อุบลฯ หน้าร้อน 3 วัน 2 คืน [ไหว้พระ ชมเขื่อน เยือนแดนหมอลำ กินส้มตำแซ่บแฮง]

สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วกับกระทู้ห้องบลูแพลนเน็ต
สืบเนื่องจากช่วงวันหยุดยาวมาฆบูชา ผู้เขียนมีโอกาสได้เดินทางไปงานภาคอิสาน
แบบที่เรียกว่าไกลที่สุดในชีวิต ถึง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี

ระยะทางไปกลับกว่า 1200 กิโลเมตร ฝ่ารถติดถนนมิตรภาพ
การเดินทางครั้งนี้จะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน เชิญเพื่อนชาวพันทิปมาร่วมลุ้นด้วยกันจ้า





ครั้งนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์นะคะ จากกรุงเทพมหานคร ผ่านปทุมธานี สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีค่ะ
ในภาพเราเปิดตอนถึงโคราชแล้วนะคะ เพื่อหาทางไปจุดหมายของเราคืออุบลราชธานีค่า
บรรยากาศสองข้างทางก็จะประมาณนี้นะคะ การจราจรหนาแน่นบางจุดเพราะทำถนน







อาหารเช้าเราอาศัยเข้าร้านสะดวกซื้อ เพราะรีบๆเร่งๆกันค่ะ จัดบิ๊กเปาหมูแดง กับกาแฟดำเข้มๆ อยู่ได้ยาวๆเลยจ้า
พอถึงเวลามื้อเที่ยงเราก็อยู่ถนนสาย 24 เรียบร้อย บอกเลยว่าหาร้านอาหารยากมาก
ข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขา ท้องทุ่ง บ้านเรือนกระจายตัวอยู่กันห่างๆ
ที่แปลกที่สุดคือมีซากน้องโบ้ริมถนน บางตัวแห้งจนแทบย่อยสลายแล้ว เห็นแล้วสงสารน้องจัง

เดินทางหาร้านอาหารสักพักก็เจอส้มตำร้านดังบริเวณโชคชัย นครราชสีมา
ชื่อร้าน “ส้มตำพันล้าน” ร้านใหญ่ โต๊ะเยอะ พนักงานบริการดีมาก
มีทั้งอาหารไทย อิสาน อาหารป่า เครื่องดื่ม และที่ห้ามพลาดคือผัดหมี่โคราชค่ะ
ที่นี่เด็ดอีกหนึ่งอย่างคือ ผัดเผ็ดหมูป่า บอกเลยถึงเครื่องสมุนไพร สู้ฟันหน่อยๆ ฟิ๊นฟิน















อิ่มท้องแล้วไปต่อได้ยาวๆเลยค้าบ
ผ่านมาหลายชั่วโมงจนฟ้ามืด เราก็ยังคงไม่ถึงอุบลราชธานีเสียที ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวไกลเหลือเกิน
ไม่มีเวลาแวะที่ไหน แต่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวหลายจุดที่อยากไป ทั้งในบุรีรัมย์ สุรินทร์
ถ้ามีโอกาสจะแวะมาซึมซับวัฒนธรรมอิสานใต้ให้ได้เลย

20:00 น. ถึงจึดหมาย ต.อ่างศิลา อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
เนื่องจากเจ้าภาพจองที่พักไว้ให้แล้ว ผู้เขียนจึงเชคอินเข้าที่พักก่อนออกไปหาร้านนั่งชิว

ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร มีร้านกินดื่มสไตล์ครอบครัว ชื่อร้าน “พ้อกัน”
เปิดเพลงลูกทุ่งอินดี้ บอกเลยว่าถึกใจหลาย บรรยากาศร้านน่ารักตกแต่งง่ายๆ คลาสสิคดีค่ะ
เสียดายวันนี้พ่อครัวเมาค้าง มาทำงานไม่ไหว เลยได้แต่สั่งถั่วทอดมานั่งแกล้มเหล้า โถชีวิต!!!!
สงสัยจะหนักเมื่อคืน แต่ถือว่าวันนี้เราเพลียกับการเดินทางมาแล้ว เลยอยากเข้านอนเร็ว โอเค๊ดีลลลลล











เมนูอาหารและโปรโมชั่นในวันปกติค่ะ เบลอนิดนึงคือเริ่มกรึ่มแล้ว 555







6:00 น. ตื่นเช้ามาอากาศเย็นค่ะ ประมาณ 23 องศาเซลเซียส
อู้วววว นี่หน้าร้อนนะจ๊ะ แต่ก็ดีมากๆสำหรับผู้หนีร้อน หนีฝุ่นจาก กทม.
อาบน้ำแต่งตัว วันนี้เราจะไปกินข้าวที่เขื่อนสิรินธรกันค่า
เห็นตัวเขื่อนจากข้างทางแล้ว ใหญ่มากกกกกก







ทางเข้าที่นี่มีหลายทางมากเลยค่ะ แถมข้างในยังปิดจุดที่ทะลุหากันได้ดัวย แนะนำให้ถามเจ้าหน้าที่
ว่าสถานที่ต่างๆที่เราอยากไป เข้าประตูไหน เพราะถ้าเข้าผิดออกมายูเทิร์นไกลมาก












จากเมนูอาหารด้านบน เราเลือกกระเพราหมูสับ ผัดฉ่าปลาคังและไข่เจียวหมูสับมาค่ะ
ราคาถูก รสชาติดีมาก บรรยากาศก็ดี เป็นร้านในเขื่อนเลย ชื่อ “เรือนโดมน้อย”







ใกล้ๆกัน มีร้านกาแฟน่ารัก “คุณสายชล” ให้เราเติมพลังด้วยค่ะ
ต้อนรับด้วยพีอาร์ตัวเล็ก เชื่องมาก













เสียดายที่เราเข้าผิดทางทะลุไปสกายวอร์คไม่ได้ จึงถอดใจไปหาดพัทยาน้อยแทน
เข้ามาครั้งแรกตกใจ มันคือพัทยาจริงๆด้วย แพลอยน้ำมีพนักงานคอยเรียกลูกค้าในระยะประชิด
บางแพหน้าเกือบติดกระจกรถเลยค่ะ 555

เราเลือกแพท้ายๆ ชื่อ “แพฟรุตตี้” เพราะมีเกาะให้ขับเข้าไปจอดรถใกล้ๆ แถมบรรยากาศตรงนี้สวยดีอีกด้วย







ตัวแพค่อนข้างกว้าง มีสระน้ำ มีสไลด์ เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก
อาหารรสชาติดีพอประมาณ แต่งจานมาสวยงาม แถมมีเรือปลาหมึกย่าง
เรือไอศกรีม ขนมถุง ผลไม้หาบแร่ขึ้นมาบริการถึงโต๊ะอีก นั่งยาวๆ ได้เลยค่ะ
ข้อดีคือสามารถนั่งได้ยาวๆ ข้อเสียคือห้องน้ำอยู่บนบก ต้องเดินไกลพอสมควร
ถ้าใรไม่อยากเดินบ่อยๆ ใส่แพมเพิสมาก็ได้น้า … หยอกๆ













ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ เรารีบเข้าที่พัก อาบน้ำแต่งตัว ไปดูหมอลำกันค่า
งานที่เรามาวันนี้เป็นงานแต่งงานของเพื่อนที่ทำงานนะคะ ทางเจ้าภาพได้หมหมอลำชื่อดัง
“บัวผัน ทังโส” มาทำการแสดง ในงานสนุกสนานมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้ดูหมอลำแบบเป็นจริงเป็นจัง
พอแม่ฮ่างมหาเสน่ห์ขึ้น ถึงกับอดทนไม่ไหวต้องลุกไปฟ้อนหน้าฮ้านสักสองเพลง















จะบอกว่าหมอลำเลิกดึกมาก คือเล่นนานคุ้มจริงๆ เบสแน่น ดนตรีดี เครื่องเสียงกระหึ่ม
แต่ผู้เขียนกลับก่อน เต้นสู้ไม่ไหวจริงๆ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับด้วยเลยยกธงขาวยอมแพ้ไป 1 แมทซ์





ตื่นเช้ามาใกล้ๆที่พักมีน้อนควายอ้วนมายืนทำตาหวานใส่
โบกมือบ้ายบายน้องเข้าสู่ตัวเมืองกันจ้า วันนี้เราจะไปไหว้พระกันที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชาวอุบล และวัดใต้เดิมเคยเป็นที่ภาวนา
ของพระเกจิดังสายอิสานหลายรูป รู้สึกเป็นบุญมากเลยค่ะที่ได้มาชมความงามของวัด
รับรู้ได้ถึงความศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวอุบลราชธานี ผ่านพุทธศิลป์ สถาปัตยกรรม























เราได้ไปดูต้นเทียนที่เคยใช้แห่ในประเพณีแห่เทียนพรรษาชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานีด้วยค่ะ
ถ้ามีโอกาสจะต้องมาเที่ยวชมให้ได้เลย ตอนแรกเราวางแผนจะไปสักการะพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
แต่เสียดายไม่มีเวลาเหลือแล้ว ต้องเดินทางกลับก่อนที่รถจะติดมากไปกว่านี้
ไว้มาอุบลฯ รอบหน้าจะมาแก้มือนะคะ







ระหว่างทางกลับเจอร้านส้มตำริมทาง แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ย่างไก่แห้งดีค่ะ
ส้มตำแซ่บอร่อย ข้าวเหนียวนุ่มร้อนๆ ดีอยู่จ้า





และไม่ลืมซื้อกระเทียมจากศรีสะเกษ หมูยออุบล ไปเป็นของฝากแม่ด้วย
รถขากลับติดช่วงเขื่อนลำตะคลอง ถ.มิตรภาพ กลับถึงกรุงเทพก็ราวๆ 23:00 น.
ถือเป็นการเดินทางที่สนุก โหด ปวดเมื่อย ต่างๆนาๆ แต่ก็เป็นทริปที่เปิดประสบการณ์
และน่าประทับใจมากเลยค่ะ ไว้มีโอกาสจะไปทัวร์ไหว้พระสายอิสานยาวๆ สักทริปนะคะ

ป.ล. ค่าน้ำมันไปกลับ ราวๆ 3000 บาท
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่