เว่า...สู่กันฟัง - เชอร์โนบิลกับดินแดนต้องห้าม

หากพูดถึงโศกนาฏกรรมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความรุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์โลก
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวอันน่าสยดสยองของ เชอร์โนบิล มาแล้วบ้าง
อุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดลำดับความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์
และเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาในโลกใบนี้ครับ
 
แต่เดิม ที่นี่เคยเป็นตัวแทนของความเจริญรุ่งเรืองและความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในสมัยนั้น
ในปัจจุบัน ที่นี่ ก็กลายเป็นเมืองร้าง ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เหลือเพียงตึกและซากประหลักหักพังเท่านั้นครับ
หลังจากการระเบิด นักวิทยาศาสตร์คาดกราณ์เอาไว้ว่า อาจจะต้องใช้ระยะเวลากว่า 300 ปี เพื่อให้สารกัมมันตภาพรังสีสลายตัวไปให้หมดก่อน จึงจะสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติครับ
 
วันนี้ เว่าสู่กันฟัง จะพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ และสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ รวมถึงผลกระทบที่ตามมาจนถึงปัจจุบัน โศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เชอร์โนบิลกับดินแดนต้องห้าม

สำหรับคนที่อยากฟัง 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เชอร์โนบิล (Chernobyl) ตั้งอยู่ในเขตของ เมืองพริเพียต (Pripyat) ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตครับ ที่นี่ เคยเป็นตัวแทนของความเจริญรุ่งเรืองสังเกตได้จากจำนวนตึกและอาคารที่มีจำนวนมากรวมถึงการสร้างสวนสนุกในบริเวณนั้นด้วยครับ

ความน่าสะพรึงกลัว ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 26 เมษายน 1986 เมื่อเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 
เกิดเหตุระเบิดขึ้นในระหว่างการทดสอบความปลอดภัยในภาวะฉุกเฉิน อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนด จนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน
และในระหว่างการทดสอบนั้น ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี พุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ทำให้ต้องอพยพประชากรมากกว่า 3 แสน คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน

จำนวนผู้เสียชีวิต 31 คน ที่ต้องเสียชีวิตโดยตรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่เครื่องปฏิกรณ์และคนงานครับ
 
ในปี 2008 มีรายงานของสหประชาชาติได้แสดงการเสียชีวิตรวมทั้งหมด 64 ราย ที่ยืนยันแล้วว่าเกิดจากสารกัมมันตภาพรังสี  ในขณะที่เชียร์โนบีลฟอรั่ม ที่เป็นหน่วยงานสำหรับประเมินผลทางวิทยาศาสตร์ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของอุบัติเหตุที่เชอร์โนบิลและเพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริง ซึ่งถือว่าเป็นรายงานที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้คาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในที่สุดอาจสูงถึง 4,000 ราย ในหมู่ผู้ที่สัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีระดับสูงกว่า 600,000 ราย

ปริมาณของกัมมันตภาพรังสีที่แพร่กระจายออกมาจากการระเบิดในครั้งนี้ มีอานุภาพมากกว่ารังสีจากระเบิดปรมาณูที่ถล่มใส่เมืองนางาซากิ และฮิโรชิม่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน้อย 200 เท่า และได้ลอยสู่ชั้นบรรยากาศยาวนานถึง 10 วัน
 
ส่งผลให้เมืองพริเพียตถูกทิ้งร้างในทันที เนื่องจากระดับการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีที่อยู่ในปริมาณสูง แต่ก็ไม่ทันการณ์แม้จะมีการอพยพชาวเมืองออกจากพื้นที่ทันทีภายในสองวันหลังเกิดเหตุการณ์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นประชากรหลายคน ก็ได้รับรังสีปนเปื้อนในระดับสูงไปแล้วครับ
ในช่วงของการอพยพ ทางการได้แจ้งกับผู้อพยพเอาไว้ว่า จะย้ายออกจากพื้นที่แห่งนี้เพียงไม่นาน แล้วก็จะกลับเข้ามาใช้ชีวิตตามเดิมครับ ผลก็คือ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน แต่ทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใคร ได้กลับมาใช้ชีวิตในพื้นที่นี้ครับ

หลังจากการระเบิด รัฐบาลพยายามปกปิดข่าวการระเบิดและพยายามบอกกับสาธรณชนว่า พวกเราสามารถควบคลุมทุกอย่างได้แล้ว


แต่ในเช้าวันที่ 28 เมษายน คนงานที่โรงไฟฟ้​​านิวเคลียร์ Forsmark ของประเทศสวีเดน ที่ห่างจากเชียร์โนบีลประมาณ 1,100 กิโลเมตร
พบว่ามีอนุภาคกัมมันตรังสีบนเสื้อผ้าของพวกเขา
ในตอนเที่ยงของวันที่ 28 เมษายน พวกเขาค้นพบเบาะแสแรกว่าเกิดปัญหานิวเคลียร์ร้ายแรงในทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ดังนั้นการอพยพของ Pripyat ในวันที่ 27 เมษายน หรือ 36 ชั่วโมงหลังจากการระเบิดครั้งแรกก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเงียบๆ ก่อนที่ภัยพิบัติจะกลายเป็นที่รู้จักนอกสหภาพโซเวียต ในเวลานั้นการเพิ่มขึ้นของระดับรังสีได้มีการวัดเรียบร้อยแล้วในฟินแลนด์
 
หลังเกิดเหตุ มีผู้ป่วยจากโรครังสีเฉียบพลัน จำนวน 237 คน ในจำนวนนี้ 31 คนเสียชีวิตในช่วงสามเดือนแรก ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงที่พยายามควบคุมเหตุการณ์โดยไม่ทราบถึงอันตรายของการรับรังสีและควันเข้าไปครับ
 
ผลกระทบเกิดขึ้นกับป่าไม้และสัตว์ป่าโดยรอบ ภายหลังการระเบิด พื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตรกลายเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “ป่าแดง” เนื่องจากต้นไม้จำนวนมากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงและตายลงหลังจากดูดซับรังสีในระดับสูง
 
ทุกวันนี้แม้ว่าต้นไม้จำนวนมากจะเติบโตใหม่ แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานของการเกิดต้อกระจกและโรคผิวเผือกมากขึ้น รวมถึงจำนวนแบคทีเรียมีประโยชน์ที่น้อยลงในหมู่สัตว์ป่าบางชนิดในพื้นที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
 
แต่ถึงอย่างนั้น เนื่องจากเป็นเขตหวงห้ามมนุษย์โดยรอบโรงไฟฟ้า ทำให้จำนวนสัตว์ป่าบางชนิดเพิ่มขึ้น ตั้งแต่แมวป่าไปจนถึงกวางเอลก์ ในขณะที่ปี 2015 นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่ามีหมาป่าในเขตยกเว้นมากกว่าถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับเขตสงวนที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากไม่มีมนุษย์อยู่

ภัยมืดจากผลกระทบของกัมมันตภาพรังสี ยังทำร้ายชีวิตผู้คนที่อาศัยใกล้เมืองเชอร์โนบิลต่อไป เด็กจำนวนมากเกิดมาพร้อมกับโรคแต่กำเนิด มีการกลายพันธุ์ในยีน หรือโรคมะเร็งหายาก และยังคาดว่ากัมมันตภาพรังสีจะส่งต่อไปยังอีกหลายชั่วอายุคน
 
ส่วนผลกระทบในด้านอื่น ๆ อย่างเศรษฐกิจหรือการเมือง ภัยพิบัติเชอร์โนบิลเร่งการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและจุดชนวนให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านนิวเคลียร์ทั่วโลก การระเบิดครั้งนี้คาดว่าสร้างความเสียหายประมาณ 235,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
ภัยพิบัติเชอร์โนบิลทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขั้นตอนที่ไม่ปลอดภัยและข้อบกพร่องในการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ของสหภาพโซเวียต และเกิดการต่อต้านการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
 
เชอร์โนบิลหมายเลข 2 ถูกปิดตัวลงหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี 1991 ส่วนหมายเลข 1 ยังคงเปิดใช้งานอยู่จนถึงปี 1996 ด้านหมายเลข 3 เปิดใช้งานจนถึงปี 2000 เป็นเวลาที่เชอร์โนบิลถูกปิดอย่างเป็นทางการ
 
ในประเทศไทยนั้น ก็เคยมีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยมีการเสนอโครงการเมื่อปี 2509 
โดรงการได้ถูกชะลอ ปรับเปลี่ยนมาหลายครั้ง จนในปัจจุบัน ได้มีการตัดแผนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแล้วครับ

ปัจจุบัน เชอร์โนบิล ได้เปลี่ยนสภาพจากเมืองร้างเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทว่าก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าเมื่อกลับออกมาจากเขตเชอร์โนบิลแล้วจะได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตภาพรังสีกลับไปด้วยหรือไม่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่