เราจะเล่าเรื่องให้สั้นๆ ถ้าสงสัยอะไรสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ เราหมั้นกับแฟนแล้วด้วยเหตุที่ต้องมาทำงานกับแฟน เป็นธุรกิจของแม่เขา ครอบครัวเรามีฐานะธรรมดา ครอบครัวแฟนมีฐานะดีกว่าเรา เราเป็นคนเงียบๆ ที่แฟนบวชช้าเพราะติดโควิดมา 2 ปีเพิ่งได้บวชปีนี้ เราคบกันมาจะ 5 ปี แฟนเราเป็นคนนิสัยดีทุกอย่างช่วยเราทำงานทุกอย่างและไม่อยากให้เราเหนื่อย เรื่องทุกข์ใจในแต่ละวันมันก็มีค่ะ แรกๆเข้าบ้านเข้ามาใหม่ๆอะไรๆก็ดี เดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องล่าสุดแทนละกันนะคะเพื่อไม่ให้ยืดยาว
*กรณีแรก ช่างแต่งหน้าที่เขาจ้างมาให้เรา แต่งหน้าให้เราเหมือนลิงเลยค่ะ แล้วเขาเป็นพี่บ้านใกล้เคียงกัน เราเกรงใจเขาจึงไม่ได้ล้างหน้า และกลัวครอบครัวแฟนว่าเรื่องมาก เพราะเขาเคยว่าเราว่าเราเรื่องมากค่ะ ทั้งๆที่เราไม่เคยเรื่องมากมาก่อน เครื่องประดับที่ตั้งใจจะมาใส่ในงานวันบวชแฟน ก็ไม่ได้แตะแม้แต่น้อย เพราะเขาเร่งเราให้ไปในงานไวๆ เล่าไปก็ร้องไห้ไปค่ะ ความรู้สึกเราดิ่งมาก เป็นความผิดหวังที่ฝังใจมากที่สุดในชีวิต งานบวชแฟนมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ตัวเราเองกับหน้าอายน่าขำ แทนที่จะยืดอกและยืนอยู่ข้างแฟนส่งแฟนเข้าวัดได้อย่างไม่ต้องกังวล มีเรื่องซับซ้อนอีกค่ะแต่เราขอเล่าในกรณีแรกเท่านี้
*กรณีที่ 2 เราชวนแม่มางานบวชแน่นอนว่าแม่ต้องมาอยู่แล้วค่ะ แม่เรารักแฟนเรามาก เหมือนลูกชายแท้ๆของเขา
เราบอกแม่มาอาบน้ำที่นี่ก็ได้ ใส่เสื้อ(เปลี่ยนชุดมาเพื่อไม่ให้เขาดูแคลนแม่เรา)มางานแล้วค่อยมาอาบน้ำ เพราะแม่เราไปตัดอ้อยมา เราเลยไม่ได้ให้มาช่วยงานบวช เพราะแกหาเช้ากินค่ำก็เหนื่อย เงินเราแกก็ไม่เคยขอ เราให้ก็ไม่เอา ส่วนยายทางบ้านแฟนก็ชวนเพื่อนเขามางานบวช เพื่อนยายมีฐานะรวยเลย แม่กับพ่อใหม่เรากำลังเตรียมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ท่านพาเพื่อนมาพอดี ไล่ให้แม่เราไปอาบน้ำห้องล่าง แล้วให้เพื่อนเขาอาบห้องนี้ (ห้องน
นี้เคยมีแต่คราบหินปูเหลืองๆเต็มไปหมด เหมือนไม่เคยล้าง ปล่อยให้หินปูนเกาะ แต่เราเป็นคนขัดคนเซาะออก สะอาดเหมือนห้องน้ำใหม่เลย) แต่เพื่อนยายใจดีค่ะ เขาบอกไม่เป็นไรตลอด ใช้แม่เราหยิบน้ำมาให้เขาบ้างฯ
*กรณีที่ 3 เขาใช้เราล้างจาน เราบอกก่อนเลยเราช่วยล้าง เขาเองก็จ้างคนมาล้างจาน แต่คนล้างจานล้างไม่ไหวเราก็ช่วย วันแรกก็ช่วยล้างหม้อล้างจาน วันที่สองไม่ได้ล้างตอนเช้าเพราะทำเล็บมาครั้งแรกด้วย เพื่องานบวชแฟน เขาจะได้ชมแฟนเราว่านาคมีแฟนสวย แต่มันพังหมดตั้งแต่งานกลางคืนที่ช่างแต่งหน้าทำกับเรา พอแม่แฟนบอกให้ไปช่วยล้างหลังงานเราก็โอเค สวดมนต์ฉันเพลสุดท้าย แกก็หน้าบึ้งไปล้างกัน ชวยกันไปล้าง คนเราไม่ต้องบอกว่าโมโหเราเราก็รูสึกได้เลย แต่เราไปช่วยล้างนะ จนเสร็จ พออีกวัน หลังงานเลิก เขาก็เลี้ยงส่งท้ายกันแต่นาคเข้าวัดเป็นพระแล้ว แม่เขาใช้ดราล้างจานคนเดียว แล้วจานกองเท่าภูเขา เราไม่ได้สังสรรคด้วยนะ เราก็แอบน้อยใจ อย่างน้อยช่วยเราล้างก็ยังดี แกก็ทำท่าจะช่วย เราก็โอเค ไปๆมาๆยังไม่ทันช่วยเลยบอกให้เราล้างทั้งหมด แล้วเขาบอกจะไปหากระจาดมาให้ แกก็หามาจริงๆแต่แค่เดินไปยิบมาให้ ที่เหลือเราล้างคนเดียวค่ะ เหลือหม้อ เราเริ่มหงุดหงิดจะทิ้งหม้อไม่ล้างแล้ว ยายมาช่วยล้างค่ะ ยายคนนั้นแหล่ะค่ะเราก็เลยช่วยแก ถามว่าทำไมถึงช่วย เราเคยรักเขาเหมือนครอบครัวเราค่ะ
มีอีกเยอะเลยค่ะเล่าไม่ไหว ความรู้สึกเราดิ่งมาก เรารักครอบครัวแฟนนะ แต่พอนานเข้าเราเจ็บที่ใจมาก บ้านยังไม่ได้สร้าง ทำงานกับเขาอยู่บ้านเดียวกับเขา เราตีดสินใจจะกลับบ้านแล้วค่ะ แต่แม่เราบอกรอพระก่อนนะลูก สู้มาด้วยกันแล้ว เขาก็ไม่เคยทำผิดต่อหนูเลย เราถึงได้รอเวลาอย่างเดียว เคยจะหางานทำ แต่แฟนไม่อยากให้ไป กลัวเราเหนื่อย เราเป็นคนซื่อๆ ทำไมถึงรู้หรอกค่ะ? ตัวเราเองเรารู้จุดด่อยแน่นอน แฟนเราเองก็บอกเราซื่อ กลัวเขาใช้กลัวคนอื่นเอาเปรียบเรา แต่สำหรับตอนนี้เราดิ่งสุดๆ เราจะบอกพระตอนบวชเสร็จว่าเราจะไป เขาจะไปด้วยใหม เริ่มต้นกันใหม่ สมบัติเขาทุกประการเราไม่เอา แฟนเราถึงตกลงด้วย หลังบวชจะปรึกษากันอีกที แต่เราเหมือนจะเป็นซึมเศร้าเลยค่ะ เราร้องไห้ตั้งแต่วันงาน 4 ครั้ง แอบร้องคนเดียว แล้วตกเย็นก็จะร้องอีก บางทีรู้สึกคุมสติไม่อยู่ นึกย้อนไปตอนเด็กที่เคยรถคว่ำ กลับปรารถนาอยากตายตั้งแต่ตอนนั้น จะไม่จบแค่ตรงนั้น มันมีเรื่องมากมายค่ะ แต่เราเล่าไม่หมด ทรงผมเราบางที่เขาก็ว่าเราบอกไม่ชอบทรงนี้ สีผมนี้ไม่เข้ากับเบ้าหน้าเรา ว่าเรา เพราะแฟนเราไม่อยู่ ถ้าแฟนเราอยู่เขาเถียงให้เรา เขาปกป้องเรา แต่ที่เขาไม่ออกมาเพราะเขาต้องบวช เราเลยมาถึงจุดนี้ล่าสุด เรายังมีแรงสู้อยู่ค่ะ แต่เราจะไปหางานทำหลังพระบวชเสร็จ เราจะไม่ยื้มจมูกใครหายใจแล้ว ต่อให้เป็นแม่เขาก็ตาม รอบนี้เราสุดจริงๆ พระเองก็เข้าใจ เขาพึ่งยอมให้เราไป และไม่แน่ว่าเขาจะไปกับเรา หรือไม่ไป เราไม่ได้หวั่งว่าเขาจะต้องตามเรา แต่เราแค่อยากให้เขารู้ว่าเราสู้สุดทางแล้ว มันไม่ดีขึ้นเลย เงินอาจมีเรื่อยๆ แต่ความรู้สึกเราไม่ฏอเค สุขภาพจิตเราแย่ลง ใจลึกๆก็เป็นห่วงแฟน กลัวเขาเหนื่อยเพราะทำง านคนเดียว ไม่มีคนช่วย ถ้าเราออกมาทำงานข้างนอก ....ตอนนี้ความคิดยังขุ่นมัว สับสนวุ้นวายใจ ใครมีความคิดดีๆก็บอกกันได้นะ ขอบคุณที่อ่านความทุกข์ใจของเรา
แฟนเป็นคนดีแต่ครอบครัวแฟน....
*กรณีแรก ช่างแต่งหน้าที่เขาจ้างมาให้เรา แต่งหน้าให้เราเหมือนลิงเลยค่ะ แล้วเขาเป็นพี่บ้านใกล้เคียงกัน เราเกรงใจเขาจึงไม่ได้ล้างหน้า และกลัวครอบครัวแฟนว่าเรื่องมาก เพราะเขาเคยว่าเราว่าเราเรื่องมากค่ะ ทั้งๆที่เราไม่เคยเรื่องมากมาก่อน เครื่องประดับที่ตั้งใจจะมาใส่ในงานวันบวชแฟน ก็ไม่ได้แตะแม้แต่น้อย เพราะเขาเร่งเราให้ไปในงานไวๆ เล่าไปก็ร้องไห้ไปค่ะ ความรู้สึกเราดิ่งมาก เป็นความผิดหวังที่ฝังใจมากที่สุดในชีวิต งานบวชแฟนมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ตัวเราเองกับหน้าอายน่าขำ แทนที่จะยืดอกและยืนอยู่ข้างแฟนส่งแฟนเข้าวัดได้อย่างไม่ต้องกังวล มีเรื่องซับซ้อนอีกค่ะแต่เราขอเล่าในกรณีแรกเท่านี้
*กรณีที่ 2 เราชวนแม่มางานบวชแน่นอนว่าแม่ต้องมาอยู่แล้วค่ะ แม่เรารักแฟนเรามาก เหมือนลูกชายแท้ๆของเขา
เราบอกแม่มาอาบน้ำที่นี่ก็ได้ ใส่เสื้อ(เปลี่ยนชุดมาเพื่อไม่ให้เขาดูแคลนแม่เรา)มางานแล้วค่อยมาอาบน้ำ เพราะแม่เราไปตัดอ้อยมา เราเลยไม่ได้ให้มาช่วยงานบวช เพราะแกหาเช้ากินค่ำก็เหนื่อย เงินเราแกก็ไม่เคยขอ เราให้ก็ไม่เอา ส่วนยายทางบ้านแฟนก็ชวนเพื่อนเขามางานบวช เพื่อนยายมีฐานะรวยเลย แม่กับพ่อใหม่เรากำลังเตรียมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ท่านพาเพื่อนมาพอดี ไล่ให้แม่เราไปอาบน้ำห้องล่าง แล้วให้เพื่อนเขาอาบห้องนี้ (ห้องน
นี้เคยมีแต่คราบหินปูเหลืองๆเต็มไปหมด เหมือนไม่เคยล้าง ปล่อยให้หินปูนเกาะ แต่เราเป็นคนขัดคนเซาะออก สะอาดเหมือนห้องน้ำใหม่เลย) แต่เพื่อนยายใจดีค่ะ เขาบอกไม่เป็นไรตลอด ใช้แม่เราหยิบน้ำมาให้เขาบ้างฯ
*กรณีที่ 3 เขาใช้เราล้างจาน เราบอกก่อนเลยเราช่วยล้าง เขาเองก็จ้างคนมาล้างจาน แต่คนล้างจานล้างไม่ไหวเราก็ช่วย วันแรกก็ช่วยล้างหม้อล้างจาน วันที่สองไม่ได้ล้างตอนเช้าเพราะทำเล็บมาครั้งแรกด้วย เพื่องานบวชแฟน เขาจะได้ชมแฟนเราว่านาคมีแฟนสวย แต่มันพังหมดตั้งแต่งานกลางคืนที่ช่างแต่งหน้าทำกับเรา พอแม่แฟนบอกให้ไปช่วยล้างหลังงานเราก็โอเค สวดมนต์ฉันเพลสุดท้าย แกก็หน้าบึ้งไปล้างกัน ชวยกันไปล้าง คนเราไม่ต้องบอกว่าโมโหเราเราก็รูสึกได้เลย แต่เราไปช่วยล้างนะ จนเสร็จ พออีกวัน หลังงานเลิก เขาก็เลี้ยงส่งท้ายกันแต่นาคเข้าวัดเป็นพระแล้ว แม่เขาใช้ดราล้างจานคนเดียว แล้วจานกองเท่าภูเขา เราไม่ได้สังสรรคด้วยนะ เราก็แอบน้อยใจ อย่างน้อยช่วยเราล้างก็ยังดี แกก็ทำท่าจะช่วย เราก็โอเค ไปๆมาๆยังไม่ทันช่วยเลยบอกให้เราล้างทั้งหมด แล้วเขาบอกจะไปหากระจาดมาให้ แกก็หามาจริงๆแต่แค่เดินไปยิบมาให้ ที่เหลือเราล้างคนเดียวค่ะ เหลือหม้อ เราเริ่มหงุดหงิดจะทิ้งหม้อไม่ล้างแล้ว ยายมาช่วยล้างค่ะ ยายคนนั้นแหล่ะค่ะเราก็เลยช่วยแก ถามว่าทำไมถึงช่วย เราเคยรักเขาเหมือนครอบครัวเราค่ะ
มีอีกเยอะเลยค่ะเล่าไม่ไหว ความรู้สึกเราดิ่งมาก เรารักครอบครัวแฟนนะ แต่พอนานเข้าเราเจ็บที่ใจมาก บ้านยังไม่ได้สร้าง ทำงานกับเขาอยู่บ้านเดียวกับเขา เราตีดสินใจจะกลับบ้านแล้วค่ะ แต่แม่เราบอกรอพระก่อนนะลูก สู้มาด้วยกันแล้ว เขาก็ไม่เคยทำผิดต่อหนูเลย เราถึงได้รอเวลาอย่างเดียว เคยจะหางานทำ แต่แฟนไม่อยากให้ไป กลัวเราเหนื่อย เราเป็นคนซื่อๆ ทำไมถึงรู้หรอกค่ะ? ตัวเราเองเรารู้จุดด่อยแน่นอน แฟนเราเองก็บอกเราซื่อ กลัวเขาใช้กลัวคนอื่นเอาเปรียบเรา แต่สำหรับตอนนี้เราดิ่งสุดๆ เราจะบอกพระตอนบวชเสร็จว่าเราจะไป เขาจะไปด้วยใหม เริ่มต้นกันใหม่ สมบัติเขาทุกประการเราไม่เอา แฟนเราถึงตกลงด้วย หลังบวชจะปรึกษากันอีกที แต่เราเหมือนจะเป็นซึมเศร้าเลยค่ะ เราร้องไห้ตั้งแต่วันงาน 4 ครั้ง แอบร้องคนเดียว แล้วตกเย็นก็จะร้องอีก บางทีรู้สึกคุมสติไม่อยู่ นึกย้อนไปตอนเด็กที่เคยรถคว่ำ กลับปรารถนาอยากตายตั้งแต่ตอนนั้น จะไม่จบแค่ตรงนั้น มันมีเรื่องมากมายค่ะ แต่เราเล่าไม่หมด ทรงผมเราบางที่เขาก็ว่าเราบอกไม่ชอบทรงนี้ สีผมนี้ไม่เข้ากับเบ้าหน้าเรา ว่าเรา เพราะแฟนเราไม่อยู่ ถ้าแฟนเราอยู่เขาเถียงให้เรา เขาปกป้องเรา แต่ที่เขาไม่ออกมาเพราะเขาต้องบวช เราเลยมาถึงจุดนี้ล่าสุด เรายังมีแรงสู้อยู่ค่ะ แต่เราจะไปหางานทำหลังพระบวชเสร็จ เราจะไม่ยื้มจมูกใครหายใจแล้ว ต่อให้เป็นแม่เขาก็ตาม รอบนี้เราสุดจริงๆ พระเองก็เข้าใจ เขาพึ่งยอมให้เราไป และไม่แน่ว่าเขาจะไปกับเรา หรือไม่ไป เราไม่ได้หวั่งว่าเขาจะต้องตามเรา แต่เราแค่อยากให้เขารู้ว่าเราสู้สุดทางแล้ว มันไม่ดีขึ้นเลย เงินอาจมีเรื่อยๆ แต่ความรู้สึกเราไม่ฏอเค สุขภาพจิตเราแย่ลง ใจลึกๆก็เป็นห่วงแฟน กลัวเขาเหนื่อยเพราะทำง านคนเดียว ไม่มีคนช่วย ถ้าเราออกมาทำงานข้างนอก ....ตอนนี้ความคิดยังขุ่นมัว สับสนวุ้นวายใจ ใครมีความคิดดีๆก็บอกกันได้นะ ขอบคุณที่อ่านความทุกข์ใจของเรา