บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ถือเป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการบริหารจัดการสาธาณูปโภคและจัดทำบริการสาธารณะของเมืองมหานครขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนและมีปัญหามากมาย จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และอยู่นอกระบบราชการ (City-owned corporation) ในการจัดทำบริการสาธารณะประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ
บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 2 ซอยรามคำแหง 40 แยก 2 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240 โดยแรกเริ่มเดิมทีบริษัทนี้จัดตั้งบริษัทขึ้นเพื่อ
ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้าสัตว์ การซื้อ ขาย และส่งออกต่างประเทศ ในนาม “บริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด" เมื่อปี พ.ศ. 2485 ก่อนที่ “เทศบาลนครกรุงเทพ” หรือ กรุงเทพมหานครในปัจจุบันจะเข้ามาถือหุ้นหลัก คิดเป็น 99.98% และเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินกิจการ เป็น
"การให้บริการและการจัดการงานสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตกรุงเทพมหานคร"
ก่อนที่บริษัทนี้จะกลายมาเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ของกทม. ในการคุมโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการแฟลตฝักข้าวโพด, โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน-วงเวียนใหญ่), โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT), โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง), โครงการจักรยานสาธารณะในกรุงเทพมหานคร, โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม), โครงการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ, ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน) และอื่นๆ อีกมากมายมหาศาล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พรบ. วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ที่กำหนดนิยามของ “รัฐวิสาหกิจ” ไว้ว่า องค์การของรัฐบาลหรือหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ หรือ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการมีทุนรวมอยู่ด้วยเกิน 50%
แต่นิยามดังกล่าว ไม่ครอบคลุมไปถึงการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือหุ้นในกิจการเกินกว่า 50% ส่งผลให้กรุงเทพธนาคมไม่ได้มีสถานะทางกฎหมายเป็น “รัฐวิสาหกิจ” ส่งผลให้ กรุงเทธนาคมมีสถานะเป็น “วิสาหกิจมหาชน” ที่ กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าของโดยอาศัยมาตรา 94 แห่ง พรบ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ในการดำเนินการ
ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยให้ความเห็นในปี พ.ศ. 2550 ไว้ว่า กรุงเทพธนาคมเป็นกิจการที่จัดตั้งขึ้นและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นส่วนราชการท้องถิ่น ดังนั้น บริษัทกรุงเทพธนาคมจึงไม่ถือเป็น “เอกชน” เช่นเดียวกัน เนื่องจาก “เอกชน” หมายถึงบุคคลซึ่งไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของรัฐบาล แต่ในความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า กรุงเทพธนาคม มีสถานะเป็น “วิสาหกิจมหาชนท้องถิ่น”
เรียกได้ว่า กรุงเทพธนาคม เป็นบริษัทที่เหนือกว่าบริษัทเอกชน ใกล้เคียงกับรัฐวิสาหกิจ แต่ไม่ใช่ราชการ เพราะสามารถออกหรือแก้กฎหมายบางตัวเพื่อให้การดำเนินการของกรุงเทพธนาคมเป็นได้ด้วยความราบรื่นตามกรอบของกฎหมายได้
เรียกได้ว่าเป็น บริษัทที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ผูกขาดกรุงเทพมหานครไว้ในบริษัทเดียว
จนล่าสุด บริษัทฯ นี้ถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ว่า
"ผู้บริหารรถไฟฟ้า BTS, ผู้บริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม และอดีตผู้ว่าฯกทม. รวม 13 ราย กระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท อ่อนนุช-แบริ่ง, สายสีลม ตากสิน-วงเวียนใหญ่และต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าเส้นทางหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปีเพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585"
จนทำให้ เจ้าสัว BTS - คีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้า BTS พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯและพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการฯ ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง
ยังไม่นับรวมคดีความก่อนหน้านี้ที่กรุงเทพธนาคม จ้างให้ BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จนเป็นหนี้ค่าเดินรถกว่า 4 หมื่นล้านบาทอีกด้วย จนถึงขั้นที่ BTS ทวงหนี้ออกสื่อผ่านหน้าจอรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่รัฐบาลก็บอกว่า ไม่สามารถชำระให้ได้ เนื่องจาก
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หนี้ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สาเหตุที่รัฐบาลไม่สามารถชำระหนี้ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าก้อนแรกมูลค่า 20,000 ล้านบาทได้มาจากการที่ขณะที่ BTS ติดตั้งระบบ กทม. ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างยังไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ในการติดตั้งและเดินรถไฟฟ้า ซึ่งประเด็นนี้ถูกตั้งคำถามขึ้นมาเมื่อกระทรวงมหาดไทยขอต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
กระทรวงมหาดไทยได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไปอีก 30 ปี จากเดิมที่ BTS จะสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารเองได้ถึงปี 2572 ไปสิ้นสุดในปี 2602 เพื่อแลกกับการให้ BTS เก็บค่าโดยสารแค่ 65 บาทตลอดเส้นทางจากค่าโดยสารเดิมที่อยู่ที่ 158 บาท
ข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยถูกคัดค้านโดยกระทรวงคมนาคมเพราะยังคงมีข้อซักถามถามและยังมีประเด็นเรื่องการตรวจข้อเท็จจริงที่ยังไม่ครบถ้วน จนนำมาสู่ประเด็นข้อสงสัยที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องกรรมสิทธิของกทม. ขณะที่ BTS ได้ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายที่ 2 นี้
• ในปี 2559 กทม. ได้ว่าจ้างให้ BTS ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าและเดินรถในส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585
• ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ รฟม. จำหน่ายโครงการให้กทม. เป็นเจ้าของและดำเนินการต่อ
เท่ากับว่ากทม. ว่าจ้างให้บริษัทเอกชนติดตั้งระบบรถไฟฟ้าขณะที่ยังไม่ได้ชำระหนี้ให้กับรฟม. และยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้หนี้ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าที่ BTS เรียกร้องให้รัฐบาลชำระเป็นมูลค่า 20,000 ล้านบาทกลายเป็นหนี้ที่มาอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะถือว่าขณะที่ BTS ติดตั้งระบบรถไฟฟ้ายังไม่มีกฎหมายรองรับ
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
คณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบให้ชำระหนี้ เพราะสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย แถม BTS เดินรถมาจนถึงปัจจุบันก็ด้วยอำนาจ ม.44 อำนาจพิเศษออกโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 เพื่อให้ BTS สามารถให้บริการประชาชนต่อไปได้3
แค่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้ กรุงเทพธนาคม เป็นหนี้ 2 ก้อน กว่า 4 หมื่นล้านบาท
แถม คณะกรรมการป.ป.ช. ฟันธงว่าเรื่องที่ BTS ถูกร้องมีมูลความผิด จนถึงขั้นที่ BTS อาจจะล้มละลาย เพราะหนี้กว่า 4 หมื่นล้าน ขยับยอดเงินไปถึงเกือบ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว
เรียกได้ว่า กรุงเทพธนาคม เป็นลูกหนี้ที่เหนียวหนี้สุดๆ ยื้อแล้วยื้ออีก จนถึงขั้นที่ ผู้ว่า ชัชชาติ ต้องส่ายหน้า เพราะยังไม่สามารถหาทางเจรจาให้ค่ารถไฟฟ้าอยู่ในระดับ 25-30 บาท ได้ตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้ได้
ยังไม่นับรวมไปถึงโครงการอื่นๆ เช่น
• โครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม จากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง-ท่าเรือตลาดเทวราช จำนวน 11 ท่า ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ค่าจ้างเดินเรือ 2.4 ล้านบาท/เดือน กับเรือไฟฟ้าทั้งหมด 8 ลำ ที่ให้บริการประชาชนฟรี ยังมีคนไปใช้บริการเพียงแค่วันละประมาณ 400 คน จนทำให้ต้องนำกลับมาพิจารณาว่าคุ้มค่ากับการจ้างเอกชนมาเดินเรืออีกหรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ล่าสุด กรุงเทพธนาคม (เจ้าเก้า เจ้าเดิม) ยังไม่ยอมแพ้ นำโครงการเดินเรือฟรีกลับมาให้บริการอีกครั้ง โดยเริ่มเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา
• โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง เอกชน คือ
ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด 3 พันกว่าล้านบาท แล้วยกให้ กทม. ไปบริหารจัดการเอง โดยผ่าน กรุงเทพธนาคม อีกเช่นกัน เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนสายหลักในพื้นที่โครงการ 3 เส้นทาง ได้แก่
1. รถไฟฟ้าสายสีเขียว (รถไฟฟ้า BTS สายสีลม) ปัจจุบันเปิดให้บริการถึงสถานีบางหว้า
• ในอนาคตกรุงเทพมหานครมีแผนที่จะต่อขยายแนวเส้นทางไปจนถึงตลิ่งชัน
2. รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
3. รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
• โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit) หรือ BRT รูปแบบการเดินทางบนถนนที่จะอำนวยความสะดวกให้มีทางวิ่งเฉพาะ ว่าจ้างบริษัทนี้ บริษัทเดิม (อีกแล้วครับท่าน) คือ
กรุงเทพธนาคม <<< ผู้นี้ ผู้เดียว ตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 พอหมดสัญญา ก็ กรุงเทพธนาคม <<< เจ้าเดิม เป็นผู้ดำเนินการโครงการฯ ต่อ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 ถึง 31 สิงหาคม 2566
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ ...
ถ้าขาดทุนตลอด และหาเงินมาเลี้ยงดูโครงการต่างๆ ของตัวเองไม่ได้
มันก็ต้องเอาเงินภาษีของประชาชนคนกรุงเทพไปจ่ายคืนให้หรือ ?
แล้วคนที่ไม่ได้ใช้โครงการต่างๆ เหล่านี้
ทำไมต้องมาร่วมทุกข์ หารเงินภาษีมาดูแลบริษัทฯ ที่ไม่มีผลกำไร แถมยังขาดทุนตลอดแบบนี้ด้วยล่ะ
แรงดีไม่มีแผ่ว "กรุงเทพธนาคม" บริษัท "วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร"
เรียกได้ว่า กรุงเทพธนาคม เป็นบริษัทที่เหนือกว่าบริษัทเอกชน ใกล้เคียงกับรัฐวิสาหกิจ แต่ไม่ใช่ราชการ เพราะสามารถออกหรือแก้กฎหมายบางตัวเพื่อให้การดำเนินการของกรุงเทพธนาคมเป็นได้ด้วยความราบรื่นตามกรอบของกฎหมายได้
เรียกได้ว่าเป็น บริษัทที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ผูกขาดกรุงเทพมหานครไว้ในบริษัทเดียว
จนล่าสุด บริษัทฯ นี้ถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ว่า
"ผู้บริหารรถไฟฟ้า BTS, ผู้บริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม และอดีตผู้ว่าฯกทม. รวม 13 ราย กระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท อ่อนนุช-แบริ่ง, สายสีลม ตากสิน-วงเวียนใหญ่และต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าเส้นทางหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปีเพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585"
จนทำให้ เจ้าสัว BTS - คีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้า BTS พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯและพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการฯ ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด คณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบให้ชำระหนี้ เพราะสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย แถม BTS เดินรถมาจนถึงปัจจุบันก็ด้วยอำนาจ ม.44 อำนาจพิเศษออกโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 เพื่อให้ BTS สามารถให้บริการประชาชนต่อไปได้3
แค่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้ กรุงเทพธนาคม เป็นหนี้ 2 ก้อน กว่า 4 หมื่นล้านบาท
แถม คณะกรรมการป.ป.ช. ฟันธงว่าเรื่องที่ BTS ถูกร้องมีมูลความผิด จนถึงขั้นที่ BTS อาจจะล้มละลาย เพราะหนี้กว่า 4 หมื่นล้าน ขยับยอดเงินไปถึงเกือบ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว
เรียกได้ว่า กรุงเทพธนาคม เป็นลูกหนี้ที่เหนียวหนี้สุดๆ ยื้อแล้วยื้ออีก จนถึงขั้นที่ ผู้ว่า ชัชชาติ ต้องส่ายหน้า เพราะยังไม่สามารถหาทางเจรจาให้ค่ารถไฟฟ้าอยู่ในระดับ 25-30 บาท ได้ตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้ได้
ยังไม่นับรวมไปถึงโครงการอื่นๆ เช่น
• โครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม จากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง-ท่าเรือตลาดเทวราช จำนวน 11 ท่า ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ค่าจ้างเดินเรือ 2.4 ล้านบาท/เดือน กับเรือไฟฟ้าทั้งหมด 8 ลำ ที่ให้บริการประชาชนฟรี ยังมีคนไปใช้บริการเพียงแค่วันละประมาณ 400 คน จนทำให้ต้องนำกลับมาพิจารณาว่าคุ้มค่ากับการจ้างเอกชนมาเดินเรืออีกหรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ล่าสุด กรุงเทพธนาคม (เจ้าเก้า เจ้าเดิม) ยังไม่ยอมแพ้ นำโครงการเดินเรือฟรีกลับมาให้บริการอีกครั้ง โดยเริ่มเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา
• โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง เอกชน คือ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด 3 พันกว่าล้านบาท แล้วยกให้ กทม. ไปบริหารจัดการเอง โดยผ่าน กรุงเทพธนาคม อีกเช่นกัน เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนสายหลักในพื้นที่โครงการ 3 เส้นทาง ได้แก่
1. รถไฟฟ้าสายสีเขียว (รถไฟฟ้า BTS สายสีลม) ปัจจุบันเปิดให้บริการถึงสถานีบางหว้า
• ในอนาคตกรุงเทพมหานครมีแผนที่จะต่อขยายแนวเส้นทางไปจนถึงตลิ่งชัน
2. รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
3. รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
• โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit) หรือ BRT รูปแบบการเดินทางบนถนนที่จะอำนวยความสะดวกให้มีทางวิ่งเฉพาะ ว่าจ้างบริษัทนี้ บริษัทเดิม (อีกแล้วครับท่าน) คือ กรุงเทพธนาคม <<< ผู้นี้ ผู้เดียว ตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 พอหมดสัญญา ก็ กรุงเทพธนาคม <<< เจ้าเดิม เป็นผู้ดำเนินการโครงการฯ ต่อ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 ถึง 31 สิงหาคม 2566
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้