ครอบครัว "รัตนพันธ์" ร้องสื่อผู้บริหาร SC ASSET หลอกลวง ฉ้อฉลเงินผู้ถือหุ้น
วันนี้ ( 2 มี.ค. 66) ครอบครัว “รัตนพันธ์” นำโดย ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ พร้อม นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ และ นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ ในฐานะบุตรชาย บุตรสาว ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง ขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบความสุจริต และโปร่งใสในพฤติการณ์การดำเนินธุรกิจของ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ครอบครัวต้องได้รับผลกระทบจากมูลหนี้จากการธุรกรรมร่วมกันจำนวนมหาศาล พร้อมแสดงหลักฐาน กรณี นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET มีพฤติกรรมที่สื่อไปในการเป็นความผิดต่อการบริหารบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ณ ห้องกมลพร โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ กล่าวว่า บิดาของตนเองประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ปี 2532 โดยเป็นกรรมการผู้จัดการและเจ้าของบริษัทพัฒนาที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยและขาย อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวพร้อมสระว่ายน้ำ ติดถนนใหญ่เลียบวงแหวนเสรีไทย-รามอินทรา ฯลฯ รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ มูลนิธิรักษ์แผ่นดินไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตั่งแต่เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และเป็นประธานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อนำประดิษฐาน 101 วัด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตามโครงการรวมพลังศรัทธาไทย…ใต้ร่มเย็น
ก่อนที่มาจะ มาเดือดร้อนต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน เนื่องจาก บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย ฉบับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 และเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนไทย หมู่เลขที่ 222, 666 และ 888 ติดถนนใหญ่ มีเนื้อที่เกือบ 5 ไร่ โดยครอบครัวได้พักอาศัยอยู่กันมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี และถ้ารวมกับที่ดินของเจ้าของอื่นบริเวณที่ติดกันแล้วจะมีเนื้อที่กว่า 34 ไร่ โดยมีท้ายที่ดินติดกับบ้านคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์
ดร.ศรายุทธ เล่าเพิ้มเติมว่า ตนเองเสนอขายที่ดินจำนวนกว่า 34 ไร่ ที่สามารถรวบรวมได้ให้กับคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ หรือ ชินวัตร ผ่านทางนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความครอบครัวชินวัตร แต่จากนั้นไม่นานคุณหญิงพจมาน มอบหมายให้เลขาฯโทรมาแจ้งว่าที่ดินบริเวณบ้านมีเพียงพอแล้ว แต่จะส่งข้อเสนอดังกล่าวให้ SC ASSET เข้ามาประสานติดต่อซื้อขายเพื่อทำโครงจัดสรร แทน
หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ของ SC ASSET ได้เข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินตามที่คุณหญิงพจมานแจ้งไว้ และมีการลงนามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดิน บริเวณโครงการถนนเลียบวงแหวนรัชดา-รามอินทรา ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งในวันพูดคุยทำบันทึกข้อตกลง ตนเองยังได้มอบสิ่งสักการะที่ระลึก เนื่องในวันเกิดและอวยพรวันขึ้นปีใหม่ 2560 ให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะอดีตซีอีโอ SC ASSET อีกด้วย เนื่องจากในช่วงการลงนามที่เป็นลายลักษณ์อักษรกับคณะเจ้าหน้าที่ SC ASSET ได้มีโอกาสพูดคุยกับทีมบริหารและนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้ยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อใจต่อกัน
อย่างไรก็ตามขณะนั้น เนื่องจากที่ดินแปลงที่ตนเองถือครองอยู่ มีคดีอยู่ในศาลกับนายทุนเงินกู้ ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา เลยตัดสินใจไปถอนฟ้องคดีอาญาและเร่งทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลกับกลุ่มนายทุน เพื่อนำที่ดินมาโอนให้ SC ASSET ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขบันทึกข้อตกลง แต่เมื่อใกล้ครบกำหนดเวลาตามบันทึกข้อตกลง ปรากฎว่า SC ASSET กลับเปลี่ยนแปลงข้อตกลง โดยการแจ้งยกเลิกซื้อที่ดินแปลงบ่อกว่า 20 ไร่ และเริ่มแสดงความไม่แน่นอนในการซื้อที่ดินตามบันทึกทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เป็นสาระสำคัญหลัก ในการทำบันทึกข้อตกลง
นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหาร SC ASSET แสดงพฤติการณ์ให้เชื่อว่ามีการวางแผนโยกโย้ ให้หมดระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลง ส่วนเหตุและแรงจูงใจที่ SC ASSET เลือกไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง เป็นเพราะ SC ASSET ได้โยกย้ายนำเงินทุนสำหรับการซื้อที่ดินตนเอง ไปซื้อที่ดินแปลงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าและราคาถูกกว่าในบริเวณใกล้เคียงกัน จนเป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ทั้ง ๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าถ้า คุณหญิงพจมานไม่ให้ SC ASSET เข้ามาขอซื้อที่ดิน และ SC ASSET ดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลและโปร่งใส ครอบครัวรัตนพันธ์ก็คงไม่ต้องเสียบ้าน ที่ดินและต้องบ้านแตกสาแหรกขาดมาจนถึงทุกวันนี้
“ด้วยความที่คุณพ่อมั่นใจมากๆ โดยทั้งก่อนและหลังการลงนามตามบันทึกข้อตกลง คนที่ให้เข้ามาซื้อคือคุณหญิงพจมาน คนที่คุณพ่อไปพบที่บริษัท ก็คืออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้เป็นการพบกันแค่ครั้งเดียว โดยมีการพบกันหลายครั้ง เพื่อคุยรายละเอียด ในวันเกิด วันปีใหม่ และหลังจากนั้นการที่ SC เข้ามายืนยันที่จะซื้อ ทำให้คุณพ่อต้องไปจัดการในเรื่องราวหลายๆอย่างเพื่อนำที่ดินมาให้บริษัท แต่กลับกลายเป็นบริษัทไม่ยอมซื้อที่ดินตามบันทึกข้อตกลง เพราะหันไปเอาที่ดินที่ได้กำไรมากกว่าในแปลงบริเวณใกล้เคียง ทำให้บ้านเราเกิดความเสียหาย เราต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน มูลค่า 200 กว่าล้านไป ซึ่งคุณพ่อทำหนังสือถึงผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ติดตามมาโดยตลอดให้รับผิดชอบ ซึ่งบริษัทได้ส่งหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เลขาบริษัทมา แต่เราไม่เคยได้รับการรับผิดชอบอย่างจริงใจเลย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2559 – 2560 คุณพ่อทำหนังสือเป็น 100 ฉบับ ส่งให้ผู้บริหาร SC ทั้ง CEO ลูกเขยทักษิณ , คุณอุ๊งอิ๊ง , คุณเอม ,คุณหญิงพจมาน แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง”
ส่วนรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางสมาชิกครอบครัวรัตนพันธ์ กล่าวว่า “มีทั้งการสูญเสียบ้านและที่ดินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ตามบันทึกข้อตกลงที่ SC ASSET ทำร่วมกับ ดร.ศรายุทธ ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 โดยหลังจากเสียบ้านและที่ดินไป ครอบครัวรัตนพันธ์ก็บ้านแตกสาแหรกขาด ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันหาที่เช่าอยู่ ขาดรายได้ และไม่มีแม้กระทั่งเงินจะส่งลูกชายเรียนต่อระดับชั้นมหาวิทยาลัย ครอบครัวได้ติดตามให้ SC ASSET รับผิดชอบโดยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด จากการทำหนังสือลงทะเบียนตอบรับเป็นทางการ ถึงผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกว่า 100 ฉบับ แต่ SC ASSET เลือกให้ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายมาเจรจา โดยไม่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังต่อครอบครัว”
นางสาว ฐานิดา ระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตามครอบครัวได้ติดตามจนเจอตัว นายณัฐพงศ์ ซีอีโอของ SC ASSET ในงานแถลงข่าว SC Reinvention 2020 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 และได้มีการพูดคุยเบื้องต้น โดย ดร.ศรายุทธ กล่าวกับนายณัฐพงศ์ว่า “ถ้าผมไม่ถูกต้อง แม้แต่บาทเดียวผมก็ไม่เอา”
ขณะที่อีกฝ่ายกล่าวตอบ “มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของบริษัท ผมไม่ได้เอาเงินส่วนตัวมาซื้อที่ดินคุณนะ” จึงได้มีการนัดวันเพื่อเจรจาร่วมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมมีการแสดงเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ทั้งบอร์ด ชาร์ต Timeline และคลิปหลักฐานต่างๆ เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยมีการประชุมร่วมกันทั้งหมด 3 ครั้ง ณ ตึกชินวัตร ทาวเวอร์ 3 อาคารเลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เริ่มจากครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 , ครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 มีนาคม 2561 และครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561
นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ ระบุ “ข้อสรุปจากการประชุมทั้ง 3 ครั้ง นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ CEO และนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ CCO ให้คำมั่นเรื่องการจ่ายเงินชดเชยค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น โดย CEO ขอให้คุณพ่อและลัดฟ้ารวบรวมที่ดินให้อีกครั้ง คุณพ่อบอกว่าถ้าจะให้ไปทำงานใหม่จะรับปากไม่ได้ เพราะที่ดินตกเป็นของผู้อื่นไปแล้ว ดังนั้นต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกมาก่อน 100 ล้านบาท จนมีการต่อรองกันสรุปเบื้องต้นที่ 20 ล้านบาท เพื่อเร่งเยียวยาครอบครัว หลังจากทุกคนต้องกระจัดกระจายแยกย้ายกันอยู่ ไม่มีเงินเรียนต่อ ถือเป็นทุกข์ยากลำบากที่สุดในช่วงหนึ่งของการดำเนินชีวิต”
แหล่งข่าว.
https://www.topnews.co.th/news/612936
ครอบครัว “รัตนพันธ์” ร้องสื่อผู้บริหาร SC ASSET หลอกลวง ฉ้อฉลเงินผู้ถือหุ้น
วันนี้ ( 2 มี.ค. 66) ครอบครัว “รัตนพันธ์” นำโดย ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ พร้อม นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ และ นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ ในฐานะบุตรชาย บุตรสาว ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง ขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบความสุจริต และโปร่งใสในพฤติการณ์การดำเนินธุรกิจของ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ครอบครัวต้องได้รับผลกระทบจากมูลหนี้จากการธุรกรรมร่วมกันจำนวนมหาศาล พร้อมแสดงหลักฐาน กรณี นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET มีพฤติกรรมที่สื่อไปในการเป็นความผิดต่อการบริหารบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ณ ห้องกมลพร โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ กล่าวว่า บิดาของตนเองประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ปี 2532 โดยเป็นกรรมการผู้จัดการและเจ้าของบริษัทพัฒนาที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยและขาย อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวพร้อมสระว่ายน้ำ ติดถนนใหญ่เลียบวงแหวนเสรีไทย-รามอินทรา ฯลฯ รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ มูลนิธิรักษ์แผ่นดินไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตั่งแต่เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และเป็นประธานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อนำประดิษฐาน 101 วัด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตามโครงการรวมพลังศรัทธาไทย…ใต้ร่มเย็น
ก่อนที่มาจะ มาเดือดร้อนต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน เนื่องจาก บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย ฉบับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 และเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนไทย หมู่เลขที่ 222, 666 และ 888 ติดถนนใหญ่ มีเนื้อที่เกือบ 5 ไร่ โดยครอบครัวได้พักอาศัยอยู่กันมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี และถ้ารวมกับที่ดินของเจ้าของอื่นบริเวณที่ติดกันแล้วจะมีเนื้อที่กว่า 34 ไร่ โดยมีท้ายที่ดินติดกับบ้านคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์
ดร.ศรายุทธ เล่าเพิ้มเติมว่า ตนเองเสนอขายที่ดินจำนวนกว่า 34 ไร่ ที่สามารถรวบรวมได้ให้กับคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ หรือ ชินวัตร ผ่านทางนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความครอบครัวชินวัตร แต่จากนั้นไม่นานคุณหญิงพจมาน มอบหมายให้เลขาฯโทรมาแจ้งว่าที่ดินบริเวณบ้านมีเพียงพอแล้ว แต่จะส่งข้อเสนอดังกล่าวให้ SC ASSET เข้ามาประสานติดต่อซื้อขายเพื่อทำโครงจัดสรร แทน
หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ของ SC ASSET ได้เข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินตามที่คุณหญิงพจมานแจ้งไว้ และมีการลงนามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดิน บริเวณโครงการถนนเลียบวงแหวนรัชดา-รามอินทรา ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งในวันพูดคุยทำบันทึกข้อตกลง ตนเองยังได้มอบสิ่งสักการะที่ระลึก เนื่องในวันเกิดและอวยพรวันขึ้นปีใหม่ 2560 ให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะอดีตซีอีโอ SC ASSET อีกด้วย เนื่องจากในช่วงการลงนามที่เป็นลายลักษณ์อักษรกับคณะเจ้าหน้าที่ SC ASSET ได้มีโอกาสพูดคุยกับทีมบริหารและนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้ยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อใจต่อกัน
อย่างไรก็ตามขณะนั้น เนื่องจากที่ดินแปลงที่ตนเองถือครองอยู่ มีคดีอยู่ในศาลกับนายทุนเงินกู้ ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา เลยตัดสินใจไปถอนฟ้องคดีอาญาและเร่งทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลกับกลุ่มนายทุน เพื่อนำที่ดินมาโอนให้ SC ASSET ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขบันทึกข้อตกลง แต่เมื่อใกล้ครบกำหนดเวลาตามบันทึกข้อตกลง ปรากฎว่า SC ASSET กลับเปลี่ยนแปลงข้อตกลง โดยการแจ้งยกเลิกซื้อที่ดินแปลงบ่อกว่า 20 ไร่ และเริ่มแสดงความไม่แน่นอนในการซื้อที่ดินตามบันทึกทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เป็นสาระสำคัญหลัก ในการทำบันทึกข้อตกลง
นางสาว ฐานิดา รัตนพันธ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหาร SC ASSET แสดงพฤติการณ์ให้เชื่อว่ามีการวางแผนโยกโย้ ให้หมดระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลง ส่วนเหตุและแรงจูงใจที่ SC ASSET เลือกไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง เป็นเพราะ SC ASSET ได้โยกย้ายนำเงินทุนสำหรับการซื้อที่ดินตนเอง ไปซื้อที่ดินแปลงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าและราคาถูกกว่าในบริเวณใกล้เคียงกัน จนเป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ทั้ง ๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าถ้า คุณหญิงพจมานไม่ให้ SC ASSET เข้ามาขอซื้อที่ดิน และ SC ASSET ดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลและโปร่งใส ครอบครัวรัตนพันธ์ก็คงไม่ต้องเสียบ้าน ที่ดินและต้องบ้านแตกสาแหรกขาดมาจนถึงทุกวันนี้
“ด้วยความที่คุณพ่อมั่นใจมากๆ โดยทั้งก่อนและหลังการลงนามตามบันทึกข้อตกลง คนที่ให้เข้ามาซื้อคือคุณหญิงพจมาน คนที่คุณพ่อไปพบที่บริษัท ก็คืออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้เป็นการพบกันแค่ครั้งเดียว โดยมีการพบกันหลายครั้ง เพื่อคุยรายละเอียด ในวันเกิด วันปีใหม่ และหลังจากนั้นการที่ SC เข้ามายืนยันที่จะซื้อ ทำให้คุณพ่อต้องไปจัดการในเรื่องราวหลายๆอย่างเพื่อนำที่ดินมาให้บริษัท แต่กลับกลายเป็นบริษัทไม่ยอมซื้อที่ดินตามบันทึกข้อตกลง เพราะหันไปเอาที่ดินที่ได้กำไรมากกว่าในแปลงบริเวณใกล้เคียง ทำให้บ้านเราเกิดความเสียหาย เราต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน มูลค่า 200 กว่าล้านไป ซึ่งคุณพ่อทำหนังสือถึงผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ติดตามมาโดยตลอดให้รับผิดชอบ ซึ่งบริษัทได้ส่งหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เลขาบริษัทมา แต่เราไม่เคยได้รับการรับผิดชอบอย่างจริงใจเลย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2559 – 2560 คุณพ่อทำหนังสือเป็น 100 ฉบับ ส่งให้ผู้บริหาร SC ทั้ง CEO ลูกเขยทักษิณ , คุณอุ๊งอิ๊ง , คุณเอม ,คุณหญิงพจมาน แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง”
ส่วนรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางสมาชิกครอบครัวรัตนพันธ์ กล่าวว่า “มีทั้งการสูญเสียบ้านและที่ดินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ตามบันทึกข้อตกลงที่ SC ASSET ทำร่วมกับ ดร.ศรายุทธ ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 โดยหลังจากเสียบ้านและที่ดินไป ครอบครัวรัตนพันธ์ก็บ้านแตกสาแหรกขาด ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันหาที่เช่าอยู่ ขาดรายได้ และไม่มีแม้กระทั่งเงินจะส่งลูกชายเรียนต่อระดับชั้นมหาวิทยาลัย ครอบครัวได้ติดตามให้ SC ASSET รับผิดชอบโดยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด จากการทำหนังสือลงทะเบียนตอบรับเป็นทางการ ถึงผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกว่า 100 ฉบับ แต่ SC ASSET เลือกให้ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายมาเจรจา โดยไม่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังต่อครอบครัว”
นางสาว ฐานิดา ระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตามครอบครัวได้ติดตามจนเจอตัว นายณัฐพงศ์ ซีอีโอของ SC ASSET ในงานแถลงข่าว SC Reinvention 2020 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 และได้มีการพูดคุยเบื้องต้น โดย ดร.ศรายุทธ กล่าวกับนายณัฐพงศ์ว่า “ถ้าผมไม่ถูกต้อง แม้แต่บาทเดียวผมก็ไม่เอา”
ขณะที่อีกฝ่ายกล่าวตอบ “มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของบริษัท ผมไม่ได้เอาเงินส่วนตัวมาซื้อที่ดินคุณนะ” จึงได้มีการนัดวันเพื่อเจรจาร่วมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมมีการแสดงเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ทั้งบอร์ด ชาร์ต Timeline และคลิปหลักฐานต่างๆ เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยมีการประชุมร่วมกันทั้งหมด 3 ครั้ง ณ ตึกชินวัตร ทาวเวอร์ 3 อาคารเลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เริ่มจากครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 , ครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 มีนาคม 2561 และครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561
นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ ระบุ “ข้อสรุปจากการประชุมทั้ง 3 ครั้ง นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ CEO และนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ CCO ให้คำมั่นเรื่องการจ่ายเงินชดเชยค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น โดย CEO ขอให้คุณพ่อและลัดฟ้ารวบรวมที่ดินให้อีกครั้ง คุณพ่อบอกว่าถ้าจะให้ไปทำงานใหม่จะรับปากไม่ได้ เพราะที่ดินตกเป็นของผู้อื่นไปแล้ว ดังนั้นต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกมาก่อน 100 ล้านบาท จนมีการต่อรองกันสรุปเบื้องต้นที่ 20 ล้านบาท เพื่อเร่งเยียวยาครอบครัว หลังจากทุกคนต้องกระจัดกระจายแยกย้ายกันอยู่ ไม่มีเงินเรียนต่อ ถือเป็นทุกข์ยากลำบากที่สุดในช่วงหนึ่งของการดำเนินชีวิต”
แหล่งข่าว. https://www.topnews.co.th/news/612936