สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะขอแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน แบบไม่มีรถ เมื่อวันที่ 22-25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานะคะ
วันที่ 1 (22/01/2566)
-สนามบินดอนเมือง > สนามบินเชียงใหม่
-สนามบินเชียงใหม่ > โรงแรม Cross Vibe Chiang Mai Decem เพื่อเอากระเป๋าไปฝากก่อนไปเที่ยวค่ะ(ออกจาก gate มาจะเจอคนถือป้าย airport taxi ที่รอบริการลูกค้าทันทีเลย เป็นรถ sedan ธรรมดาสีขาว ราคา 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที สามารถโอนชำระได้และราคาขึ้นอยู่กับปลายทางที่ให้ไปส่งค่ะ)
-โรงแรม > หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อขึ้นรถแดงนำเที่ยวไปขุนช่างเคี่ยน (เราไม่รู้ว่าต้องไปขึ้นรถแดงที่หน้ามช. เลยลองเดินจากโรงแรมออกมาเรื่อยๆก่อนจนถึงห้าง MAYA จากนั้นจึงเรียก grab จากฝั่งตรงข้ามห้าง MAYA ไปที่หน้ามช. ราคา 105 บาทค่ะ)
-รถแดงนำเที่ยวไป ขุนช่างเคี่ยน > ดอยปุย > ดอยสุเทพ (หน้ามช.จะมีรถแดงบริการอยู่ โดยจะมีเส้นทางและราคาให้เลือกแตกต่างกันไป โดยเราเลือกไปขุนช่างเคี่ยน > ดอยปุย > ดอยสุเทพ ราคาอยู่ที่ 400 บาท/คน พร้อมกลับมาส่งที่จุดเดิม หน้ามช. ไม่ใช่ราคาเหมานะคะ มีนักท่องเที่ยวไปเส้นทางเดียวกันพอดีอีก 3 คนค่ะ ระยะเวลาแต่ละที่คนขับเขาก็ให้นักท่องเที่ยวตกลงกันเองว่าจะให้เขามารับตอนกี่โมง) ซึ่งวันที่ไปขุนช่างเคี่ยน ดอกพญาเสือโคร่งบานสวยงามค่ะ แต่ว่าไม่บานสะพรั่งเท่าขุนวาง
-หน้ามช. > โรงแรม (หลังจากรถแดงนำเที่ยวกลับมาส่งที่หน้ามช.แล้วเราก็เรียก grab กลับไปส่งที่โรงแรมค่ะ ราคา 114 บาท ใช้เวลา 40 นาทีเพราะรถติด ช่วงนี้นศ. ซ้อมรับปริญญาค่ะ)
-โรงแรม > ร้านอาหารต๋องเต็มโต๊ะ นักท่องเที่ยวไปทานกันเยอะค่ะ แนะนำให้ไปถึงร้านประมาณ 17.00 จะได้มีโต๊ะค่ะ รสชาติอร่อยและราคาไม่แพงมากค่ะ (๋ต๋องเต็มโต๊ะอยู่นิมมาน ซึ่งไม่ไกลมาก เรากับพี่ชายเลยเดินเท้าจากโรงแรมไปกันค่ะ)
วันที่ 2 (23/01/2566)
-โรงแรม > ประตูเชียงใหม่ เพื่อที่จะไปขึ้นรถสองแถวสีเหลืองไปลงพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง และต่อรถสองแถวเหลืองอีกคันไปลงดอยอินทนนท์ค่ะ (พอ checked out ออกจากโรงแรมและเดินออกมาเจอรถแดงรับจ้างจอดอยู่คันนึง เลยลองถามราคาไปส่งที่ประตูเชียงใหม่ ได้ราคาเหมามาที่ 150 บาท จึงตกลงค่ะ) คนท้องถิ่นแถวนั้นบอกว่า จะเดินทางไปไหนสามารถโบกรถแดงได้ค่ะ ลองสอบถามคนขับดูว่าเขาผ่านหรือสะดวกไปส่งที่ที่เราต้องการจะไปหรือไม่ ราคาไม่มีตายตัวขึ้นอยู่กับระยะทาง, จำนวนคนค่ะ
-ประตูเชียงใหม่ > วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง (จากโรงแรมมาประตูเชียงใหม่ใช้เวลา 15 นาที ตอนเช้าตรู่ เราให้รถแดงมาจอดตรงจุดขึ้นรถพอดี ถามคนขับเขาบอกว่าจะออกทุกๆ 10 นาที เป็นรถสองแถวสีเหลืองประจำทางจากประตูเชียงใหม่-จอมทอง ราคาคลละ 40 บาท ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม. ค่ะ)
-วัดพระธาตุศรีจอมทอง > สถานีอนามัย ดอยอินทนนท์ (จุดที่เราลงคือ วัดพระธาตุศรีจอมทอง ใกล้กับจุดขึ้นสองแถวเหลืองที่จะไปแม่แจ่มค่ะ ซึ่งดอยอินทนนท์อยู่ระหว่างทางไปแม่แจ่ม เขาจะจอดให้ลงได้ค่ะ เราเลยขอลงที่สถานีอนามัยเพื่อที่จะไป check in ที่พักที่ อินทนนท์แคมป์ค่ะ สถานีอนามัยอยู่ตรงสามแยกก่อนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ค่ะ ราคาคลละ 80 บาท ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ)
-อินทนนท์แคมป์ (จากสามแยกสถานีอนามัยมาแคมป์ ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาทีค่ะ หลังจาก checked in แล้ว เราจึงรู้ว่าไม่มีรถสาธารณะขึ้นไปที่ข้างบนดอยอินทนนท์ ต้องเหมารถไป เราจึงสอบถามคนท้องถิ่นแถวนั้นและเหมารถไปขึ้นดอยอินทนนน์ตรงจุดชมวิวกิ่วแม่ปานเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ที่ราคา 1000 บาทค่ะ เป็นรถกระบะ โดยเขาจะให้เรานั่งข้างหน้าข้างคนขับ)
-ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ รองเท้านารี > ขุนวาง > น้ำตกสิริภูมิ (หลังจากได้รถสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วเราจึงขอเหมารถเที่ยววันนี้ไปด้วย โดยคนขับพาไปเที่ยวที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี > ขุนวาง > น้ำตกสิริภูมิ คิดราคา 1000 บาท) ซึ่งพอไปถึงแต่ละที่แล้ว ดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งมากกว่าที่ขุนช่างเคี่ยนเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะที่ขุนวางออกดอกสวยงามตามทางเต็มไปหมดค่ะ
-แคมป์ พอเที่ยวครบแล้ว คนขับก็พามาส่งที่แคมป์ และตกลงว่าจะมารับพวกเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอน 05.00
วันที่ 3 (24/01/2566)
-แคมป์ > ดอยอินทนนท์ จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน เพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งวันที่เราไปอากาศหนาวมาก 4 องศาค่ะ (พอถึงจุดชมวิว เราก็ตกลงกับคนขับได้เลยว่าจะกลับมาเจอเขาอีกกี่โมง เพราะเรากับพี่ชายตั้งใจจะไปเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานและอ่างกาด้วย)
-ดอยอินทนนท์ (กิ่วแม่ปาน,อ่างกา) > ร้านขายของฝากเผ่าม้ง > น้ำตกวขิรธาร > วัดพระธาตุศรีจอมทอง (นี้คือเส้นทางที่คนขับพาเราไปค่ะ โดยเราขอให้มาส่งที่จุดขึ้นรถสองแถวสีเหลืองเพื่อกลับไปประตูเชียงใหม่ ตรงวัดพระธาตุศรีจอมทองด้วย คนขับจึงขอคิดเพิ่ม 300 บาทค่ะ)
-วัดพระธาตุศรีจอมทอง > ประตูเชียงใหม่ (ขากลับก็เหมือนเดิมค่ะ ราคาเดิมและใช้เวลาเท่าเดิม เพียงแต่ไปขึ้นรถฝั่งตรงข้ามวัด)
-ประตูเชียงใหม่ > โรงแรม Hotel Noir (พอถึงประตูเชียงใหม่แล้วเรากับพี่ชายก็เรียก grab ไปส่งที่โรงแรม ราคา 135 บาท ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีค่ะ)
-โรงแรม > ร้านอาหารต๋องเต็มโต๊ะ พี่ชายติดใจ จึงมาฝากท้องที่ร้านนี้อีกครั้งค่ะ (โรงแรมก็อยู่นิมมานพอดี พวกเราจึงเดินไปที่ร้านอาหารได้ค่ะ)
-One Nimman หลังจากทานอาหารเสร็จก็มาเดินเล่นที่นี่และกินไอศกรีมที่ร้าน Melt Me อร่อยมากค่ะ
วันที่ 4 (25/01/2566)
-Hotel noir > บ้านข้างวัด (เราเรียก grab ไปส่งที่บ้านข้างวัด ราคา 142 บาทใช้เวลา 30 นาที)
-บ้านข้างวัด > ตลาดวโรรส เพื่อซื้อของฝาก (เราเรียก grab ไปส่งที่ตลาด ราคา 123 บาทใช้เวลา 30 นาที)
-ตลาดวโรรส > สนามบินเชียงใหม่ (เราเรียก grab ไปส่งที่สนามบิน ราคา 194 บาทใช้เวลา 30-40 นาที)
สรุปโดยรวมแล้ว ในอ.เมืองเชียงใหม่ถือว่าเดินทางสะดวกพอสมควร เพราะมี grab และรถแดง บริการอย่างไม่ขาดสาย ส่วนอำเภออื่นๆแนะนำว่าถ้ามีรถเป็นของตัวเองจะสะดวกกว่า (เพราะหลังจากกลับมาจากทริปนี้ เราไปเชียงใหม่อีกครั้งเดือนกุมภา 2566 ไปกับเพื่อนอีก 4 คน โดยเช่ารถและเติมน้ำมัน 2 ครั้ง หารเฉลี่ยออกมาถือว่าคุ้มกว่าค่ะ อาจจะเพราะไปกันเยอะด้วย อย่างไรก็ตามการได้ใช้รถของคนในท้องถิ่นโดยสารเพื่อท่องเที่ยวก็จะให้ประสบการณ์อีกแบบหนึ่งนะคะ เป็นการเดินทางที่สนุกอีกแบบค่ะ) ทั้งนี้ถ้าเลือกที่จะขับไปเองแนะนำว่าคนขับจะต้องเชี่ยวชาญพอสมควรนะคะ เนื่องจากเส้นทางที่จะต้องขึ้นเขาและขึ้นดอยบางที่น่ากลัวและต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้พอจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยตัวเองไม่มากก็น้อยนะคะ
เที่ยวเชียงใหม่แบบไม่มีรถ 4 วัน 3 คืน ขุนช่างเคี่ยน,ดอยปุย,ดอยสุเทพ,ขุนวาง,ดอนอินทนนท์,กิ่วแม่ปาน,น้ำตกวชิรธาร
วันที่ 1 (22/01/2566)
-สนามบินดอนเมือง > สนามบินเชียงใหม่
-สนามบินเชียงใหม่ > โรงแรม Cross Vibe Chiang Mai Decem เพื่อเอากระเป๋าไปฝากก่อนไปเที่ยวค่ะ(ออกจาก gate มาจะเจอคนถือป้าย airport taxi ที่รอบริการลูกค้าทันทีเลย เป็นรถ sedan ธรรมดาสีขาว ราคา 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที สามารถโอนชำระได้และราคาขึ้นอยู่กับปลายทางที่ให้ไปส่งค่ะ)
-โรงแรม > หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อขึ้นรถแดงนำเที่ยวไปขุนช่างเคี่ยน (เราไม่รู้ว่าต้องไปขึ้นรถแดงที่หน้ามช. เลยลองเดินจากโรงแรมออกมาเรื่อยๆก่อนจนถึงห้าง MAYA จากนั้นจึงเรียก grab จากฝั่งตรงข้ามห้าง MAYA ไปที่หน้ามช. ราคา 105 บาทค่ะ)
-รถแดงนำเที่ยวไป ขุนช่างเคี่ยน > ดอยปุย > ดอยสุเทพ (หน้ามช.จะมีรถแดงบริการอยู่ โดยจะมีเส้นทางและราคาให้เลือกแตกต่างกันไป โดยเราเลือกไปขุนช่างเคี่ยน > ดอยปุย > ดอยสุเทพ ราคาอยู่ที่ 400 บาท/คน พร้อมกลับมาส่งที่จุดเดิม หน้ามช. ไม่ใช่ราคาเหมานะคะ มีนักท่องเที่ยวไปเส้นทางเดียวกันพอดีอีก 3 คนค่ะ ระยะเวลาแต่ละที่คนขับเขาก็ให้นักท่องเที่ยวตกลงกันเองว่าจะให้เขามารับตอนกี่โมง) ซึ่งวันที่ไปขุนช่างเคี่ยน ดอกพญาเสือโคร่งบานสวยงามค่ะ แต่ว่าไม่บานสะพรั่งเท่าขุนวาง
-หน้ามช. > โรงแรม (หลังจากรถแดงนำเที่ยวกลับมาส่งที่หน้ามช.แล้วเราก็เรียก grab กลับไปส่งที่โรงแรมค่ะ ราคา 114 บาท ใช้เวลา 40 นาทีเพราะรถติด ช่วงนี้นศ. ซ้อมรับปริญญาค่ะ)
-โรงแรม > ร้านอาหารต๋องเต็มโต๊ะ นักท่องเที่ยวไปทานกันเยอะค่ะ แนะนำให้ไปถึงร้านประมาณ 17.00 จะได้มีโต๊ะค่ะ รสชาติอร่อยและราคาไม่แพงมากค่ะ (๋ต๋องเต็มโต๊ะอยู่นิมมาน ซึ่งไม่ไกลมาก เรากับพี่ชายเลยเดินเท้าจากโรงแรมไปกันค่ะ)
วันที่ 2 (23/01/2566)
-โรงแรม > ประตูเชียงใหม่ เพื่อที่จะไปขึ้นรถสองแถวสีเหลืองไปลงพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง และต่อรถสองแถวเหลืองอีกคันไปลงดอยอินทนนท์ค่ะ (พอ checked out ออกจากโรงแรมและเดินออกมาเจอรถแดงรับจ้างจอดอยู่คันนึง เลยลองถามราคาไปส่งที่ประตูเชียงใหม่ ได้ราคาเหมามาที่ 150 บาท จึงตกลงค่ะ) คนท้องถิ่นแถวนั้นบอกว่า จะเดินทางไปไหนสามารถโบกรถแดงได้ค่ะ ลองสอบถามคนขับดูว่าเขาผ่านหรือสะดวกไปส่งที่ที่เราต้องการจะไปหรือไม่ ราคาไม่มีตายตัวขึ้นอยู่กับระยะทาง, จำนวนคนค่ะ
-ประตูเชียงใหม่ > วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง (จากโรงแรมมาประตูเชียงใหม่ใช้เวลา 15 นาที ตอนเช้าตรู่ เราให้รถแดงมาจอดตรงจุดขึ้นรถพอดี ถามคนขับเขาบอกว่าจะออกทุกๆ 10 นาที เป็นรถสองแถวสีเหลืองประจำทางจากประตูเชียงใหม่-จอมทอง ราคาคลละ 40 บาท ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม. ค่ะ)
-วัดพระธาตุศรีจอมทอง > สถานีอนามัย ดอยอินทนนท์ (จุดที่เราลงคือ วัดพระธาตุศรีจอมทอง ใกล้กับจุดขึ้นสองแถวเหลืองที่จะไปแม่แจ่มค่ะ ซึ่งดอยอินทนนท์อยู่ระหว่างทางไปแม่แจ่ม เขาจะจอดให้ลงได้ค่ะ เราเลยขอลงที่สถานีอนามัยเพื่อที่จะไป check in ที่พักที่ อินทนนท์แคมป์ค่ะ สถานีอนามัยอยู่ตรงสามแยกก่อนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ค่ะ ราคาคลละ 80 บาท ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ)
-อินทนนท์แคมป์ (จากสามแยกสถานีอนามัยมาแคมป์ ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาทีค่ะ หลังจาก checked in แล้ว เราจึงรู้ว่าไม่มีรถสาธารณะขึ้นไปที่ข้างบนดอยอินทนนท์ ต้องเหมารถไป เราจึงสอบถามคนท้องถิ่นแถวนั้นและเหมารถไปขึ้นดอยอินทนนน์ตรงจุดชมวิวกิ่วแม่ปานเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ที่ราคา 1000 บาทค่ะ เป็นรถกระบะ โดยเขาจะให้เรานั่งข้างหน้าข้างคนขับ)
-ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ รองเท้านารี > ขุนวาง > น้ำตกสิริภูมิ (หลังจากได้รถสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วเราจึงขอเหมารถเที่ยววันนี้ไปด้วย โดยคนขับพาไปเที่ยวที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี > ขุนวาง > น้ำตกสิริภูมิ คิดราคา 1000 บาท) ซึ่งพอไปถึงแต่ละที่แล้ว ดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งมากกว่าที่ขุนช่างเคี่ยนเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะที่ขุนวางออกดอกสวยงามตามทางเต็มไปหมดค่ะ
-แคมป์ พอเที่ยวครบแล้ว คนขับก็พามาส่งที่แคมป์ และตกลงว่าจะมารับพวกเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอน 05.00
วันที่ 3 (24/01/2566)
-แคมป์ > ดอยอินทนนท์ จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน เพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งวันที่เราไปอากาศหนาวมาก 4 องศาค่ะ (พอถึงจุดชมวิว เราก็ตกลงกับคนขับได้เลยว่าจะกลับมาเจอเขาอีกกี่โมง เพราะเรากับพี่ชายตั้งใจจะไปเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานและอ่างกาด้วย)
-ดอยอินทนนท์ (กิ่วแม่ปาน,อ่างกา) > ร้านขายของฝากเผ่าม้ง > น้ำตกวขิรธาร > วัดพระธาตุศรีจอมทอง (นี้คือเส้นทางที่คนขับพาเราไปค่ะ โดยเราขอให้มาส่งที่จุดขึ้นรถสองแถวสีเหลืองเพื่อกลับไปประตูเชียงใหม่ ตรงวัดพระธาตุศรีจอมทองด้วย คนขับจึงขอคิดเพิ่ม 300 บาทค่ะ)
-วัดพระธาตุศรีจอมทอง > ประตูเชียงใหม่ (ขากลับก็เหมือนเดิมค่ะ ราคาเดิมและใช้เวลาเท่าเดิม เพียงแต่ไปขึ้นรถฝั่งตรงข้ามวัด)
-ประตูเชียงใหม่ > โรงแรม Hotel Noir (พอถึงประตูเชียงใหม่แล้วเรากับพี่ชายก็เรียก grab ไปส่งที่โรงแรม ราคา 135 บาท ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีค่ะ)
-โรงแรม > ร้านอาหารต๋องเต็มโต๊ะ พี่ชายติดใจ จึงมาฝากท้องที่ร้านนี้อีกครั้งค่ะ (โรงแรมก็อยู่นิมมานพอดี พวกเราจึงเดินไปที่ร้านอาหารได้ค่ะ)
-One Nimman หลังจากทานอาหารเสร็จก็มาเดินเล่นที่นี่และกินไอศกรีมที่ร้าน Melt Me อร่อยมากค่ะ
วันที่ 4 (25/01/2566)
-Hotel noir > บ้านข้างวัด (เราเรียก grab ไปส่งที่บ้านข้างวัด ราคา 142 บาทใช้เวลา 30 นาที)
-บ้านข้างวัด > ตลาดวโรรส เพื่อซื้อของฝาก (เราเรียก grab ไปส่งที่ตลาด ราคา 123 บาทใช้เวลา 30 นาที)
-ตลาดวโรรส > สนามบินเชียงใหม่ (เราเรียก grab ไปส่งที่สนามบิน ราคา 194 บาทใช้เวลา 30-40 นาที)
สรุปโดยรวมแล้ว ในอ.เมืองเชียงใหม่ถือว่าเดินทางสะดวกพอสมควร เพราะมี grab และรถแดง บริการอย่างไม่ขาดสาย ส่วนอำเภออื่นๆแนะนำว่าถ้ามีรถเป็นของตัวเองจะสะดวกกว่า (เพราะหลังจากกลับมาจากทริปนี้ เราไปเชียงใหม่อีกครั้งเดือนกุมภา 2566 ไปกับเพื่อนอีก 4 คน โดยเช่ารถและเติมน้ำมัน 2 ครั้ง หารเฉลี่ยออกมาถือว่าคุ้มกว่าค่ะ อาจจะเพราะไปกันเยอะด้วย อย่างไรก็ตามการได้ใช้รถของคนในท้องถิ่นโดยสารเพื่อท่องเที่ยวก็จะให้ประสบการณ์อีกแบบหนึ่งนะคะ เป็นการเดินทางที่สนุกอีกแบบค่ะ) ทั้งนี้ถ้าเลือกที่จะขับไปเองแนะนำว่าคนขับจะต้องเชี่ยวชาญพอสมควรนะคะ เนื่องจากเส้นทางที่จะต้องขึ้นเขาและขึ้นดอยบางที่น่ากลัวและต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้พอจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยตัวเองไม่มากก็น้อยนะคะ