JJNY : 3 สมาคมตร.ร่อนแถลงการณ์│ทิชาเปลี่ยนคัฟเวอร์เฟซบุ๊ก ประกาศจุดยืน│พาณิชย์ผวา!ส่งออกเดี้ยง│รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม

กระทู้ข่าว
3 สมาคมตร. ร่อนแถลงการณ์ ยืนยันอำนาจขอหมายจับส.ว. ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทำคดี
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3875315
 
 
3 สมาคมตร. ร่อนแถลงการณ์ ยืนยันอำนาจขอหมายจับส.ว. ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทำคดี 
 
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ สมาคมพนักงานสอบสวน ร่วมกันออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา ระบุว่า 
 
สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท กรณีการร้องขอหมายจับ และการเพิกถอนหมายจับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร

สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสมาคมพนักงานสอบสวน ในฐานะองค์กรวิชาชีพของข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีจริยธรรมและจรรยาบรรณที่ต้องธำรงรักษาไว้ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้
 
ประเด็นที่ 1 ในคดีนี้เดิม พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้เคยมาดำเนินการขอหมายจับ นายทุน มินหลัด กับพวก รวม 9 คน ซึ่งต่อมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหา มาดำเนินคดีแล้ว 5 คน
 
ดังนั้น ตำรวจไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน หรือพนักงานสอบสวน ย่อมมีอำนาจ ร้องขอให้ศาลออกหมายจับได้ หากเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนหรือสอบสวนคดี ที่ร้องขอออกหมาย นั้น และต้องมาให้ผู้พิพากษาสอบถามก่อนออกหมาย ทั้งนี้ ตามข้อ 4 แห่งข้อบังคับ ของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา (ฉบับที่ 5 ) พ.ศ.2565
 
ประเด็นที่ 2 การขอหมายจับของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในข้อหาสมคบกันกระทำความผิด เกี่ยวกับคดียาเสพติด ปัจจุบันการออกหมายจับจะต้องมีการนำข้อมูลมาลงในระบบ CRIME ของตำรวจ ซึ่งจะทำการเชื่อมข้อมูลไปยังระบบของศาล ทำให้ปัญหาการออกหมายลอยไม่อาจเกิดขึ้นได้
 
ประเด็นที่ 3 อำนาจการจับของเจ้าพนักงานตำรวจ โดยหลักจะต้องมีคำสั่งศาลหรือหมายจับ เว้นแต่ ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 78 อาจมีการจับได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งศาลหรือหมายจับ ดังนั้น การออกหมายจับจึงมิใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน หากแต่เป็นขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานตามปกติ ของฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน
 
ทั้งนี้ การขอออกหมายจับสามารถทำได้ภายใต้หลักมีพยานหลักฐาน ตามสมควรว่า น่าจะกระทำความผิด และไม่มีระเบียบ คำสั่ง ที่กำหนดให้ต้องเสนอเอกสารสำนวนต่อผู้บังคับบัญชา ระดับ ผกก.- ผบก. ให้พิจารณาก่อนขอหมายจับแต่ประการใด
 
ประเด็นที่ 4 กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ กลับหลักการเดิมที่จะต้องขออนุมัติจับกุม ต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. ก่อน จึงไปขอศาลออกหมายจับหรือแจ้งข้อหา แต่ปัจจุบันให้ขออนุมัติออกหมายจับ ต่อศาลก่อน ถึงจะไปขออนุมัติแจ้งข้อหาต่อเลขาธิการ ป.ป.ส.
 
ดังนั้น หมายจับที่ศาลออกให้ก่อนจะได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้แจ้งข้อหาย่อมเป็นหมายจับที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมาจะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ โดยที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังไม่อนุมัติให้แจ้งข้อหา ก็ถือว่าเป็นการจับโดยชอบ เพียงแต่ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แจ้งได้เพียงว่าได้ถูกจับตามหมายเท่านั้น
 
ประเด็นที่ 5 คำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นคำสั่งภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้บังคับกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น หาได้ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไม่
 
ประเด็นที่ 6 หากศาลใช้ดุลพินิจชอบด้วยกฎหมายแล้วควรต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในอดีต เคยมีการยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับอดีตอธิบดีดีเอสไอ แต่ศาลยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า เป็นอำนาจเฉพาะของผู้พิพากษาที่เมื่อสั่งคำร้องโดยชอบแล้ว ย่อมมิอาจเพิกถอนได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
 
เมื่อศาลพิจารณาออกหมายจับสมาชิกวุฒิสภาไปโดยชอบแล้ว การจะสั่งเพิกถอนในภายหลัง จะต้องมีเหตุตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบ เป็นหลักในการพิจารณา หาใช่อ้างเพียงเหตุผิดหลง
 
สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สมาคมพนักงานสอบสวน ขอเป็นกำลังใจ ให้ข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติชอบ และจะยืนหยัดตามหลักการของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้เกิด ความเป็นธรรมแก่ประชาชนโดยเสมอภาคต่อไป
 

 
ทิชา เปลี่ยนคัฟเวอร์เฟซบุ๊ก ประกาศจุดยืนไม่เลือก 4 พรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_3875430

ทิชา เปลี่ยนคัฟเวอร์เฟซบุ๊ก ประกาศจุดยืนไม่เลือก 4 พรรค ชาวเน็ตแห่ชื่นชม
 
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางทิชา ณ นคร หรือป้ามล ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เปลี่ยนคัฟเวอร์เฟซบุ๊กเป็นภาพที่มีข้อความระบุว่า 
 
“ไม่รับไหว้ และอย่าแวะให้เมื่อย บ้านนี้ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และรวมไทยสร้างชาติ”
  
การเปลี่ยนปกเฟซบุ๊กดังกล่าว มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความชื่นชม อาทิ จุดยืนชัดเจน ดีงามค่ะ, ชัดเจน, ใจตรงกันเลยค่ะป้า, สุดยอดครับ, +1 ไม่เลือกหมด, ขอ file ไป print แปะหน้าบ้านบ้างค่ะ

นอกจากนี้ มีความเห็นระบุว่า “เมื่อวาน (13 มีนาคม 2566) ได้รับฟังและชมเวทีดีเบตของมติชน ประเด็นหัวข้อ “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เข้าร่วมดีเบต ซึ่งคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่จะรอดูท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติว่าจะเข้าร่วมการดีเบตหรือไม่ จะส่งใครมา แล้วคนที่มาจะพูดในกรอบ 3 ประเด็นนี้ไปทางไหน เพราะจะพูดถึงผลงานในอดีตก็ไม่มี จะชูนโยบายที่จะทำฟังคุณสามสีก็เละเทะ แล้วก็เป็นไปตามคาดคือไม่มีใครมา จากสถานการณ์นี้ ถ้าผู้ใดยังเลือกพรรคนี้ขนาดความกล้าหาญที่จะมาดีเบตยังไม่กล้า คิดแต่จะพึ่ง 500 หารครึ่ง มันสะท้อนคนเลือกจริงๆ ว่าที่บ้านเมืองมันตกต่ำลงอย่างนี้อย่าไปโทษใครเลย
 
ขณะที่นางทิชา ตอบคอมเมนต์ว่า “ขอบคุณมากนะคะ วิธีคิดในการเลือกตัวแทน เพราะเห็นแก่ประโยชน์ในวงแคบๆ ประโยชน์เฉพาะหน้า รวมถึงระบบพวกพ้อง ระบบอุปถัมภ์ แต่เสียหายต่ออนาคต ยังอยู่ครบเลยนะคะ คนรุ่นใหม่ที่สนใจอนาคต ต้องแบกภาระที่หนักและใหญ่ไปอีกกี่ทศวรรษไม่รู้นะคะ
  
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=229444659571896&id=100001911932080&substory_index=229444659571896



พาณิชย์ผวา! ส่งออกไทยเดี้ยง หลังบาทโป๊ก พิษแบงก์มะกันล้ม
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7560061

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกา จากกรณีสัปดาห์ก่อนธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ประสบปัญหาล้มละลายว่าในระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย จากเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น จากกรณีนักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนเข้ามายังประเทศไทยเพื่อลดความเสี่ยง โดยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2566 เงินบาทแข็งค่า ปิดอยู่ที่ระดับ 34.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่วันที่ 10 มี.ค. 2566 อยู่ที่ระดับ 35.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาสินค้าส่งออกไทยแพงขึ้นในมุมมองของคู่ค้า แต่ในมุมการนำเข้าจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะการนำเข้าพลังงาน
 
ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าไทย จะต้องจับตาสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่ากรณีนี้จะส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่ หากระทบจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ที่มีสัดส่วนประมาณ 16% ของมูลการส่งออกภาพรวม โดยในปี 2565 ไทยมีมูลค่ารวม 287,067 ล้านเหรียญสหรัฐ
  
ส่วนตลาดทุนไทยปัจจุบันได้รับผลกระทบ โดย SET Index ปรับตัวลดลงราวๆ 80 จุด หรือคิดเป็น -5.4% ภายใน 2 วันทำการ แต่คาดว่าจะไม่รุนแรงเหมือน Subprime Crisis ในปี 2551 ที่ส่งผลเป็นวงกว้างต่อทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน และภาคเศรษฐกิจจริง โดยมีสาเหตุจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของหลายประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐสูง รวมถึงไทย
 
อย่างไรก็ตาม วิกฤต SVB เป็นปัญหาเฉพาะตัว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าเงินฝากที่ไม่มีหลักประกัน ต่างจากธนาคารส่วนใหญ่ในสหรัฐ จึงมีผลกระทบในวงจำกัด กระทบเพียงระยะสั้นเชิงจิตวิทยาต่อผู้ลงทุน ทำให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนกลับมาถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงและรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ยังไม่กระทบภาคธนาคารไทย เนื่องจากยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการกำกับดูแลที่ดีจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่