นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือได้ส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วให้นำเฮลิคอปเตอร์ตักน้ำดับไฟป่าเนื่องจากค่าคุณภาพอากาศของประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคเหนือ มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จากการเกิดไฟป่าในพื้นที่เป็นเวลานานหลายวัน ทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่ามีสารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ตรวจพบค่าระหว่าง19-165 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 ตรวจพบค่าระหว่าง 18-191 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้าง
จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมฝนหลวงฯได้ประสานงานและวางแผนร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.เชียงใหม่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กอ.รมน.ภาค 3 ขึ้นบินสำรวจจุดความร้อนเพื่อวางแผนการบิน และหาแหล่งน้ำที่ใกล้กับบริเวณที่เกิดไฟป่า เพื่อรักษาปริมาณน้ำในถังให้ได้มากที่สุด
ที่มา.
https://www.naewna.com/local/713775
ฝนหลวงฯรุดดับไฟป่า-ลดฝุ่นPM2.5
จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมฝนหลวงฯได้ประสานงานและวางแผนร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.เชียงใหม่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กอ.รมน.ภาค 3 ขึ้นบินสำรวจจุดความร้อนเพื่อวางแผนการบิน และหาแหล่งน้ำที่ใกล้กับบริเวณที่เกิดไฟป่า เพื่อรักษาปริมาณน้ำในถังให้ได้มากที่สุด
ที่มา. https://www.naewna.com/local/713775