[CR] พาเที่ยว Hyderabad พ่วงด้วย Hampi ศูนย์กลางจักรวรรดิ์วิชัยนคร กันนะจ๊ะ นายจ๋า

เหตุการณ์เริ่มต้นจากเพื่อนส่งรูป นกแอร์ จะเปิดเส้นทางไปเมือง Hyderabad อินเดีย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,9xx ในฐานะที่เคยไปอินเดียมา 2 ครั้งแล้ว ราคาแบบนี้ กดไปก่อนแล้วจะเที่ยวไหนค่อยว่ากัน เที่ยวบินนกแอร์ไม่ได้มีบินทุกวัน  โดยจะมีบิน วันเสาร์ อาทิตย์ อังคาร และ พฤหัส ครับ

เมื่อจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ต้องทำวีซ่า  ครั้งนี้เลือกทำ Online ซึ่งสะดวก ง่ายยเร็ว และที่สำคัญ จ่ายน้อยกว่า ทำวิซ่า แบบปิดกับเล่ม Passport มากครับ รายละเอียดสำหรับทำวีซ่าออนไลน์ หาดูได้จากทั้ง Pantip และ Youtube แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับเพื่อนๆคือ หากจำทำวีซ่าออนไลน์ ไม่ต้องรีบล่วงหน้านาน แค่ ก่อนหน้าอาทิตย์เดียวก็พอครับ อย่างผมทำล่วงหน้าประมาณเดือนนึง พออีกวัน Visa Granted เหมือนระบบ จะนับวันเริ่มนับวันใช้งานเลย

จากรูปก็คือ ผมทำวีซ่า 31 มกราคม พอวันที่ 1 กุมภาพันธ์ วีซ่าออก และ วีซ่าหมดอายุ 3 มีนาคม .......คือผมบินออกจากไทย วันที่ 2 มีนาคม เที่ยวบินถึงเกือบเที่ยงคืน เอาจริงกว่าจะผ่าน ตม ก็ ปาไปวันที่ 3 พอดีครับ เกือบใช้การไม่ได้ซะละ   แต่จริงๆในวีซ่า เขาจะเขียนไว้เลยว่า วีซ่ามีอายุ 30 วัน หลังจากประทับตราเข้าประเทศ และหลัง สแตมป์เข้าประเทศเสร็จ  ตม ก็จะเขียนกำกับไว้ในเล่มอีกทีครับ ว่าหมดอายุ 1 เมษายน .....แต่เวลาเช็คอินโรงแรม ก็จะเจอปัญหา เพราะดูวีซ่าที่เราพิมพ์ ออกมาว่า มันหมดอายุแล้ว ก็ต้องมา อธิบาย อีกรอบกว่าจะเข้าใจ และยอมให้เช็คอินครับ  เอาเป็นว่าอย่ารีบทำวีซ่า ล่วงหน้านานเท่านั้นเองครับ


ถึงเวลาออกบินกันแล้ว    เนื่องจากเป็นเส้นทางใหม่ ที่เพิ่งจะเปิดทำการบิน เที่ยวบินขาไป คนน่าจะไม่เกิน 50% ของความจุเครื่องครับ นั่งกันสบายๆ ผ่านไป 3.30 ชั่วโมง ก็ลงจอดที่สนามบิน ราจีฟ คานธี เมือง Hyderabad แม้จะคนน้อย แต่ ตม. ที่นี่ใช้เวลาแยอะพอสมควรครับ โดยเฉพาะ ผู้หญิงไทย จะโดนคำถาม นานเป็นพิเศษ   

ภาพจากนิตยสารนกจิ๊บจิ๊บ  เส้นทางในอนาคต ของนกแอร์  จะมี ไทเป และ Jaipur ครับ หากราคา ดี อุดหนุนต่อแน่นอน

เสร็จจาก ตม. ก็เลือก Taxi เข้าเมืองเลยครับ ผมพักที่โรงแรม Best Western Ashoka เพราะเป็นโรงแรม ติดรถไฟฟ้าสถานี Lakdikapur ไปถึงก็ น่าจะตีหนึ่งครึ่งแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาให้ชม แต่ห้องใหญ่ สะอาดใช้ได้เลยครับ อาหารเช้าโรงแรม ก็ทานได้อยู่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอินเดีย มีขนมปัง และ ซีเรียล นิดหน่อยครับ

แม้เราจะอยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้า แต่สถานที่ท่องเที่ยวของ Hyderabad แทบไม่มีติดแนวรถไฟฟ้าเลย เราจึงต้องพึงพารถ Tuk Tuk ครับ 
สถานที่แรกของวันนี้คือ 
Charminar ถือว่าเป็น Iconic ประจำเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรตที่ 16 สำหรับบัตรผ่านประตูของที่นี่ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องเสียประมาณ 250 รูปี  แต่คนอินดีย และ ประเทศในกลุ่ม BIMSTEC จ่ายเท่ากับ ชาวอินเดียเลยคือ 25 รูปี 
*** The BIMSTEC member states – Bangladesh, Bhutan, India, Myanmar, Nepal, Sri Lanka, and Thailand ในส่วนขายบัตรเข้าชมของที่นี่ แจ้ง Rate ราคาไว้อย่างชัดเจน อย่าลืม หยิบหนังสือเดินทางประเทศไทย และ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ ว่า ฉันไงสมาชิกประเทศ กลุ่ม BIMSTEC เท่านี้เราก็ได้ตั๋วในราคาเท่ากับคนอินเดีย มันเยี่ยมจริงๆ


จาก Charminar ที่น่าสนใจ ก็จะเป็น Mecca Masjid ซึ่งจุคนได้เป็นหมื่น แต่วันที่ไปเขาไม่ให้เข้าครับ เดินไปอีกไม่ไกล ก็จะเจอพระราชวัง Chowmahalla Palace วันที่ไปเป็นวันศุกร์ ตรงกับวันปิดทำการพอดี เราแพลน จะมาเที่ยววังแห่งนี้หลังจาก กลับจาก Hampi อีกครั้งครับ
สถานที่ต่อไป ก็คือ

Golconda Fort เดิมเรียกว่า Mankal สร้างขึ้นบนยอดเขาในปี ค.ศ. 1143 เดิมทีเป็นป้อมปราการโคลนในรัชสมัยของราชาแห่งวารังกัล ต่อมาได้รับการเสริมความแข็งแกร่งระหว่างศตวรรษที่ 14 ถึง 17 โดยสุลต่าน Bahmani และราชวงศ์ Qutub Shahi ที่ปกครอง  

สำหรับค่าเข้าชมที่นี่ ก็สามารถ แสดงหนังสือเดินทางไทย เพื่อใช้สิทธิ์ BIMSTEC ได้ครับ  ที่นี่ก็เข้าชม 25 รูปี เช่นกันครับ
Golconda  Fort แม้จะดูมีขนาดใหญ่ แต่สภาพไม่สมบูรณ์ และสวยงาม เท่าป้อม อย่างในรัฐราชสถาน ส่วนตัวผมชอบ Amer Fort ที่ Jaipur มากกว่าครับ  วันแรกจบไป  เช้าวันที่ 2 ไม่ทันได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องไป Hampi ครับ  
เดิมทีตอนซื้อตั๋ว Hyderabad ก็ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน หลังจากกดดู ว่าจาก Hyderabad มีเที่ยวบินไปสนามบินอะไร เราก็เจอ สนามบิน VIDYANAGAR ชื่อสนามบินแปลกดี กดดู Attraction ใกล้ๆ ก็พบชื่อ Hampi ห่างไป ประมาณ 30 กม . ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่า Hampi คืออะไร แต่ ค่าตั๋วไปกลับ ประมาณคนละ 800 บาท รวมสัมภาระ 15 กก. ก็จองไปเลยซิครับ จองตั๋วผ่าน Makemytrip หรือจะจองตรงกับสายการบินก็ได้ครับ แต่วันนั้น จองกับ Makemytrip ได้ราคาดีกว่า เมือจองแล้ว สามารถมาเลือกที่นั่งโดยกด manage booking ได้เหมือนกันครับ โดยเข้าที่ website https://allianceair.in/book

ก่อนไปเช็คกับ Flightradar24 ประจำเลย ว่าเส้นทางนี้มี Delay บ่อยอยู่ แต่วันที่ไป ออกตรงเวลาครับ  ถึงสนามบินปลายทาง เดินออกมาจากมี Counter Prepaid Taxi เราจ่ายเงิน ประมาณ 1600 รูปี เพื่อให้มาส่งที่โรงแรมใน Hampi ใช่เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ผมพักโรงแรม Clark's Inn Hampi ห้องพักโอเค อาหารเช้าน้อยมาก แต่ห้องอาหารโรงแรมสำหรับมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น อร่อยใช้ได้ ที่สำคัญ ท้องไม่เสียครับ หลังจากทานอาหารเที่ยงและเก็บของในห้องแล้ว ก็เจอคนขับมาเสนอบริการ เดิมทีกังวล เรื่องรถจะกลับสนามบิน เลยถามราคา ขากลับก่อน เขาให้ราคา 1000 รูปี ก็ดีลเลย คิดในใจถูกกว่าขามาแยอะ (เพิ่งมารู้หลังจากดีลว่าเป็นรถตุ๊กตุ๊กแต่ตกลงไปแล้วครับ 555) เลยให้เสนอราคานำไปที่เที่ยว เขาคิดวันละ 800 รูปี ต่อคนสำหรับเต็มวัน และ สำหรับวันแรกครึ่งวันบ่าย คิดคนละ 600 รูปีครับ
โดยแผนวันแรกเข้าจะพาไปชมสถานที่ ที่ต้องเสียค่าบัตรเข้าชม ส่วนวันที่สอง จะพาไปในส่วนไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมครับ

ประวัติคร่าวๆของ Hampi
Hampi ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยก้อนหินอันน่าทึ่งริมฝั่งแม่น้ำ Tungabhadra Hampi เป็นเมืองหลวงของเมืองหลวงอันงดงามของอาณาจักร Vijayanagara อันยิ่งใหญ่ ก่อตั้งโดย Harihara และ Bukka ในปี 1336 และตกเป็นของผู้ปกครองชาวมุสลิมของ Deccan ในปี 1565 และเมืองนี้ถูกปล้นสะดมนานกว่าหกเดือนก่อนที่จะถูกทิ้งร้าง อย่างไรก็ตาม ซากปรักหักพังของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ได้ทนต่อการทำลายล้างของมนุษย์และกาลเวลา และยังคงกระตุ้นความทรงจำถึงความยิ่งใหญ่ของยุคอดีต เมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO และยังเป็น "พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก" และครอบคลุมพื้นที่เกือบ 29 ตร.กม. อาณาจักรวิยานครารุ่งเรืองรุ่งเรืองถึงขีดสุดและเชื่อกันว่าใหญ่กว่ากรุงโรมด้วยพระราชวังที่ใหญ่โตกว่ากรุงลิสบอน 

เราไปซื้อบัตรเข้าชม ตามสิทธิ์ BIMSTEC คือเสียแค่ 40 รูปี จาก Hampi Archeological Museum in Kamalapura ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม Clark's Inn ครับ

คนขับรถชื่อ Srikanth พาเรามาจุดแรก ซึ่งจะมี อาคารสำคัญ คือ Lotus Mahal และ Elephant Stable
โดยที่นี่ก็จะมีการตรวจตั๋วที่ซื้อมา และก็มักจะเจอคำถาม ว่า คุณไม่ใช่คนอินเดีย ทำไมถึงได้ตั๋วราคานี้ ซึ่งก็ต้องมาอธิบายเล็กน้อย กับคนเฝ้าประตูตลอด



ต่อมาคือ Vitthala Temple โดยวัดนี้ คนขับจะมาส่งเราลงที่ทางเข้า และ เราเลือกได้ว่าจะเดินไปที่วัดประมาณ 10นาที หรือว่าจะนั่งรถกอล์ฟ เที่ยวละ 10 รูปีครับ 
Vitthala Temple เป็นวัดที่คนนิยม มาเที่ยวเมื่อมาเยือน Hampi เดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 15 โดดเด่น ด้วยโถงเสาหินสลักลายสวยงาม ส่วนท้ายของแท่นเหล่านี้มีรถม้าหินตั้งอยู่ นี่คือศาลเจ้าที่สร้างขึ้นในรูปแบบของราชรถของวัด เดิมมีรูปครุฑ (เทพอินทรี) ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร ครุฑตามตำนานฮินดูเป็นพาหนะของพระวิษณุ ดังนั้นครุฑที่หันหน้าไปทางเทวสถานของวัด


เสร็จแล้วนั่งรถกอล์ฟ กลับมารอรถ Srikanth ให้พาไปสถานที่ต่อไปคือ Sri Malyavanta Raghunatha Gudi ที่นี่เป็นวัดฮินดู อยู่บนเนินเขาและ จากวัดนี้ ก็สามารถขึ้นไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือ ตกได้อย่างสวยงามครับ

เสาที่ถ่ายมา Srikanth บอกว่า ที่นี่คือตัว Demo ของเสาที่อยู่ในวัด Vittala Temple คือเมื่อนำมือไปตีกับเสา ก็จะมีเสียงคล้ายกับเครื่องดนตรี ครับ
ชื่อสินค้า:   ็Hampi , Hyderabad
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่