JJNY : ธุรกิจผวาเงินเฟ้อ│เพื่อไทยเตรียมเคาะชื่อแคนดิเดต│‘ชูวิทย์’ลั่นปะทะ‘ศักดิ์สยาม’│ทหารรัสเซียขาดแคลนอาวุธ ใช้พลั่ว

ตรวจแถว Q2 ‘บริโภค ส่งออก ลงทุน’ ธุรกิจผวาเงินเฟ้อ กัดเซาะ เศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/eco-report/news_3857619
  
 
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
 
ตรวจแถว Q2 ‘บริโภค ส่งออก ลงทุน’ ธุรกิจผวาเงินเฟ้อ กัดเซาะ เศรษฐกิจ
 
กําลังผ่านพ้นไตรมาสแรกปี 2566 เข้าสู่ไตรมาส 2 ที่มาพร้อมกับช่วงจัดการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในไทย ดังนั้น การเมืองไทยจะร้อนแรงไม่แพ้ความขัดเแย้งของสงครามภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นยืดเยื้อในขณะนี้ จึงใช้โอกาสนี้ตรวจแถวทิศทางการใช้จ่าย การบริโภค การลงทุน และการส่งออก เสาหลักขับเคลื่อนประเทศ เพื่อให้คนไทยและธุรกิจได้รู้เขารู้เราและรู้ว่าจะตั้งรับกันอย่างไร!

ขึ้นมาต้นปี 2566 ทุกภาคส่วนมองภาพสวย ความเชื่อมั่นดีขึ้น มุมมองต่อเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว หลังผ่อนคลายเต็มร้อยจากมาตรการคุมเข้มการระบาดของโควิด-19 กิจกรรมต่างๆ กลับมาทำได้อีกครั้ง ภาคการท่องเที่ยวฟื้นอีกครั้ง สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลักเข้ามาเที่ยวไทย เฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านคนแล้ว แต่เมื่อลงลึกเจาะถึงกลุ่มธุรกิจ ตอบในทิศทางเดียวกัน คือ ยังไม่เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง ทำให้ยังระมัดระวังและประหยัดมากที่สุด
 
สะท้อนได้จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา พบว่า น้อยกว่าคาดไว้ อย่างผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ไม่ได้สดใสเท่ากับที่คาดหวังไว้ และส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาดการณ์ด้วย ภาคส่งออกเดือนมกราคมยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นำเข้ามากขึ้น จนไทยขาดดุลการค้าทำสถิติ 10 ปี แต่ยังหายใจได้คล่องกับเงินบาทกลับมาอ่อนค่า มองกันถึงหลุด 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เงินลงทุนต่างชาติเน้นเข้าเร็วออกไว เพื่อเก็งกำไรมากกว่าลงทุนยาว!!
 
ที่หนักอกสุดในตอนนี้ คือ ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก ไม่ได้ลดลง ตรงกันข้ามหลายประเทศกลับเจอวิกฤตเงินเฟ้อพุ่งทำสถิติ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในยุโรป บางประเทศเจอเงินเฟ้อ 20% สหรัฐก็ทรงตัวระดับสูง เรื่องนี้หากปล่อยให้ยืดเยื้อเหมือนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ย่อมลามไปถึงการฟื้นตัวของการบริโภค ส่งออก และลงทุน
 
แล้วคนวงการธุรกิจมองอย่างไร!
 
⦁ ไทยสวนโลกคาดเงินเฟ้อเริ่มต่ำ
 
อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) มองว่า ปัจจัยเสี่ยงที่มีความกังวลต่อเรื่องภาวะเงินเฟ้อยังมี แต่ประเมินว่าเงินเฟ้อไทย มองทิศทางในไตรมาส 2/2566 จะปรับลดลงเทียบกับไตรมาส 1/2566 สาเหตุจากราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงเป็นหลัก โดยความกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ อาจเกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากฝั่งอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น หรือดีมานด์พลู ประเมินว่าอาจเห็นได้บ้าง แต่คงไม่ได้มากเหมือนที่คาดการณ์ไว้ เพราะเศรษฐกิจไทยยังค่อนข้างขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ และยังมีปัญหาเรื่องการกระจายตัวในระดับกลางลงระดับล่าง โดยคาดการณ์เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3% ลงมาอยู่ในกรอบของแบงก์ชาติที่ 1-3%
 
“ทำให้กำลังซื้อที่ยังพอมีอยู่และเติบโตได้ กระจุกตัวอยู่ในระดับกลางบน ถึงระดับบนขึ้นไปเป็นหลัก รวมถึงอยู่แค่ในจังหวัดหลักๆ ที่ได้รับความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวของทั้งคนไทยและต่างชาติสูงเท่านั้นด้วย จึงประเมินว่าการเกิดภาวะเงินเฟ้อในด้านอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นนั้น อาจเกิดได้บ้าง แต่ไม่ได้มากเท่าที่กังวลไว้”
 
⦁ รับมือปรากฏการณ์ขึ้นราคา
 
สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในช่วงถัดจากนี้ คือ การผลักภาระต้นทุนให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เพราะในปี 2565 แม้มีการปรับต้นทุนขึ้นในหลายสินค้าและบริการ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เพียงพอกับต้นทุนที่ขึ้นมา เชื่อว่าผู้ประกอบการยังอั้นการขึ้นราคาไว้อยู่ โดยประเมินว่าจะเห็นการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการมากขึ้นในปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 นี้แบบคึกคักมากขึ้น
 
สำหรับความกังวลเงินเฟ้อยุโรปและสหรัฐที่อาจพุ่งแรงขึ้น ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยนั้น มองว่าแม้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องนั้น แต่ภาพเศรษฐกิจที่ประเมินว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่กังวลกัน ทำให้ช่องว่างการเติบโตของอัตราค่าจ้างงาน ยังเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของคนไทย ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคการท่องเที่ยวนั้น ประเมินว่าไม่น่าจะโดนกระทบ เพราะเป็นเรื่องของการเปิดประเทศท่องเที่ยว ทำให้คนที่อัดอั้นต้องการออกเดินทางเที่ยวมากอยู่ สะท้อนจากเม็ดเงินในฝั่งยุโรปที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามปัญหาซัพพลาย อาทิ จำนวนเที่ยวบินไม่เพียงพอกับความต้องการแทน

⦁ ห่วงส่งออกทรุดฉุดอารมณ์เที่ยว
 
ด้านที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือ ภาคการส่งออก เพราะปัจจุบันเราเห็นตัวเลขการส่งออกในหลายตลาดหลัก อาทิ เอเชีย ยังติดลบอยู่ในหลากหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าส่งออกหลักทั้งนั้น อย่างชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาจเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจให้เติบโตช้าได้ผ่านการส่งออกที่มีแนวโน้มติดลบในระยะสั้นนี้ แต่ไม่ได้กระทบกับภาคการบริโภค เพราะมองว่าจะฟื้นตัวได้จากภาคการท่องเที่ยว ที่มีรายได้กระจายตัวมากขึ้น ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น บวกกับไตรมาส 2 มีความพิเศษในเรื่องของการเลือกตั้งด้วย เพราะปัญหาของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ อยู่ในระดับล่างเป็นหลัก อาทิ ภาคการเกษตรที่ยังมีรายได้น้อย ธุรกิจเอสเอ็มอีไม่คึกคักมากนัก

⦁ หวังเงินเลือกตั้งสะพัดสู่ฐานราก
 
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 นี้ น่าจะช่วยดันการใช้จ่ายให้เพิ่มมากขึ้นได้ แต่เป็นระยะสั้น ไม่ได้เป็นตัวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวมแต่ก็จะเห็นการกระจายตัวมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจไทยปัญหาที่มีตอนนี้อยู่ในด้านของการกระจายตัวเป็นหลัก แม้อาจกระจุกตัวในอุตสาหกรรมหลักที่จะฟื้นตัว อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร กลุ่มท่องเที่ยวที่ยืนเด่นๆ เท่านั้น คงต้องหวังให้มีกิจกรรมหรือมาตรการอะไรออกมาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในระดับล่างเพิ่มขึ้น หรือดันภาคการท่องเที่ยวให้เป็นตัวฟื้นเศรษฐกิจได้จริง เพราะปัญหาตอนนี้อยู่ที่ภาคการส่งออกที่ยังแผ่วอยู่ เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจโลกก็ยังมีแนวโน้มชะลอตัว
 
การทยอยประกาศนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง ที่เริ่มเดินหน้าหาเสียงกันอย่างต่อเนื่องนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ว่าจะสามารถตอบโจทย์กับทิศทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ตามที่ประเมินไว้ โดยมองเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.นโยบายการให้เงินช่วยเหลือ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังดำเนินต่อไป 2.การปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำ ที่อาจช่วยเพิ่มกำลังซื้อระดับล่างได้ แต่ก็ต้องดูว่าจะกระทบกับภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีหรือไม่ และ 3.โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะดำเนินต่อไปหรือไม่ เพราะนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ให้ความสนใจในประเด็นนี้ ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเดินหน้าอย่างไร ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนยังชะลอการลงทุนใหม่ เพื่อรอดูนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ก่อน

⦁ ธุรกิจบริการผวาเงินเฟ้อระอุ
 
ขณะที่ ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา ระบุว่า ปัจจัยท้าทายที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในปี 2566 หลักๆ เป็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อ และการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยช่วงไตรมาส 1/2566 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นนั้น จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มยุโรปและสหรัฐ เข้ามาติด 5 อันดับแรกแต่ในช่วงถัดจากนี้จะชะลอตัวลง แม้จะมีประเทศเอเชียเข้ามาทดแทน อาทิ เกาหลีใต้ อินเดีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่เนื่องจากวันพำนักในไทยน้อย เทียบกับยุโรป สหรัฐ ที่เฉลี่ยจะพักประมาณ 10 วัน โดยเราหวังว่าอุปสรรคเหล่านี้จะใช้เวลาในการคลายตัวอย่างน้อย 1 ปีต่อจากนี้
 
การเงินและการบริการ ถือเป็น 2 ธุรกิจ มักได้รับผลกระทบก่อนเพื่อน เมื่อมาสะกิดพิษเงินเฟ้อ ก็ควรฟังไว้
 


เพื่อไทย เตรียมเคาะชื่อแคนดิเดตนายกฯ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_511615/
   
เพื่อไทย เตรียมเคาะชื่อแคนดิเดตนายกฯ ด้านหมอชลน่าน บอกมีมากกว่า 3 ชื่อ รับ กกต.แบ่งเขตใหม่ ทำจังหวัดเป้าหมายลด ปัดตอบยุบสภาเมื่อไหร่ สมศักดิ์ เตรียมย้ายซบหรือไม่
 
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ให้ประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ว่า ขณะนี้กำลังเตรียมเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนของพรรคต่อคณะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯมากกว่า 3 รายชื่อ จึงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะเรียงลำดับอย่างไร โดยคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาใกล้ช่วงที่จะมีการยุบสภา
 
ส่วนมีชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฟังเสียงจากประชาชน แนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น
 
ส่วนประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ทำให้พื้นที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยลดลง และไปเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทนนั้น นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า พื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยมีความเข้มแข็ง คือในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เกิดผลกระทบ และมีการไปเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทน เมื่อดูผลตอบรับพบว่าพรรคเพื่อไทยมีกระแสเพิ่มขึ้นไม่ว่าภาคไหนก็ตาม ดังนั้นจึงมีโอกาสอยู่
 
ส่วนจะมีปัญหาเรื่องของการวางตัวผู้สมัครหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า จริงๆในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลง ได้มีการจัดตัวผู้สมัครไว้ครบหมดแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนในการรับฟังความเห็น และประกาศชื่อกับคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น หากมีผลกระทบก็จะไปดูว่าผู้สมัครและว่าที่ผู้สมัครของพรรคมีความรู้ ความสามารถที่เหมาะสมทุกเขต หากพื้นที่ไหนหายไปไม่มีเขตเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะให้ขึ้นบัญชีรายชื่อ
 
ส่วนก่อนที่จะมีการยุบสภา จะมีบ้านใหญ่หรือบิ๊กเนม เปิดตัวเข้าพรรคเพิ่มหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราจะเปิดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการประกาศยุบสภา
 
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ จะมาเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยด้วยนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ต้องรอการตัดสินใจ แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุม แต่อายุสภาฯยังอยู่ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์หน้า ซึ่งก็น่าจะเห็นทั้งหมด
 
เมื่อถามย้ำว่านายสมศักดิ์ มีโอกาสมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ต้องรอฟังและรอดู คณะกรรมการบริหารพรรค ไม่สามารถประกาศอะไรได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่