ประสบการณ์ในโรงพยาบาลจิตเวชรักษาโรคซึมเศร้า

ท้าวความก่อน ตัวเราป่วยเป็นซึมเศร้าขั้นรุนแรง มีภาวะทำร้ายตัวเอง ปีที่แล้วคือฆ่าตัวตายไป4ครั้ง ทั้งกินยาเกินขนาด ปาดคอ และกระโดดสะพาน เราจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชโดยใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง)

วันแรกที่ถูกส่งเข้าไปคือค่ำแล้ว ของทุกอย่างที่อยู่ติดตัวโดนเก็บหมด เข้าไปแบบตัวเปล่าๆ ห้ามญาติติดตาม เราโดนเข็นใส่เตียงไปอยู่ในห้องเดี่ยว ในห้องจะมีเตียง โต๊ะเล็กๆ ห้องน้ำที่ไม่มีกลอน มีกล้อง มีกริ่งไว้เรียกพยาบาล เข้าไปสักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่เอาชุดมาให้เปลี่ยน และมีคุณหมอส่งเสียงเข้ามาถามคำถามประเมินเราผ่านทางลำโพงเล็กๆภายในห้อง หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาฉีดยาและให้ยา พร้อมใส่แพมเพิสก่อนจะถูกมัดแขน ขา ติดกับเตียง นึกภาพแบบคนนอนกางแขนขาและโดนมัดไว้อย่างนั้นเลย มัดไว้อย่างนั้นอ่ะ1คืนเต็มๆ

จนตอนเช้าจะกินข้าวถึงมีพยาบาลมาแก้มัดให้ ได้กินข้าวอาบน้ำเสร็จ ก็โดนกลับไปมัดติดเตียงอีกแล้ว แต่รอบนี้ดีหน่อย เนื่องจากคุณหมอประเมินให้ว่าไม่มีความคิดอยากกลับไปทำร้ายตัวเอง จึงโดนมัดแค่แขนก่อนนอนเท่านั้น วนอยู่อย่างนี้อยู่2วัน เพื่อรอขึ้นตึกรักษาตัวต่อเนื่อง บอกเลย2วันนี้คือทรมานมากนะ มันอึดอัด อยากทำอะไรตามใจไม่ได้ต้องคอยกดกริ่งเรียกพยาบาลเอาตลอด พอครบ2วันจะย้ายขึ้นตึก ดันมาแพ้ยาที่หมอเปลี่ยนใหม่อีก นอนกัดฟันแบบปวดเหงือกไปหมด เกร็ง เหมือนจะชักแต่ไม่ชัก กดกริ่งเรียกพยาบาล ทีนี้โดนฉีดยาอะไรสักอย่าง อย่างปวด และโดนกลับไปมัดแขนขาอีก กว่าจะหายปาไป2วัน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงสวรรค์อนุญาตให้ย้ายขึ้นตึก 

พอย้ายมาจะเป็นห้องที่มีเตียงวางรวมๆกัน มีคนไข้หลายๆประเภทอยู่รวมกัน คนไข้จะโดนแบ่งตามสีที่สายข้อมือ คือแดง ส้ม เหลือง และเขียว และจะแยกนอนกันตามลอต จะได้ออกจากโรงพยาบาลตอนไหนก็อยู่ที่สีที่ลอตนี่แหละ หลังจากนั้นพยาบาลจะเป็นคนประเมินให้ทั้งหมด ใครอาการหนักก็แดงไปเลยยาวๆ ส่วนตัวเราก็อยู่ในกลุ่มซึมเศร้าทำร้ายตัวเอง สีแรกที่ได้รับก็เอาไปเลยจ้ะ สีแดง😅 

ขอบอกก่อนว่าในห้องที่เราเข้าไปมีหลายช่วงอายุหลายอาการ บางคนก็บ้าเลยแต่จะเป็นในกลุ่มของคนที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่น หรือบางคนแทบเหมือนไม่ป่วยเลยแต่พอรักษาหายแล้วๆก็กลับมาเป็นอีกจนต้องกลับมาเริ่มรักษาใหม่ก็มี ไม่ใช่คนบ้าเสมอไปที่ต้องเข้ามารักษาในโรงพยาจิตเวชนะคะ แต่มันรวมครอบคลุมถึงอาการป่วยทางจิตใจทั้งหมด 

หลังจากย้ายขึ้นตึกได้รับสายคัดกรองสีและลอตนอนแล้ว ในทุกๆวันจะต้องตรวจความดัน วัดไข้ และกินยาตามเวลา 

พกเงินติดตัวก็ไม่ได้ ถ้าจะใช้ต้องให้ญาติฝากไว้ ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ หากต้องการคุยกับญาติจะต้องบอกผ่านพยาบาลเท่านั้น ขอพบญาติหรือญาติขอเข้าพบไม่ได้ ไม่สามารถรับรู้หรือติดต่อโลกภายนอกได้เลย สื่อความบันเทิงเดียวที่มีคือ โทรทัศน์โง่ๆ ที่ติดเพดานอยู่ไกลๆ เปิดเป็นบางเวลาเท่านั้น 

การอาบน้ำวันละ1รอบช่วงสายๆ ทำธุระส่วนตัวจะเป็นเวลา เรียกอาบตามลอต หยิบของใช้ส่วนตัวตามชื่อ(อันนี้ญาติต้องฝากของไว้ ถ้าญาติไม่ฝากคือต้องใช้ของบริจาค) แก้ผ้าตั้งแต่ทางเข้า ประตูห้องน้ำห้ามปิด อาบพร้อมกันทีละหลาย10คน(นึกว่าค่ายทหาร😂) หมดเวลาอาบไม่ทันคือทบไปอีกวันเลยแต่ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะให้เวลาเยอะค่ะ

อาหารจะมีให้3เวลา ตามปกติของโรงพยาบาลทั่วไป แต่จะพิเศษหน่อยที่มีช่วงเวลาขายขนมตอนบ่ายนอกเหนือจากอาหารของโรงพยาบาล ช่วงนี้คือผู้ป่วยจะชอบมากคือนั่งคอยเลยอ่ะเอาจริงเพราะออกไปหาซื้อเองไม่ได้ไง อ้าวแล้วจะซื้อยังไง?! ในเมื่อไม่มีเงินติดตัวใช่ป่ะ สำคัญคือญาติ ต้องให้ญาติฝากเงินไว้ แล้วพยาบาลจะทำบัญชีไว้ว่าเราซื้ออะไรไปบ้าง ใครไม่มีเงินก็อด ขนมเนี่ยไม่ใช่อยากซื้ออะไรก็ซื้อนะ จำกัดที่ไม่เกิน2อย่างจะน้ำหรือขนมก็เลือกเอา ราคาถูกที่5-10บาท/อย่าง 

ในแต่ละวันก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรทำ ส่วนใหญ่ก็จะนอน คุยกับเพื่อนบ้าง กินยา กิจวัตรก็วนไปเหมือนเดิม เป็นอะไรที่เบื่อมากๆ ถ้าให้เปรียบคล้ายติดคุกแต่ก็ยังมีอิสระมากกว่า เราไม่สามารถรับรู้ว่าจะได้ออกวันไหน ถึงแม้จะอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ถ้าญาติหรือหมอ คนใดคนนึงไม่โอเคที่จะให้เราออกก็ต้องอยู่ต่อไป 

ตัวเรากว่าจะได้ออกคือ ต้องให้เพื่อนที่รักษาหายและออกจากโรงพยาบาลก่อนหน้า จำเบอร์พ่อแล้วให้โทรหาบอกให้เค้ามาเอาตัวเราออก ไม่งั้นก็รอยาว เพราะฝากบอกพยาบาลสารน์ก็ไปไม่ถึงญาติสักที รอคิวนาน ทั้งๆที่สายข้อมือก็เปลี่ยนเป็นเขียวแล้วแต่ไม่มีคนมารับออก

เนี่ยก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนสบายใช่ไหม แต่เชื่อเถอะอยู่ข้างนอกสบายกว่าเยอะ อยากให้หลายๆคนรักษาสุขภาพกายและใจ ส่วนคนที่ป่วยแบบเรา เราจะไม่ขอให้นึกถึงคนข้างหลังหรือนึกถึงใคร แต่จะขอให้รักตัวเองให้เยอะๆและคิดบวกอยู่เสมอนะคะ 

รัก❤️
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่