โทนี่ชี้ เศรษฐกิจอาการหนัก ส่งออกติดลบ4เดือน ท่องเที่ยวอาศัยบุญเก่า แถมยังจะสูบเลือดนทท.อีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3861158
โทนี่ชี้ เศรษฐกิจอาการหนัก ส่งออกติดลบ4เดือนซ้อน ท่องเที่ยวอาศัยบุญเก่า แถมยังจะสูบเลือดนทท.อีก
วันที่ 7 มีนาคม รายการ แคร์คิดเคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ
โทนี่ วู้ดซัม หรือ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ
นโยบายเศรษฐกิจพรรคไหน….ทำใจเธอละลายยยย
โทนี่ กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าไม่รู้ เรื่องการลดแลกแจกแถม รัฐบาล นายกไม่เข้าใจเศรษฐิจ ครั้งหนึ่งเคยเบรกนายกว่าอย่าเพิ่มงบประมาณ เพราะวันนั้นหากเกิดการขาดดุลย์คู่ ทั้งงบประมาณ และบัญชีเดินสะพัด พร้อมกัน ปีที่แล้วขาดดุลไป 16,900 เหรียญสหรัฐ อาจจะไม่มาก เพราะเรามีเงินเกือบ 300 ล้านล้าน ขาดทุน 16 ล้านล้านอาจจะไม่มาก แต่เป็นเรื่องไม่ค่อยสวยแล้ว วันนี้เราเริ่มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแล้ว ปีนี้ส่งออกติดลบ 4 เดือนซ้อน แล้วแนวโน้มไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมบ่ายสามโมง ใกล้จะตกดินแล้ว
“
เราไม่คิดหายุทธศาสตร์ที่สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เป็นเอสเคิร์ฟมาลากของเก่าขึ้นไป หรือลากหัวไม่ให้มันตกลงมา รัฐบาลที่อยู่แบบวันต่อวัน จะไม่มียุทธศาสตร์ เป็นเหมือนรัฐบาลมาทำธุรการมากกว่ามาทำบริหาร อยู่ไปวันๆ โครงสร้างอ่อนลงๆ กินบุญเก่า ท่องเที่ยว กินบุญเก่า และยังไม่พอดูดเลือดนักท่องเที่ยว ให้เสียความรู้สึกอีก ไม่ว่าจะเป็นค่าเหยียบแผ่นดินก็ดี หรือนโยบายตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) วีซ่า ใต้โต๊ะทั้งหลาย ดูแล จะเพิ่มนักท่องเที่ยวที่พรรคกล้าบอกว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่า ดูเหมือนว่าจะกินบุญเก่าต่อไปไม่ไหว
โทนี่ กล่าวว่า ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ วันนี้หดหาย เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือในรัฐบาลที่มาจากทหาร หรือสืบทอดอำนาจ ไม่มีความมั่นใจ ในความสามารถรัฐบาลที่จะมองปัญหาระยะยาว หรือซ่อมโครงสร้างที่ชำรุด ไม่มียุติธรรม เพราะทุจริตมาก ไม่มียุทธศาสตร์สำหรับอนาคตประเทศไทย และมีค่าพลังงานก็สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อันนี้ เอฟอีไอถึงหายไป เราต้องแก้ไข
“
ไม่ใช่ว่าผมบ่นแล้วไม่มีวิธีแก้นะ มันทำได้หมด กำลังคนมีเยอะ ความรู้ความสามารถคนก็มี แต่การบริหารจัดการ การรวมพลังของคนเหล่านี้ต่างหาก ที่จะต้องมาช่วยกันแก้ ถ้าปล่อยให้บัญชีเดินสะพัดขาดทุนต่อเนื่อง แล้วงบประมาณก็ขาดดุลต่อเนื่อง อันนี้อันตรายแล้ว วันนี้เมื่อมาดูจีดีพี.แล้วก็น่าห่วง ของเราโตช้ากว่าของคนอื่น เมื่อก่อนเราพยายามจะไล่ตามอินโดนีเซียให้ได้ วันนี้เราไม่ติดใน จี 20 คือ ท็อป 20 ของจีดีพีโลก อันดับสุดท้ายของ จี 20 คือ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง 800 กว่าล้านล้าน แต่ของเราเพิ่ง 500 กว่าล้านล้าน เป็นอันดับ 24 ของโลก กว่าจะเข้าไปอยู่ใน จี 20 ได้ ก็คงลำบากอยู่ ต้องโตเท่าตัวด่วนจี๋ จะทำได้ต้องกล้าใช้นโยบายเด็ดๆ และลุยจริงๆจังๆ
วันนี้เรากล้าอย่างเดียว กล้าเพิ่มเงิน วันนี้อนุทินดีใจ ได้เพิ่มเงินอสม.อสส.เป็นเรื่องที่ดีนะ เขายากจน เขาเงินน้อย แต่ถามว่า แล้วการหาเงินล่ะ จ่ายมันง่าย ใคร ก็จ่ายเป็น อยากจะจ่ายแล้วหล่อ แต่ว่ามันกัดกร่อน งบประมาณก็ขาดดุลขึ้นทุกวัน แล้วเมื่อไหร่ มันจะพ้นจากงบประมาณขาดดุลขนาดนี้ แล้วจะเพิ่มหนี้ ไปเกือบ 70 % ของจีดีพี แล้วขาดดุลอีก 5-6% มั๊ง”
โทนี่ กล่าว
KOI Thé แบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว ขึ้นราคาเครื่องดื่มไซซ์ S และ M ทุกเมนู เริ่ม 13 มีนาคม
https://www.matichon.co.th/lifestyle/food-travel/news_3861280
KOI Thé ชานมไข่มุกดัง แบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว ประกาศขึ้นราคาเครื่องดื่มไซซ์ S และ M ทุกเมนู เริ่ม 13 มีนาคม
แบรนด์ชานมไข่มุก KOI Thé Thailand เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่แบกรับต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นไม่ไหวแล้ว ล่าสุดออกประกาศ ปรับราคาเครื่องดื่มร้านโคอิ เตะ ทุกสาขา สำหรับไซส์ S และไซซ์ M ทุกเมนู ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป
โดย KOI Thé Thailand แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า
เรียน ลูกค้าที่เคารพทุกท่าน มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากการปรับตัวของราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รสชาติและคุณภาพของเครื่องดื่มเป็นไปตามมาตรฐานที่ทางบริษัทได้กำหนด และได้ให้สัญญาแก่คุณลูกค้าในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดไว้นั้น
ทางบริษัทจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอเรียนแจ้งการปรับราคาเครื่องดื่มร้านโคอิ เตะ ทุกสาขา สำหรับไซซ์ S และไซซ์ M ทุกเมนู
สำหรับลูกค้าสมาชิก KOI Leaf Rewards ยังคงสามารถแลกรับสิทธิพิเศษโดยใช้คะแนนใบชาเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทางโคอิ เตะ ขอบพระคุณคุณลูกค้าที่ให้การสนันสนุนอย่างอบอุ่นเสมอมา
เราขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งมอบเครื่องดื่มที่ให้ความสุขในทุกๆ วันแก่คุณลูกค้าอย่างดีที่สุดต่อไป
ยุทธพงศ์ ปธ.กมธ.ปภ.จี้ตร.และกรมทางหลวง วางแผนให้ชัดรับมือ 7 วันอันตรายสงกรานต์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3861190
ยุทธพงศ์ ปธ.กมธ.ปภ.จี้ตร.และกรมทางหลวง วางแผนให้ชัดรับมือ 7 วันอันตรายสงกรานต์
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ประธานคณะกรรมาธิการป้องและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย (ปภ.)สภาผู้แทนรราษฎร พร้อมด้วยคณะ กมธ. ปภ กล่าวว่า ทางคณะ กมธ. ได้ติดตามถามความคืบหน้า การเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตราการป้องกันและลดอุบัติเหตุการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย โดยมี นาย
พรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.
นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พลตำรวจตรี
ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ๒ นาย
สราวุธ ทรงศิวิไลอธิบดีกรมทางหลวง และนาย
สมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง เข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ.ปภ.พร้อมทั้งความพร้อมและมาตรการที่เตรียมไว้
นาย
ยุทธ์พงศ์ กล่าวต่ออีกว่า จากการซักถาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอข้อมูลและความชัดเจนพบว่า ทางสำนักงานตำรวจ ตำรวจทางหลวงและกรมทางหลวง ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมและได้มีการประสานงานกับกรมทางหลวงในเบื้องต้น ดังนี้
1. ประสานงานร่วมกันเพื่อลดการก่อสร้าง การซ่อมบำรุง ในเส้นทางสายมิตรภาพ เพื่อให้ลดความหนาแน่น และการระบายรถรวเร็วยิ่งขึ้นในช่วงก่อนเทศกลาลสงกรานต์
2. เตรียมความพร้อมเปิดช่องทางพิเศษ โดยทำการประสานร่วมกับกรมทางหลวง ในช่วงก่อน 7 วันเทศกาลและในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
3. กำหนดห้ามรถบรรทุก รถขนส่งขนาดใหญ่ เดินทางในช่วงเวลาที่การจราจรหนาแน่น และให้มีการลงทะเบียนแจ้งการเดินทางล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อวางแผนการเดินทางและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่หนาแน่น เพื่อให้การจราจรเดินทางสะดวกขึ้น
อย่างไรก็ดี ตนในฐานะ ประธานกมธ.ปภ ก็ยังมีความกังวลในเรื่องการตั้งด่านตรวจจับยาเสพติดและด่านตรวจจับ เพราะที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนจากประชาชนภาคอีสานโดยเฉพาะด่าน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ้งเป็นด่านถาวร มีการตรวจค้นยาเสพติดกับรถที่เดินทางผ่านไปมา เป็นเหตุให้การจราจรติดขัดเลยมาและพบว่ามีการเรียกรับเงิน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ดำเนิการให้ชัดเจนโดยวางแผนการดำเนินการตั้งแต่วันนี้ ใช้สายข่าวและประสานงานร่วมกัน ตรวจจับรถต้องสงสัยเพื่อให้เกิดการล็อคเป้าหมายผู้ค้ายาที่แม่นยำ ไม่ใช่การตั้งด่านสุ่มตรวจ รถที่เดินทาง จนทำให้ประชาชนเดือนร้อนอย่างที่เป็นอยู่
“
การวางแผนบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นหน้าที่ของ กมธ.ปภ. เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องเตรียมการล่วงหน้า และต้องโปร่งใส ไม่ใช่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชน” นาย
ยุทธพงศ์กล่าว.
JJNY : โทนี่ชี้ศก.อาการหนัก ส่งออกติดลบ│KOI Thé แบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว│ยุทธพงศ์ ปธ.กมธ.ปภ.จี้ตร.│คาดรัสเซียไม่ระดมพลรอบใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3861158
โทนี่ชี้ เศรษฐกิจอาการหนัก ส่งออกติดลบ4เดือนซ้อน ท่องเที่ยวอาศัยบุญเก่า แถมยังจะสูบเลือดนทท.อีก
วันที่ 7 มีนาคม รายการ แคร์คิดเคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ นโยบายเศรษฐกิจพรรคไหน….ทำใจเธอละลายยยย
โทนี่ กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าไม่รู้ เรื่องการลดแลกแจกแถม รัฐบาล นายกไม่เข้าใจเศรษฐิจ ครั้งหนึ่งเคยเบรกนายกว่าอย่าเพิ่มงบประมาณ เพราะวันนั้นหากเกิดการขาดดุลย์คู่ ทั้งงบประมาณ และบัญชีเดินสะพัด พร้อมกัน ปีที่แล้วขาดดุลไป 16,900 เหรียญสหรัฐ อาจจะไม่มาก เพราะเรามีเงินเกือบ 300 ล้านล้าน ขาดทุน 16 ล้านล้านอาจจะไม่มาก แต่เป็นเรื่องไม่ค่อยสวยแล้ว วันนี้เราเริ่มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแล้ว ปีนี้ส่งออกติดลบ 4 เดือนซ้อน แล้วแนวโน้มไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมบ่ายสามโมง ใกล้จะตกดินแล้ว
“เราไม่คิดหายุทธศาสตร์ที่สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เป็นเอสเคิร์ฟมาลากของเก่าขึ้นไป หรือลากหัวไม่ให้มันตกลงมา รัฐบาลที่อยู่แบบวันต่อวัน จะไม่มียุทธศาสตร์ เป็นเหมือนรัฐบาลมาทำธุรการมากกว่ามาทำบริหาร อยู่ไปวันๆ โครงสร้างอ่อนลงๆ กินบุญเก่า ท่องเที่ยว กินบุญเก่า และยังไม่พอดูดเลือดนักท่องเที่ยว ให้เสียความรู้สึกอีก ไม่ว่าจะเป็นค่าเหยียบแผ่นดินก็ดี หรือนโยบายตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) วีซ่า ใต้โต๊ะทั้งหลาย ดูแล จะเพิ่มนักท่องเที่ยวที่พรรคกล้าบอกว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่า ดูเหมือนว่าจะกินบุญเก่าต่อไปไม่ไหว
โทนี่ กล่าวว่า ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ วันนี้หดหาย เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือในรัฐบาลที่มาจากทหาร หรือสืบทอดอำนาจ ไม่มีความมั่นใจ ในความสามารถรัฐบาลที่จะมองปัญหาระยะยาว หรือซ่อมโครงสร้างที่ชำรุด ไม่มียุติธรรม เพราะทุจริตมาก ไม่มียุทธศาสตร์สำหรับอนาคตประเทศไทย และมีค่าพลังงานก็สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อันนี้ เอฟอีไอถึงหายไป เราต้องแก้ไข
“ไม่ใช่ว่าผมบ่นแล้วไม่มีวิธีแก้นะ มันทำได้หมด กำลังคนมีเยอะ ความรู้ความสามารถคนก็มี แต่การบริหารจัดการ การรวมพลังของคนเหล่านี้ต่างหาก ที่จะต้องมาช่วยกันแก้ ถ้าปล่อยให้บัญชีเดินสะพัดขาดทุนต่อเนื่อง แล้วงบประมาณก็ขาดดุลต่อเนื่อง อันนี้อันตรายแล้ว วันนี้เมื่อมาดูจีดีพี.แล้วก็น่าห่วง ของเราโตช้ากว่าของคนอื่น เมื่อก่อนเราพยายามจะไล่ตามอินโดนีเซียให้ได้ วันนี้เราไม่ติดใน จี 20 คือ ท็อป 20 ของจีดีพีโลก อันดับสุดท้ายของ จี 20 คือ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง 800 กว่าล้านล้าน แต่ของเราเพิ่ง 500 กว่าล้านล้าน เป็นอันดับ 24 ของโลก กว่าจะเข้าไปอยู่ใน จี 20 ได้ ก็คงลำบากอยู่ ต้องโตเท่าตัวด่วนจี๋ จะทำได้ต้องกล้าใช้นโยบายเด็ดๆ และลุยจริงๆจังๆ
วันนี้เรากล้าอย่างเดียว กล้าเพิ่มเงิน วันนี้อนุทินดีใจ ได้เพิ่มเงินอสม.อสส.เป็นเรื่องที่ดีนะ เขายากจน เขาเงินน้อย แต่ถามว่า แล้วการหาเงินล่ะ จ่ายมันง่าย ใคร ก็จ่ายเป็น อยากจะจ่ายแล้วหล่อ แต่ว่ามันกัดกร่อน งบประมาณก็ขาดดุลขึ้นทุกวัน แล้วเมื่อไหร่ มันจะพ้นจากงบประมาณขาดดุลขนาดนี้ แล้วจะเพิ่มหนี้ ไปเกือบ 70 % ของจีดีพี แล้วขาดดุลอีก 5-6% มั๊ง” โทนี่ กล่าว
KOI Thé แบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว ขึ้นราคาเครื่องดื่มไซซ์ S และ M ทุกเมนู เริ่ม 13 มีนาคม
https://www.matichon.co.th/lifestyle/food-travel/news_3861280
KOI Thé ชานมไข่มุกดัง แบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว ประกาศขึ้นราคาเครื่องดื่มไซซ์ S และ M ทุกเมนู เริ่ม 13 มีนาคม
แบรนด์ชานมไข่มุก KOI Thé Thailand เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่แบกรับต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นไม่ไหวแล้ว ล่าสุดออกประกาศ ปรับราคาเครื่องดื่มร้านโคอิ เตะ ทุกสาขา สำหรับไซส์ S และไซซ์ M ทุกเมนู ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป
โดย KOI Thé Thailand แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า
เรียน ลูกค้าที่เคารพทุกท่าน มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากการปรับตัวของราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รสชาติและคุณภาพของเครื่องดื่มเป็นไปตามมาตรฐานที่ทางบริษัทได้กำหนด และได้ให้สัญญาแก่คุณลูกค้าในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดไว้นั้น
ทางบริษัทจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอเรียนแจ้งการปรับราคาเครื่องดื่มร้านโคอิ เตะ ทุกสาขา สำหรับไซซ์ S และไซซ์ M ทุกเมนู
สำหรับลูกค้าสมาชิก KOI Leaf Rewards ยังคงสามารถแลกรับสิทธิพิเศษโดยใช้คะแนนใบชาเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ทางโคอิ เตะ ขอบพระคุณคุณลูกค้าที่ให้การสนันสนุนอย่างอบอุ่นเสมอมา
เราขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งมอบเครื่องดื่มที่ให้ความสุขในทุกๆ วันแก่คุณลูกค้าอย่างดีที่สุดต่อไป
ยุทธพงศ์ ปธ.กมธ.ปภ.จี้ตร.และกรมทางหลวง วางแผนให้ชัดรับมือ 7 วันอันตรายสงกรานต์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3861190
ยุทธพงศ์ ปธ.กมธ.ปภ.จี้ตร.และกรมทางหลวง วางแผนให้ชัดรับมือ 7 วันอันตรายสงกรานต์
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ประธานคณะกรรมาธิการป้องและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย (ปภ.)สภาผู้แทนรราษฎร พร้อมด้วยคณะ กมธ. ปภ กล่าวว่า ทางคณะ กมธ. ได้ติดตามถามความคืบหน้า การเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตราการป้องกันและลดอุบัติเหตุการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย โดยมี นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พลตำรวจตรี ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ๒ นายสราวุธ ทรงศิวิไลอธิบดีกรมทางหลวง และนายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง เข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ.ปภ.พร้อมทั้งความพร้อมและมาตรการที่เตรียมไว้
นายยุทธ์พงศ์ กล่าวต่ออีกว่า จากการซักถาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอข้อมูลและความชัดเจนพบว่า ทางสำนักงานตำรวจ ตำรวจทางหลวงและกรมทางหลวง ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมและได้มีการประสานงานกับกรมทางหลวงในเบื้องต้น ดังนี้
1. ประสานงานร่วมกันเพื่อลดการก่อสร้าง การซ่อมบำรุง ในเส้นทางสายมิตรภาพ เพื่อให้ลดความหนาแน่น และการระบายรถรวเร็วยิ่งขึ้นในช่วงก่อนเทศกลาลสงกรานต์
2. เตรียมความพร้อมเปิดช่องทางพิเศษ โดยทำการประสานร่วมกับกรมทางหลวง ในช่วงก่อน 7 วันเทศกาลและในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
3. กำหนดห้ามรถบรรทุก รถขนส่งขนาดใหญ่ เดินทางในช่วงเวลาที่การจราจรหนาแน่น และให้มีการลงทะเบียนแจ้งการเดินทางล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อวางแผนการเดินทางและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่หนาแน่น เพื่อให้การจราจรเดินทางสะดวกขึ้น
อย่างไรก็ดี ตนในฐานะ ประธานกมธ.ปภ ก็ยังมีความกังวลในเรื่องการตั้งด่านตรวจจับยาเสพติดและด่านตรวจจับ เพราะที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนจากประชาชนภาคอีสานโดยเฉพาะด่าน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ้งเป็นด่านถาวร มีการตรวจค้นยาเสพติดกับรถที่เดินทางผ่านไปมา เป็นเหตุให้การจราจรติดขัดเลยมาและพบว่ามีการเรียกรับเงิน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ดำเนิการให้ชัดเจนโดยวางแผนการดำเนินการตั้งแต่วันนี้ ใช้สายข่าวและประสานงานร่วมกัน ตรวจจับรถต้องสงสัยเพื่อให้เกิดการล็อคเป้าหมายผู้ค้ายาที่แม่นยำ ไม่ใช่การตั้งด่านสุ่มตรวจ รถที่เดินทาง จนทำให้ประชาชนเดือนร้อนอย่างที่เป็นอยู่
“การวางแผนบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นหน้าที่ของ กมธ.ปภ. เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องเตรียมการล่วงหน้า และต้องโปร่งใส ไม่ใช่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชน” นายยุทธพงศ์กล่าว.