย่างลำบากใจเมื่อเห็นเด็กหญิงทำหน้าจะร้องไห้
“แม้แต่จดหมายก็ไม่ให้ส่งมาสักฉบับ หนูคิดถึงรูดี้มากนะคะคุณเปาโล!” ซิลฟี่ว่า “ขอให้เห็นว่ารูดี้ยังสบายดีกับตาก็พอ!”
เปาโลถอนหายใจ ลูกชายของเรามันเนื้อหอมขนาดนี้เลยรึ
ในใจก็เวทนาสาวน้อยนัก แต่คิดว่าความรักของซิลฟีเอ็ตคงเหมือนรักลูกหมาทั่วไปที่ไม่นานก็จะจางลงไปเองเมื่อเด็กหญิงโตขึ้นและมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า
แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือเธอกลับมาที่บ้านนี้ทุกวัน ทำความสนิทสนมกับภรรยาทั้งสองคนของเขา ขอให้สอนวิชาทำอาหารให้ เพราะเธอต้องการรู้ว่ารูเดียสชอบทานอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังให้สอนมารยาทแบบขุนนางให้อีก เพราะเธอรู้ว่ารูเดียสเป็นขุนนาง พอถามก็บอกว่าต้องพยายาม เวลาเดินข้าง ๆ รูเดียสจะได้ไม่เสียหน้า
ความทะเยอทะยานของซิลฟี่ช่างน่าประทับใจ
“เข้าใจแล้วล่ะ ถ้าไปแอบดูเฉย ๆ ล่ะก็คงพอได้ แต่ห้ามเข้าไปทักเด็ดขาดเลยนะ”
ซิลฟี่ไม่อยากจะเชื่อหู ดวงตาเธอเปล่งประกายด้วยความดีใจ หูยาว ๆ กระดิกขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ!!”
หลังจากนั้น เปาโลก็จัดแจงส่งจดหมายถามกีแลนถึงวันหยุดครั้งต่อไปที่รูเดียสจะเข้าไปในเมือง เขากับรอลส์จะพาซิลฟี่ไปดูรูเดียสห่าง ๆ
ซิลฟี่เฝ้ารอวันนัดอย่างใจจดใจจ่อ รอลส์กับภรรยาเห็นก็สงสารลูกสาวจับใจ เขารู้ดีว่าความฝันของลูกจะไม่เป็นจริงเพราะรูเดียสไม่ใช่เด็กธรรมดา เป็นถึงอัจฉริยะที่ใช้เวทย์มนต์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แถมยังมีนามสกุลเหมือนขุนนางชั้นสูงที่ทำงานใกล้ชิดพระราชา ไม่มีทางเลยที่สาวชาวบ้านอย่างซิลฟี่จะสมหวัง
แต่มันก็เร็วเกินไปที่จะบอกเรื่องนี้กับซิลฟี่วัย 8 ขวบ ที่ดูเหมือนจะรักลูกชายของบ้านนั้นหมดหัวใจ จนแม้เขาจะจากไปเป็นปีเธอก็ยังไม่ทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นในหมู่บ้าน และยังถามพ่อแม่ทุกวันว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา
อะไรทำให้เธอรักเด็กชายคนนี้ขนาดนั้นกันนะ เป็นเพราะใช้เวลาร่วมกันทุกวัน? เป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนคนแรก? เป็นเพราะเขาช่วยเธอไว้จากการโดนรังแก? รอลส์ก็หาคำตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าในใจของลูกสาวไม่เหลือที่ว่างให้ใครคนอื่นเลย
วันที่นัดหมายมาถึง ซิลฟีเอ็ตใส่หมวกใบใหญ่ปิดบังเส้นผมสีเขียวสะดุดตาของเธอ ซิลฟี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี
วันนั้นคนที่เดินทางไปด้วยกันก็มีเปาโล กับรอลส์ เดินทางด้วยม้าสองตัว ออกเดินทางตั้งแต่แสงแรกของวัน เพื่อไปให้ถึงเมืองป้อมปราการในตอนบ่าย ที่กีแลนบอกเปาโลว่ามักเป็นช่วงที่รูเดียสไปเดินเล่นในเมือง
เปาโลเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นลูกชายของตนเติบโตขึ้นจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นปี แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้า เขาจะให้รูเดียสเห็นตัวเองไม่ได้
การเดินทางราบรื่นดีตลอด เมื่อมาถึงเมืองป้อมปราการ ซิลฟี่ดูเหนื่อยล้าเพราะไม่เคยนั่งม้าติดกันนานขนาดนี้ แต่เธอก็สนุก
“ชอบไหม ขี่ม้า?” รอลส์ถามลูกสาว
“ชอบค่ะ!”
“ไว้ว่างๆ พ่อจะสอนขี่ม้าให้แล้วกัน แต่หนูต้องขายาวกว่านี้ก่อน”
“ค่ะ!” ซิลฟี่เอ็ตตอบรับอย่างกระตือรือร้น ถือว่าเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสอง
ทั้งสามคนไปนั่งรอเวลาที่ร้านนั่งดื่มในละแวกนั้นที่มีพื้นที่นั่งอยู่ชั้น 2 และมีหน้าต่างสามารถมองลงมาเห็นร้านรวงต่างๆ ได้จนสุดถนน
ซิลฟี่กับเปาโลคอยมองหาผู้คนที่เดินไปมามากมาย เวลาผ่านไปสิบนาที ยี่สิบนาที จนเป็นชั่วโมง
“นั่นไง!” ซิลฟีเอ็ตร้องด้วยความดีใจจนแขกคนอื่นในร้านหันมามอง เธอชี้นิ้วลงไปข้างล่าง
เห็นเด็กผู้ชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดูแพง ผมสีทรายตัดสั้น ดวงตาสีเขียวมรกต มีไฝเม็ดหนึ่งที่ใต้ตาซ้าย รูเดียส เกรย์แรทนั่นเอง
รูเดียสเดินมาเพียงคนเดียว ในมือถือห่อผ้าสีขุ่น ๆ ขนาดใหญ่กว่ามือของเขาไม่มากนัก เขาเดินทอดน่องอย่างสบายใจและยิ้มเล็ก ๆ ดูท่าทางมีความสุขดี
ซิลฟี่เอาหน้าเข้าไปชิดหน้าต่าง เขาอยู่นั่น! ยังสบายดี! รูเดียสเป็นคนที่มีตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่ความฝันที่เธอสร้างขึ้นมา!
ซิลฟี่ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
รูเดียสเอาห่อผ้าไปวางที่หน้าร้านขายของแห่งหนึ่ง เปิดห่อผ้าออก ข้างในมีตุ๊กตาหินตัวเล็ก ๆ มองจากตรงนี้ทั้งสามคนมองไม่เห็นว่ามันเป็นรูปอะไร หลังจากเจรจาอะไรกันเรียบร้อย รูเดียสก็หันหลังแล้วเดินหายไปในฝูงชน
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ารูเดียสจะไม่กลับมาอีก ทั้งสามคนก็ลงไปที่ร้านนั้น
“เมื่อกี้มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินมาขายของใช่ไหม ขอดูของที่เขาขายหน่อยสิ”
“โอ้ ได้สิครับ ได้เลย” พ่อค้ายิ้มต้อนรับ แล้วหยิบของชิ้นนั้นออกมา
มันคือตุ๊กตาหินที่มีรายละเอียดปรานีตงดงาม เป็นรูปของเด็กผู้หญิงผมสั้น ในมือถือช่อดอกไม้ ชุดกระโปรงที่เธอใส่พลิ้วไหวเหมือนมีลมพัด
ตุ๊กตาของซิลฟี่….
ซิลฟี่เห็นแล้วก็ยกมือปิดปาก
พ่อค้าก็สังเกตเห็น
“โอ้คุณหนู ตุ๊กตาตัวนี้หน้าตาเหมือนคุณหนูเลยนะครับ เห็นความละเอียดในงานนี่ไหม ต้องใช้ความตั้งใจและเวลาเป็นอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมาเลยนะ ตุ๊กตาตัวนี้เหมาะกับคุณหนูที่สุดเลยนะครับ ทั้งความปราณีตและพลิ้วไหวของเสื้อผ้า เป็นงานแกะสลักชั้นเซียนเลยทีเดียว” พ่อค้าสาธยาย “ผมจะขายให้ในราคา 2 เหรียญทองอัสราว่าอย่างไรครับ”
2 เหรียญทองอัสรา…
จำนวนนั้นมากเกินกว่าเงินเดือนของรอลส์ทั้งเดือนเสียอีก แต่เธออยากได้ อยากได้มาก ๆ มันเป็นของที่ผ่านมือรูเดียสมาเชียวนะ ถึงไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหนและทำไมถึงขาย เธอก็อยากได้มันอยู่ดี
คนที่อยากได้ยิ่งกว่าก็คือรอลส์ ในโลกที่ไม่มีรูปถ่ายนี้ ตุ๊กตาที่หน้าตาเหมือนลูกสาวของเขาแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว
แต่…
“ขอโทษนะซิลฟี่.. พ่อไม่มีเงินมากขนาดนั้น” รอลส์ขอโทษซิลฟี่ ซิลฟี่พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว เธออดผิดหวังไม่ได้ แต่ซิลฟี่ไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ หนูเข้าใจดี ความจริงวันนี้ได้มาเห็นว่ารูดี้สบายดีหนูก็ดีใจที่สุดแล้วค่ะ” ซิลฟี่ยิ้มแย้ม
“รู้จักคุณหนูรูเดียสด้วยหรือครับ” พ่อค้าถาม
ซิลฟี่หน้าแดงทันทีแบบเห็นได้ชัด
“แหะ ๆ เด็กคนนั้นคือลูกชายของผมเองครับ” เปาโลบอกพ่อค้า
“อ้อ คุณมีลูกชายที่ดีนะครับ เป็นคนขยันมากเลย ปั้นตุ๊กตามาขายเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ เขาเคยบอกผมว่าเขาสนใจหนังสือในร้านขายหนังสือตรงนั้น เลยทำงานเพิ่มเติมเพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ” พ่อค้าอธิบายให้ฟัง “แถมตุ๊กตาแต่ละตัวที่เขาหามาให้นี่ก็งานดี ๆ ทั้งนั้น ต้องขอบคุณลูกชายคุณจริง ๆ ที่ทำให้ผมมีสินค้าไปเปิดร้านในต่างแดน”
เปาโลได้ฟังอย่างนั้นก็หน้าบาน อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ส่วนซิลฟี่พอได้ยินเรื่องราวของรูเดียสเธอก็ดีใจ ถึงแม้จะไม่ได้ฟังจากเจ้าตัวก็ตาม
อืม.. เก็บเงินซื้อหนังสืองั้นเหรอ สมกับเป็นรูเดียสจริง ๆ
รูเดียสในความทรงจำของเธอก็มักจะพกหนังสืออยู่ตลอดเวลา อ่านท่องจนจำได้ขึ้นใจ แถมยังรู้เรื่องราวมากมายเต็มไปหมด มองอย่างไรก็เป็นคนที่น่าชื่นชม
“ตกลงซื้อครับ” เปาโลว่าอย่างนั้นแล้วหยิบสองเหรียญทองมาจ่ายให้พ่อค้า
การเดินทางกลับนั้นอิ่มเอมใจ ซิลฟี่ดีใจที่ได้แอบมองรูเดียสจากไกล ๆ ทรมานใจที่เข้าไปคุยไม่ได้ก็จริง แต่เธอก็พอใจแค่นี้แหล่ะ
แล้วยังเรื่องเล่าที่ฟังจากพ่อค้า เธอก็มั่นใจได้ว่ารูเดียสที่เธอชอบยังคงเป็นคนขยัน เก่ง และต็มไปด้วยความสามารถเหมือนเดิม
ตุ๊กตาตัวนั้นเปาโลซื้อไป และวางไว้ที่บ้านเกรย์แรท ซึ่งไอชาชอบมาก ๆ
ซิลฟี่ได้มองตุ๊กตาตัวนั้นทีไร เธอก็จะระลึกได้ถึงเด็กชายผู้เป็นที่รักของเธอที่จากไปอยู่ที่ไกลแสนไกล และความรักของเธอก็ไม่เคยลดลงเลย
---
จบแล้วค่ะ เรื่องสั้นเบา ๆ เกี่ยวกับนางเอกที่จะกลับมาในอีกไม่ช้า ในอนิเมะ SS2 ที่จะฉายในปี 2023 นี้
อีกไม่กี่วันทาง official จะมีประกาศเกี่ยวกับอนิเมะ SS2 แล้วนะคะ ใครที่อ่านสปอยมาแล้วคงจะรู้ว่า ภาคนี้มีอะไรที่น่าดูเยอะแยะเลย เราเป็นคนนึงที่ชอบ School Arc มาก ๆ อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
เราไม่ได้แต่งฟิคการ์ตูนนานมาแล้ว มีอะไรติชมได้นะคะ
ลงไว้อีกที่ใน ReadAWrite ไปติดตามกันได้ค่ะ