แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ จัดอีเว้นท์ “ล้างไล่เผด็จการ” ที่หน้ารัฐสภา
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7571262
กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กว่า 20 คน รวมตัวจัดอีเว้นท์ “ล้างคราบ
ล้างไล่เผด็จการ” ที่หน้ารัฐสภา
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 2566 ที่รัฐสภา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กว่า 20 คนนัดรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภาฝั่งประตูทางเข้าสภาผู้แทนราษฎรจัดกิจกรรม “
ล้างคราบ-ังไร ล้างไล่เผด็จการ”
ทั้งนี้ทางกลุ่มฯได้นำอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ถังน้ำ ผงซักฟอก ไม้กวาด ไม้ถูกพื้น ไม้ขัดพื้น ไปทำความสะอาดบริเวณป้ายชื่ออาคารรัฐสภา โดยแปะรูปคู่ของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐนตรี ที่ป้ายชื่ออาคารรัฐสภา
ขณะที่เจ้าหน้าตำรวจจากสน.บางโพ นำโดย พ.ต.อ.
วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.บางโพ มาควบคุมความสงบ พยายามที่จะพูดคุยเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้ราดน้ำไปบริเวณป้ายชื่ออาคารรัฐสภา เนื่องจากมีสายไฟเดินอยู่ เกรงว่าหากราดน้ำลงไปจะทำให้เกิดไฟชอร์ตได้
แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมจึงเกิดการผลักดันกันขึ้นจนชุลมุนเล็กน้อย สุดท้ายแกนนำหญิงที่นำทำกิจกรรมใช้น้ำเปล่าผสมผงซักฟอกที่เตรียมไว้ราดป้าย มาราดตัวเองแทน เหตุการณ์จึงสงบลง
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนมาทำความสะอาดบริเวณถนนหน้าประตูทางเข้าอาคารรัฐสภาแทน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางโพยืนกั้นอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาทำความสะอาดทั้งขัด ทั้งถูก ประมาณ 10 นาที พร้อมกับประกาศว่า จะไม่ยอมให้พล.อ.
ประยุทธ์และพล.อ.
ประวิตรเข้ามาในสภาฯได้ และจะเลือกคนของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯแทน เพื่อล้างเผด็จการ
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ชู 3 นิ้วเป็นสัญญาลักษณ์ พร้อมตะโกนว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฏร์จงเจริญ ก่อนจะที่สลายตัวแยกย้ายกันไป ใช้เวลาทำกิจกรรมทั้งสิ้นประมาณ 40 นาที โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
สัปดาห์นี้ ‘เพื่อไทย’ ลงพท.อีก 4 จังหวัด “ณัฐวุฒิ” แย้ม “อิ๊ง” จ่อขึ้นเวทีลานท่าน้ำเมืองนนท์พรุ่งนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3885115
สัปดาห์นี้ ‘เพื่อไทย’ ลง พท.อีก 4 จังหวัด นนท์-อยุธยา-สระบุรี-นครปฐม “ณัฐวุฒิ” แย้ม “อิ๊ง” จ่อขึ้นเวทีลานท่าน้ำเมืองนนท์พรุ่งนี้-พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบ 33 เขต 24 มี.ค.นี้
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 21 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงกรณีการลงพื้นที่ของพรรค พท. ว่า หลังจากที่มีการประกาศยุบสภา เราจะเพิ่มความเข้มข้นครั้งในเชิงพื้นที่และเนื้อหาสาระนโยบายที่จะสื่อสารกับประชาชน การลงพื้นที่ปราศรัยของพรรค พท.ในช่วงนี้จนถึงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจะมีทั้งเวทีปราศรัยที่มีว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปขึ้นเวทีด้วย
สำหรับวันพรุ่งนี้ (22 มีนาคม) เวลา 17.30-19.30 น. จะมีการจัดเวทีปราศรัยที่ลานท่าน้ำนนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นเวทีแรกหลังพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ซึ่งเวทีนี้อยู่ในพื้นที่ที่ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย สามารถเดินทางไปพบปะประชาชนได้ นอกจากนี้จะมีแกนนำพรรคคนอื่นๆ เช่นเคย อาทิ นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ตน รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เนื่องจากอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีประชาชนบอกกับทางว่าที่ผู้สมัครของเราว่าจะมีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยของเราทั้งทางบกและทางน้ำ พี่น้องที่อยู่แถวนั้นจะเดินทางมาด้วยเรือ ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกที่มีการนั่งฟังปราศรัยบนเรือ ถือเป็นสีสันและเป็นการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน จากนั้นวันที่ 23 มีนาคม จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เราจะใช้พื้นที่ตลาดน้ำอโยธยา และวันที่ 24 มีนาคม จะมีเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ซึ่งจะจัดในพื้นที่ กทม. ส่วนรายละเอียดภาค กทม.ของพรรคจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 25 มีนาคม จะเดินทางไป จ.สระบุรี เวลา 15.00 น. พบปะสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก แล้วไปขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 16.00 น. ที่สนามกีฬา อบจ.สระบุรี อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งในเวทีนี้ น.ส.
แพทองธารไม่ได้ไปร่วมด้วย วันที่ 26 มีนาคม เราจะไปที่เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เริ่มตั้งแต่เวลา 17.30 น. โดยเวทีนี้ น.ส.
แพทองธารจะไปร่วมด้วย นอกจากนี้ สัปดาห์ถัดไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ก็จะมีแผนกำหนดเวทีไว้แล้ว แต่เราจะแถลงให้ทราบเป็นรายสัปดาห์ไป เมื่อเข้าช่วงเมษายน การสำรวจคะแนนนิยม กระแสตอบรับของประชาชนที่พรรคดำเนินการอยู่ในหลายวิธีการ ก็น่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้น หลังจากนั้นการลงพื้นที่ การกำหนดเขตที่จะต้องมีเวทีปราศรัยก็จะอิงกับข้อมูลเหล่านี้
“
สำหรับเวทีที่ น.ส.แพทองธารไม่ได้เข้าร่วม ขณะที่ทีมงานกำลังออกแบบว่าจะมีรูปแบบไหนบ้าง ที่จะทำให้ น.ส.แพทองธารได้สื่อสารกับประชาชนที่รอคอยได้ เหมือนเวทีที่ จ.ระยองเมื่อ น.ส.แพทองธารได้โทรเข้ามาก็ได้มีกำลังใจกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจจะมาด้วยภาพ ด้วยเสียง หรือจะมาพบปะพี่น้องในรูปแบบใด ก็ขอให้รอติดตาม” นาย
ณัฐวุฒิกล่าว
เปิดตัวทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ‘ศิริกัญญา’ นำทีม นักวิชาการ-อดีตผู้พิพากษาติดโผ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3884983
เปิดตัวทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ‘ศิริกัญญา’ นำทีม นักวิชาการ-อดีตผู้พิพากษาติดโผ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจาก พรรคก้าวไกล ว่าในวันที่ 22 มีนาคม พรรคก้าวไกลจะเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ส.ส. นักวิชาการ ข้าราชการ และนักธุรกิจ มีตั้งแต่คนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง จนถึงรุ่นใหญ่ ซึ่งจะเสนอนโยบายทั้งด้านชนบทและเมือง โดยใช้ประสบการณ์ทั้งจากด้านดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมไฮเทค
สำหรับรายชื่อทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล มีดังนี้
นาย
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร หรือ “
ต้น” ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ที่ National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) มหาวิทยาลัยด้านนโยบายสาธารณะ แห่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำงานวิจัยเรื่องเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย และกับดักรายได้ปานกลาง เป็นผู้เขียนหนังสือ “
เศรษฐกิจสามสี : เศรษฐกิจแห่งอนาคต” โดยจะมาผลักดันเรื่องซัพพลายเชนอุตสาหกรรมไฮเทคโลก
นาย
สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล หรือ ดร.ชาย ปัจจุบันเป็นกรรมการบริษัทเอกชนสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ไทย Moshi Moshi เป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ โดยจะเสนอแนวทาง 5 ต. มีนโยบายอย่างหวยใบเสร็จ และเพิ่มแต้มต่อ เพื่อพัฒนา SME ไทยให้เติบโต
นาย
วรภพ วิริยะโรจน์ หรือ เติ้ล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในแกนนำพรรคด้านเศรษฐกิจ โดยจะเสนอนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่มีจุดเด่นต่างจากพรรคอื่น ด้วยแนวทางลดค่าใช้จ่ายให้กับคนธรรมดาและภาคธุรกิจ ผ่านการปรับนโยบายพลังงานของไทยอย่างเป็นระบบ
นาย
อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล นักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันเป็น 1 ใน 100 รายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง 2566 ปัจจุบันนาย
อภิสิทธิ์เป็นประธานคณะกรรมการสำนักการตลาด กทม. เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย เคยเป็นอดีต ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
นาย
ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร หรือ ดร.โจ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงิน และนักยุทธศาสตร์ด้านข้อมูล อดีตรอง ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร มีส่วนผลักดันโครงการพัฒนาเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับชำระเงินระหว่างประเทศ โดยจะมาผลักดันนโยบายแปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์
นาย
เดชรัต สุขกำเนิด ผอ.ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล อดีตอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ คนผลักดันด้านนโยบายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล จะนำเสนอนโยบายปลดล็อกชีวิตเกษตรกรไทย และหยุดแช่แข็งชนบทไทย
น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล เคยเป็น ผอ.ฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ โดยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจของสภา และมักอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและการผูกขาดของกลุ่มทุน
ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลจะนำเสนอในประเด็น “
7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย” คือ Made with Thailand, เปิดโอกาส เปิดตลาด SME, ทลายทุนผูกขาดลดค่าครองชีพ, Unlock เศรษฐกิจสร้างสรรค์, แปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์, หยุดแช่แข็งชนบทไทย และยกเครื่องภาครัฐ นำเศรษฐกิจไทยก้าวหน้า
พรรคก้าวไกลต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบเป็นธรรม คือเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย และมีการกระจายดอกผลของการเติบโตอย่างเป็นธรรมด้วย หรือที่เรียกว่า Inclusive Growth เป้าหมายมี 3 ส่วนคือ วางรากฐานชีวิตคนไทยให้มั่นคง สร้างกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และพาธุรกิจไทยไปบุกตลาดโลก
ธุรกิจพ้อเจอวิกฤตต้นทุนแพง-หนี้สูง หนุนเลือกตั้ง-เห็นครม.ใหม่ จับตาจุดเปลี่ยนประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3884858
ธุรกิจพ้อเจอวิกฤตต้นทุนแพง-หนี้สูง หนุนเลือกตั้ง-เห็นครม.ใหม่ จับตาไตรมาส3จุดเปลี่ยนประเทศ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจประเด็นผลกระทบของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ช่วงหลังยุบสภาก่อนการเลือกตั้ง
โดยสำรวจผู้ประกอบ 600 ราย ช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 2566 พบว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความกังวลและสภาพธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนที่สูงขึ้น มีผลต่อยอดขายและกำไรลดลง แต่ภาระหนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งปัจจัยเชิงลบสำคัญ คือ ภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลต้นทุนราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและกำลังซื้อลดลง ธุรกิจมองว่าเงินเฟ้อที่เหมาะสมควรสูงไม่เกิน 2-3% อัตราดอกเบี้ยที่สูงกระทบต่อโอกาสผิดนัดชำระหนี้ อัตราค่าจ้างแรงงานกว่า 22% มองเหมาะสมอยู่ที่ 325 บาท/วัน จากเฉลี่ยอยู่ที่ 328-354 บาท/วัน หากปรับขั้นค่าแรงอีก 10% กว่า 50% ระบุว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาสินค้า และเลิกจ้างแรงงานบางส่วน
ด้านค่าไฟฟ้าธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่จะลดจาก 5.69 บาทต่หน่วน เหลือ 5.33 บาทต่อหน่วยยังสูง ที่เหมาะสมมองที่ 3.94 บาทต่อหน่วย เช่นเดียวกับภาระค่าน้ำมันดีเซลที่สูง ธุรกิจ 80% ระบุว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าทันที ขณะที่ส่วนใหญ่ 95% ไม่ได้เตรียมรับมือเงินบาทผันผวน
สำหรับผลกระทบจากแบงก์สหรัฐล้ม ส่วนใหญ่เกือบ 90% ระบุว่าได้รับผลกระทบน้อยถึงไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบและได้รับผลกระทบน้อยจากการส่งออกหรือนำเข้า แต่อย่างไรก็ตาม บางส่วนกังวลในปานกลางหากผฃกระทบแบงก์ล้มจะขยายวงกว้างกว่านี้ ส่วนปัจจัยเชิงบวกต่อธุรกิจวันนี้ คือ การกลับมาท่องเที่ยวไทยของชาวจีน
นาย
ธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า เมื่อถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ธุรกิจกว่า 40% มองว่าเป็นผลบวกจากเงินหาเสียงและรณรงค์เลือกตั้งสะพัด มีผลต่อยอดขายและการใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ดีขึ้น
JJNY : 5in1 แนวร่วมมธ.จัดอีเว้นท์│‘เพื่อไทย’ลงพท.อีก 4 จว│เปิดตัวทีมศก.ก้าวไกล│ธุรกิจพ้อเจอวิกฤต│‘คิชิดะ’เยือนยูเครบ.
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7571262
กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กว่า 20 คน รวมตัวจัดอีเว้นท์ “ล้างคราบ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 2566 ที่รัฐสภา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กว่า 20 คนนัดรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภาฝั่งประตูทางเข้าสภาผู้แทนราษฎรจัดกิจกรรม “ล้างคราบ-ังไร ล้างไล่เผด็จการ”
ทั้งนี้ทางกลุ่มฯได้นำอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ถังน้ำ ผงซักฟอก ไม้กวาด ไม้ถูกพื้น ไม้ขัดพื้น ไปทำความสะอาดบริเวณป้ายชื่ออาคารรัฐสภา โดยแปะรูปคู่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐนตรี ที่ป้ายชื่ออาคารรัฐสภา
ขณะที่เจ้าหน้าตำรวจจากสน.บางโพ นำโดย พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.บางโพ มาควบคุมความสงบ พยายามที่จะพูดคุยเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้ราดน้ำไปบริเวณป้ายชื่ออาคารรัฐสภา เนื่องจากมีสายไฟเดินอยู่ เกรงว่าหากราดน้ำลงไปจะทำให้เกิดไฟชอร์ตได้
แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมจึงเกิดการผลักดันกันขึ้นจนชุลมุนเล็กน้อย สุดท้ายแกนนำหญิงที่นำทำกิจกรรมใช้น้ำเปล่าผสมผงซักฟอกที่เตรียมไว้ราดป้าย มาราดตัวเองแทน เหตุการณ์จึงสงบลง
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนมาทำความสะอาดบริเวณถนนหน้าประตูทางเข้าอาคารรัฐสภาแทน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางโพยืนกั้นอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาทำความสะอาดทั้งขัด ทั้งถูก ประมาณ 10 นาที พร้อมกับประกาศว่า จะไม่ยอมให้พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรเข้ามาในสภาฯได้ และจะเลือกคนของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯแทน เพื่อล้างเผด็จการ
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ชู 3 นิ้วเป็นสัญญาลักษณ์ พร้อมตะโกนว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฏร์จงเจริญ ก่อนจะที่สลายตัวแยกย้ายกันไป ใช้เวลาทำกิจกรรมทั้งสิ้นประมาณ 40 นาที โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
สัปดาห์นี้ ‘เพื่อไทย’ ลงพท.อีก 4 จังหวัด “ณัฐวุฒิ” แย้ม “อิ๊ง” จ่อขึ้นเวทีลานท่าน้ำเมืองนนท์พรุ่งนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3885115
สัปดาห์นี้ ‘เพื่อไทย’ ลง พท.อีก 4 จังหวัด นนท์-อยุธยา-สระบุรี-นครปฐม “ณัฐวุฒิ” แย้ม “อิ๊ง” จ่อขึ้นเวทีลานท่าน้ำเมืองนนท์พรุ่งนี้-พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบ 33 เขต 24 มี.ค.นี้
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 21 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงกรณีการลงพื้นที่ของพรรค พท. ว่า หลังจากที่มีการประกาศยุบสภา เราจะเพิ่มความเข้มข้นครั้งในเชิงพื้นที่และเนื้อหาสาระนโยบายที่จะสื่อสารกับประชาชน การลงพื้นที่ปราศรัยของพรรค พท.ในช่วงนี้จนถึงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจะมีทั้งเวทีปราศรัยที่มีว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปขึ้นเวทีด้วย
สำหรับวันพรุ่งนี้ (22 มีนาคม) เวลา 17.30-19.30 น. จะมีการจัดเวทีปราศรัยที่ลานท่าน้ำนนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นเวทีแรกหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ซึ่งเวทีนี้อยู่ในพื้นที่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย สามารถเดินทางไปพบปะประชาชนได้ นอกจากนี้จะมีแกนนำพรรคคนอื่นๆ เช่นเคย อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ตน รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เนื่องจากอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีประชาชนบอกกับทางว่าที่ผู้สมัครของเราว่าจะมีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยของเราทั้งทางบกและทางน้ำ พี่น้องที่อยู่แถวนั้นจะเดินทางมาด้วยเรือ ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกที่มีการนั่งฟังปราศรัยบนเรือ ถือเป็นสีสันและเป็นการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน จากนั้นวันที่ 23 มีนาคม จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เราจะใช้พื้นที่ตลาดน้ำอโยธยา และวันที่ 24 มีนาคม จะมีเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ซึ่งจะจัดในพื้นที่ กทม. ส่วนรายละเอียดภาค กทม.ของพรรคจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 25 มีนาคม จะเดินทางไป จ.สระบุรี เวลา 15.00 น. พบปะสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก แล้วไปขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 16.00 น. ที่สนามกีฬา อบจ.สระบุรี อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งในเวทีนี้ น.ส.แพทองธารไม่ได้ไปร่วมด้วย วันที่ 26 มีนาคม เราจะไปที่เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เริ่มตั้งแต่เวลา 17.30 น. โดยเวทีนี้ น.ส.แพทองธารจะไปร่วมด้วย นอกจากนี้ สัปดาห์ถัดไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ก็จะมีแผนกำหนดเวทีไว้แล้ว แต่เราจะแถลงให้ทราบเป็นรายสัปดาห์ไป เมื่อเข้าช่วงเมษายน การสำรวจคะแนนนิยม กระแสตอบรับของประชาชนที่พรรคดำเนินการอยู่ในหลายวิธีการ ก็น่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้น หลังจากนั้นการลงพื้นที่ การกำหนดเขตที่จะต้องมีเวทีปราศรัยก็จะอิงกับข้อมูลเหล่านี้
“สำหรับเวทีที่ น.ส.แพทองธารไม่ได้เข้าร่วม ขณะที่ทีมงานกำลังออกแบบว่าจะมีรูปแบบไหนบ้าง ที่จะทำให้ น.ส.แพทองธารได้สื่อสารกับประชาชนที่รอคอยได้ เหมือนเวทีที่ จ.ระยองเมื่อ น.ส.แพทองธารได้โทรเข้ามาก็ได้มีกำลังใจกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจจะมาด้วยภาพ ด้วยเสียง หรือจะมาพบปะพี่น้องในรูปแบบใด ก็ขอให้รอติดตาม” นายณัฐวุฒิกล่าว
เปิดตัวทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ‘ศิริกัญญา’ นำทีม นักวิชาการ-อดีตผู้พิพากษาติดโผ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3884983
เปิดตัวทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ‘ศิริกัญญา’ นำทีม นักวิชาการ-อดีตผู้พิพากษาติดโผ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจาก พรรคก้าวไกล ว่าในวันที่ 22 มีนาคม พรรคก้าวไกลจะเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ส.ส. นักวิชาการ ข้าราชการ และนักธุรกิจ มีตั้งแต่คนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง จนถึงรุ่นใหญ่ ซึ่งจะเสนอนโยบายทั้งด้านชนบทและเมือง โดยใช้ประสบการณ์ทั้งจากด้านดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมไฮเทค
สำหรับรายชื่อทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล มีดังนี้
นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร หรือ “ต้น” ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ที่ National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) มหาวิทยาลัยด้านนโยบายสาธารณะ แห่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำงานวิจัยเรื่องเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย และกับดักรายได้ปานกลาง เป็นผู้เขียนหนังสือ “เศรษฐกิจสามสี : เศรษฐกิจแห่งอนาคต” โดยจะมาผลักดันเรื่องซัพพลายเชนอุตสาหกรรมไฮเทคโลก
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล หรือ ดร.ชาย ปัจจุบันเป็นกรรมการบริษัทเอกชนสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ไทย Moshi Moshi เป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ โดยจะเสนอแนวทาง 5 ต. มีนโยบายอย่างหวยใบเสร็จ และเพิ่มแต้มต่อ เพื่อพัฒนา SME ไทยให้เติบโต
นายวรภพ วิริยะโรจน์ หรือ เติ้ล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในแกนนำพรรคด้านเศรษฐกิจ โดยจะเสนอนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่มีจุดเด่นต่างจากพรรคอื่น ด้วยแนวทางลดค่าใช้จ่ายให้กับคนธรรมดาและภาคธุรกิจ ผ่านการปรับนโยบายพลังงานของไทยอย่างเป็นระบบ
นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล นักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันเป็น 1 ใน 100 รายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง 2566 ปัจจุบันนายอภิสิทธิ์เป็นประธานคณะกรรมการสำนักการตลาด กทม. เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย เคยเป็นอดีต ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร หรือ ดร.โจ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงิน และนักยุทธศาสตร์ด้านข้อมูล อดีตรอง ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร มีส่วนผลักดันโครงการพัฒนาเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับชำระเงินระหว่างประเทศ โดยจะมาผลักดันนโยบายแปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์
นายเดชรัต สุขกำเนิด ผอ.ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล อดีตอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ คนผลักดันด้านนโยบายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล จะนำเสนอนโยบายปลดล็อกชีวิตเกษตรกรไทย และหยุดแช่แข็งชนบทไทย
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล เคยเป็น ผอ.ฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ โดยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจของสภา และมักอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและการผูกขาดของกลุ่มทุน
ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลจะนำเสนอในประเด็น “7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย” คือ Made with Thailand, เปิดโอกาส เปิดตลาด SME, ทลายทุนผูกขาดลดค่าครองชีพ, Unlock เศรษฐกิจสร้างสรรค์, แปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์, หยุดแช่แข็งชนบทไทย และยกเครื่องภาครัฐ นำเศรษฐกิจไทยก้าวหน้า
พรรคก้าวไกลต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบเป็นธรรม คือเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย และมีการกระจายดอกผลของการเติบโตอย่างเป็นธรรมด้วย หรือที่เรียกว่า Inclusive Growth เป้าหมายมี 3 ส่วนคือ วางรากฐานชีวิตคนไทยให้มั่นคง สร้างกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และพาธุรกิจไทยไปบุกตลาดโลก
ธุรกิจพ้อเจอวิกฤตต้นทุนแพง-หนี้สูง หนุนเลือกตั้ง-เห็นครม.ใหม่ จับตาจุดเปลี่ยนประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3884858
ธุรกิจพ้อเจอวิกฤตต้นทุนแพง-หนี้สูง หนุนเลือกตั้ง-เห็นครม.ใหม่ จับตาไตรมาส3จุดเปลี่ยนประเทศ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจประเด็นผลกระทบของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ช่วงหลังยุบสภาก่อนการเลือกตั้ง
โดยสำรวจผู้ประกอบ 600 ราย ช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 2566 พบว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความกังวลและสภาพธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนที่สูงขึ้น มีผลต่อยอดขายและกำไรลดลง แต่ภาระหนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งปัจจัยเชิงลบสำคัญ คือ ภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลต้นทุนราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและกำลังซื้อลดลง ธุรกิจมองว่าเงินเฟ้อที่เหมาะสมควรสูงไม่เกิน 2-3% อัตราดอกเบี้ยที่สูงกระทบต่อโอกาสผิดนัดชำระหนี้ อัตราค่าจ้างแรงงานกว่า 22% มองเหมาะสมอยู่ที่ 325 บาท/วัน จากเฉลี่ยอยู่ที่ 328-354 บาท/วัน หากปรับขั้นค่าแรงอีก 10% กว่า 50% ระบุว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาสินค้า และเลิกจ้างแรงงานบางส่วน
ด้านค่าไฟฟ้าธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่จะลดจาก 5.69 บาทต่หน่วน เหลือ 5.33 บาทต่อหน่วยยังสูง ที่เหมาะสมมองที่ 3.94 บาทต่อหน่วย เช่นเดียวกับภาระค่าน้ำมันดีเซลที่สูง ธุรกิจ 80% ระบุว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าทันที ขณะที่ส่วนใหญ่ 95% ไม่ได้เตรียมรับมือเงินบาทผันผวน
สำหรับผลกระทบจากแบงก์สหรัฐล้ม ส่วนใหญ่เกือบ 90% ระบุว่าได้รับผลกระทบน้อยถึงไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบและได้รับผลกระทบน้อยจากการส่งออกหรือนำเข้า แต่อย่างไรก็ตาม บางส่วนกังวลในปานกลางหากผฃกระทบแบงก์ล้มจะขยายวงกว้างกว่านี้ ส่วนปัจจัยเชิงบวกต่อธุรกิจวันนี้ คือ การกลับมาท่องเที่ยวไทยของชาวจีน
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า เมื่อถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ธุรกิจกว่า 40% มองว่าเป็นผลบวกจากเงินหาเสียงและรณรงค์เลือกตั้งสะพัด มีผลต่อยอดขายและการใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ดีขึ้น