สรุปข้อมูลจาก 2 คลิป ในรายการ Business Watch วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ตามใน spoil
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าเงินผันผวนฉุดส่งออกข้าวต้นปีสะดุด! | BUSINESS WATCH | 24-02-66
https://www.youtube.com/watch?v=ZhNm4S-HeGk
จับตาผลผลิตข้าว-การบริโภคทั่วโลกวูบ! | BUSINESS WATCH | 24-02-66
https://www.youtube.com/watch?v=jhT0F9x0sdI
อันดับส่งออกข้าวโลกปี 2565
หลังจากที่อันดับการส่งออกข้าวของไทยร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 แต่ในปี 2565 ไทยก็แซงขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ได้สำเร็จ แต่ปริมาณส่งออกยังห่างจากอันดับ 1 เยอะมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้นทุนการปลุกข้าว
ในอดีตเราเคยเป็นแชมป์ในการส่งออกข้าว แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนการในผลิตข้าวของเราสูงและตลาดส่งออกก็หดตัวลงใส่ข้อความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มีเสถียรภาพส่งผลกระทบต่อการส่งออก
ปกติเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะมีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามาเยอะ เพราะส่วนใหญ่ต่างชาติต้องการข้าวในช่วงต้นฤดูกาล แต่ปีนี้ไม่เยอะเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งอาจเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
เวลาที่เงินบาทแข็งค่าเร็ว จะทำให้การตั้งราคาค่อนข้างยาก ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเลยไม่กล้ารับคำสั่งซื้อเพราะกลัวว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนบางรายที่ยังรับคำสั่งซื้ออยู่อาจจะตั้งราคาให้สูงขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน พอตั้งราคาสูงขึ้น ก็แข่งราคากับข้าวอินเดียได้ยากขึ้น ผู้ส่งออกอยากให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพเพราะมันมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ผู้ส่งออกไม่อยากให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไปหรืออ่อนเกินไป อัตราแลกเปลี่ยนควรจะอยู่ตรงกลางซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่ผู้ส่งออกพอใจและอยากเสนอต่อภาครัฐคืออยากจะเห็นที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การพัฒนาพันธุ์ข้าว
สิ่งที่อยากเห็นจากรัฐบาลใหม่คือนโยบายที่ไม่บิดเบือนกลไกตลาด ไม่กำหนดราคาข้าวแบบไม่สมเหตุสมผล ภาคเอกชนไม่ติดใจถ้าภาครัฐจะใช้นโยบายประชานิยมดูแลเกษตรกรแต่ขอให้ดูให้รอบคอบ และที่สำคัญ อยากให้พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่อย่างจริงจังเพราะประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามได้พัฒนาพันธุ์ข้าวไปไกลมาก ส่วนการพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย พูดกันมานานพอสมควร ยังเดินหน้าได้ไม่เต็มที่และไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ความเห็นจากภาคเอกชน
การเมืองมีผลต่อการส่งออกข้าว หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาทำเรื่องบิดเบือนกลไกราคาตลาดก็จะยิ่งเกิดปัญหาแน่นอน ดังนั้นรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาควรไปทำเรื่องส่งเสริมเกษตรกรอย่างอื่นจะดีกว่า เช่น การประกันรายได้ข้าว สินเชื่อเกษตรกร หรือโครงการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือบิดเบือนกลไกตลาดหรือราคาข้าวมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น โครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000-20,000 บาทต่อตัน รัฐบาลไปบิดเบือนกลไกราคา พอซื้อข้าวในราคาที่สูง ก็ต้องขายข้าวต่อในราคาที่สูงซึ่งเอกชนซื้อข้าวเพื่อส่งออกก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ต่อไปการทำโครงการประชานิยมก็ต้องคิดเรื่องกำไรขาดทุนด้วยเพราะมันคือเงินภาษีของประชาชน
ข้าวอินทรีย์ ความหวังใหม่?
เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง ภาครัฐและเอกชนจึงต้องไปแข่งด้านคุณภาพแทน ทางกระทรวงพาณิชย์จึงเร่งเดินหน้าผลักดันการส่งออกข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ ล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลก อย่างงาน BIOFACH 2023 (งานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดเป็นประจำทุกปีที่เยอรมนี) เพื่อจัดกิจกรรม โปรโมท ประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทย ทางกรมฯ จัดนิทรรศการให้ความรู้และจัดแสดงตัวอย่างข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ทางกรมฯ ได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงสินค้าตัวอย่าง เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ ขนมอบกรอบจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น
ตลาดสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่ใหญ่ที่สุด เพราะกลุ่มผู้บริโภคในยุโรปให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน ให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และแนวโน้มก็เดิบโตอย่างต่อเนื่อง สหภาพยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 40
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตลาดตะวันออกกลาง
กรมการค้าต่างประเทศ ขน/นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยร่วมงาน Gulfood (งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์) โดยให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทยแก่ผู้เข้าชมงาน ต้องถือว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยเช่นเดียวกัน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 26 ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด สำหรับประเทศในตะวันออกกลางที่เราส่งออกข้าวมากที่สุด ได้แก่ อิรัก เยเมน ยูเออี อิสราเอล ตุรกีและโอมาน ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมาเป็นข้าวหอมมะลิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การอุดหนุนเกษตรกร
การอุดหนุนชาวนาผ่านมาตรการประกันรายได้และมาตรการช่วยเหลือตันทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาทต่อปี สิ่งที่อาจส่งผลในระยะยาวคือเรื่องของคุณภาพและผลผลิตข้าวต่อไร่ลดลง ทำให้การแข่งขันในตลาดโลกลำบากขึ้นเพราะต้นทุนที่สูง มาตรการนี้เป็นเบาะรองให้กับชาวนาคืออาจจะไม่ต้องพัฒนาการปลูกข้าวแล้วมั้ยหรือพันธุ์ข้าวที่ได้ผลผลิตมากขึ้น การยิ่งอุดหนุนผลผลิตและคุณภาพข้าวที่ลดลงก็จะทำให้ไทยทวงแชมป์ส่งออกข่าวยิ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ
อนาคตข้าวไทย???
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันดับส่งออกข้าวโลกปี 2565
หลังจากที่อันดับการส่งออกข้าวของไทยร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 แต่ในปี 2565 ไทยก็แซงขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ได้สำเร็จ แต่ปริมาณส่งออกยังห่างจากอันดับ 1 เยอะมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้นทุนการปลุกข้าว
ในอดีตเราเคยเป็นแชมป์ในการส่งออกข้าว แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนการในผลิตข้าวของเราสูงและตลาดส่งออกก็หดตัวลงใส่ข้อความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มีเสถียรภาพส่งผลกระทบต่อการส่งออก
ปกติเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะมีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามาเยอะ เพราะส่วนใหญ่ต่างชาติต้องการข้าวในช่วงต้นฤดูกาล แต่ปีนี้ไม่เยอะเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งอาจเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
เวลาที่เงินบาทแข็งค่าเร็ว จะทำให้การตั้งราคาค่อนข้างยาก ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเลยไม่กล้ารับคำสั่งซื้อเพราะกลัวว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนบางรายที่ยังรับคำสั่งซื้ออยู่อาจจะตั้งราคาให้สูงขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน พอตั้งราคาสูงขึ้น ก็แข่งราคากับข้าวอินเดียได้ยากขึ้น ผู้ส่งออกอยากให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพเพราะมันมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ผู้ส่งออกไม่อยากให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไปหรืออ่อนเกินไป อัตราแลกเปลี่ยนควรจะอยู่ตรงกลางซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่ผู้ส่งออกพอใจและอยากเสนอต่อภาครัฐคืออยากจะเห็นที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การพัฒนาพันธุ์ข้าว
สิ่งที่อยากเห็นจากรัฐบาลใหม่คือนโยบายที่ไม่บิดเบือนกลไกตลาด ไม่กำหนดราคาข้าวแบบไม่สมเหตุสมผล ภาคเอกชนไม่ติดใจถ้าภาครัฐจะใช้นโยบายประชานิยมดูแลเกษตรกรแต่ขอให้ดูให้รอบคอบ และที่สำคัญ อยากให้พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่อย่างจริงจังเพราะประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามได้พัฒนาพันธุ์ข้าวไปไกลมาก ส่วนการพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย พูดกันมานานพอสมควร ยังเดินหน้าได้ไม่เต็มที่และไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ความเห็นจากภาคเอกชน
การเมืองมีผลต่อการส่งออกข้าว หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาทำเรื่องบิดเบือนกลไกราคาตลาดก็จะยิ่งเกิดปัญหาแน่นอน ดังนั้นรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาควรไปทำเรื่องส่งเสริมเกษตรกรอย่างอื่นจะดีกว่า เช่น การประกันรายได้ข้าว สินเชื่อเกษตรกร หรือโครงการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือบิดเบือนกลไกตลาดหรือราคาข้าวมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น โครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000-20,000 บาทต่อตัน รัฐบาลไปบิดเบือนกลไกราคา พอซื้อข้าวในราคาที่สูง ก็ต้องขายข้าวต่อในราคาที่สูงซึ่งเอกชนซื้อข้าวเพื่อส่งออกก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ต่อไปการทำโครงการประชานิยมก็ต้องคิดเรื่องกำไรขาดทุนด้วยเพราะมันคือเงินภาษีของประชาชน
ข้าวอินทรีย์ ความหวังใหม่?
เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง ภาครัฐและเอกชนจึงต้องไปแข่งด้านคุณภาพแทน ทางกระทรวงพาณิชย์จึงเร่งเดินหน้าผลักดันการส่งออกข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ ล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลก อย่างงาน BIOFACH 2023 (งานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดเป็นประจำทุกปีที่เยอรมนี) เพื่อจัดกิจกรรม โปรโมท ประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทย ทางกรมฯ จัดนิทรรศการให้ความรู้และจัดแสดงตัวอย่างข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ทางกรมฯ ได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงสินค้าตัวอย่าง เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ ขนมอบกรอบจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น
ตลาดสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่ใหญ่ที่สุด เพราะกลุ่มผู้บริโภคในยุโรปให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน ให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และแนวโน้มก็เดิบโตอย่างต่อเนื่อง สหภาพยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 40
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตลาดตะวันออกกลาง
กรมการค้าต่างประเทศ ขน/นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยร่วมงาน Gulfood (งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์) โดยให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทยแก่ผู้เข้าชมงาน ต้องถือว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยเช่นเดียวกัน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 26 ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด สำหรับประเทศในตะวันออกกลางที่เราส่งออกข้าวมากที่สุด ได้แก่ อิรัก เยเมน ยูเออี อิสราเอล ตุรกีและโอมาน ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมาเป็นข้าวหอมมะลิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การอุดหนุนเกษตรกร
การอุดหนุนชาวนาผ่านมาตรการประกันรายได้และมาตรการช่วยเหลือตันทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาทต่อปี สิ่งที่อาจส่งผลในระยะยาวคือเรื่องของคุณภาพและผลผลิตข้าวต่อไร่ลดลง ทำให้การแข่งขันในตลาดโลกลำบากขึ้นเพราะต้นทุนที่สูง มาตรการนี้เป็นเบาะรองให้กับชาวนาคืออาจจะไม่ต้องพัฒนาการปลูกข้าวแล้วมั้ยหรือพันธุ์ข้าวที่ได้ผลผลิตมากขึ้น การยิ่งอุดหนุนผลผลิตและคุณภาพข้าวที่ลดลงก็จะทำให้ไทยทวงแชมป์ส่งออกข่าวยิ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ