มินนะซัง คนนิจิวะ : )
สวัสดีค่ะทุกคน สำหรับกระทู้นี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์การไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว(อีกแล้ว)ของเรานะคะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่อยากลองไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
--แบ็คกราวน์--
เราเคยไปญี่ปุ่น(ด้วยตัวเอง) 2 รอบแล้วค่ะ ลงโตเกียวทั้งสองรอบ
แต่แวะไปคาวากูจิโกะ (จุดชมวิวฟูจิซัง) เพื่อไปดูหิมะค่ะ
เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเห็นหิมะ แต่ไปจริงๆก็เห็นนะคะ แต่เป็นแบบเปียกฝน ฮ่าๆ
คือวันที่เราไปฝนตกค่ะ หิมะก็ละลายแล้ว แถมมีเป็นหย่อมๆ กองบนพื้นให้เห็นเท่านั้น
ก็เลยว่ารอบนี้อยากไปฮอกไกโดค่ะ ซึ่งเป็นเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น
แล้วก็ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกปกคลุมหลายเดือน
นั่นแหละค่ะ คุณผู้ชม ... เลยเป็นที่มา ว่าทำไมรอบนี้ เราถึงอยากไปฮอกไกโด

--ญี่ปุ่น เข้ายากมั้ย?--
หลังจากช่วงโควิด ก็คือถ้าจะบินเข้าญี่ปุ่น
พาสปอร์ตไทย สามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ 15 วันค่ะ โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ถ้าใครฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ก็คือเข้าได้เลย ไม่ต้องตรวจโควิดค่ะ
พอลงจากเครื่อง ผ่านตม.เสร็จก็เข้าเมืองเที่ยวได้เลย
ส่วนใครที่ฉีดไม่ครบหรือไม่ได้ฉีด ก็ต้องอัพโหลดใบตรวจโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
แล้วอัพโหลดลงเว็บไซต์ Visit Japan ค่ะ
ก่อนบินเข้าต้องลงทะเบียนในเว็บ Visit Japan ก่อนนะคะ
ส่วนขั้นตอนการลงทะเบียน ลองเสิชในยูทูปได้เลย มีหลายคลิปออกมารีวิววิธีลงทะเบียนค่ะ ^^
เอาล่ะค่ะ ตั๋วพร้อม เสื้อขนเป็ดพร้อม ลงทะเบียนVisit Japan เรียบร้อย ไปขึ้นเครื่องกันค่ะคุณผู้โช้มมม
(แอบตื่นเต้น ไม่ได้เที่ยว ตปท. มา 3 ปี หลังจากโควิด ฮ่าๆ คิดว่าหลายๆคน คงคิดถึงการเดินทางแบบเรานะคะ)
เราบินตรงจากสิงคโปร์นะคะ ใช้บริการสายการบิน Scoot
ไฟลท์ไปลงซัปโปโร (Sapporo) เวลาค่อนข้างดี ออกเกือบตี2 ไปถึงที่นู่น 10:30 น.
ใช้เครื่องบินรุ่น 787 Dreamliner จัดที่นั่ง แบบ 3-3-3 เครื่องใหญ่ หน้าต่างกว้าง (เคยนั่งรุ่นนี้ตอนไปไต้หวัน ถือว่าโอเคเลยค่ะ)
ตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่จะคอยสกรีน ถามว่าฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มมั้ย? เค้าขอดูใบCertificate ค่ะ ก็เปิดให้เค้าดูค่ะ
เราถามว่า ไฟลท์นี้มีคนไทยมั้ย?
เค้าบอก "มี ....ก็ยูไง คนไทย " ฮ่าๆๆ
เสร็จแล้วได้ บอร์ดดิ้งพาสมา ก็เข้าไปในเกทค่า
สำหรับผู้โดยสารไฟลท์นี้ ที่สังเกตคือเป็นคนสิงคโปร์ แล้วก็คนญี่ปุ่นค่ะ อย่างคนที่นั่งข้างเราก็เป็นคุณแม่กับคุณลูกสาวชาวญี่ปุ่นค่ะ
ขึ้นเครื่องมา นั่งหลับแล้วหลับอีก ก็มาถึงซัปโปโรแล้วค่ะ วิวตอนแลนดิ้งคือที่สุด!!
เป็นหิมะ ขาวโพลนปกคลุมไปหมดเลยค่ะ พอเครื่องบินจอดสนิท เดินออกมาจากเครื่องคือ..
ตึ้ง!!
หนาวววมากกจ้า อุณหภูมิประมาณ -1 องศาค่ะ
สนามบินชินชิโตเสะ (CTS)

ตอนเดินลงจากเครื่องก็คือ เดินตามคนข้างหน้ามาเรื่อยๆเลยค่ะ
เจ้าหน้าที่สนามบินจะคอยแนะนำขั้นตอนตลอด
ให้ต่อwi-fi สนามบิน ไว้เลยค่ะ ไม่มีpasword นะคะ แค่กดยอมรับเงื่อนไข แล้วเชื่อมต่อได้เลย
ตอนแรกว่าจะเข้าห้องน้ำไปแต่งตัว แต่ไม่น่าให้เข้าค่ะ เพราะเอาที่กั้นมากั้นไว้ ทุกคนต้องไปผ่าน ตม. ก่อนค่ะ
ลงจากเครื่องมา นึกว่าลงผิดสนามบิน 555+
เจอแต่นักท่องเที่ยวชาวไทยค่ะคุณผู้ชม
คนไทยได้มารวมตัวกันที่นี่โดยมิได้นัดหมาย ฮ่าๆ

หลังจากเดินลงจากเครื่อง กว่าจะผ่าน ตม. กับศุลกากร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
ใครมีแพลนไปไหนต่อ กะเวลาเผื่อดีๆนะคะ
ตอนผ่าน ตม. แค่ ถ่ายรูปกับสแกนนิ้วค่ะ ตม.ที่เราเจอ น่ารัก ใจดีค่ะ
ถามว่า Long term เหรอ?
เราก็ส่ายหน้าแล้วตอบว่า "ทัวริสโตะ" (tourist โตะ)
แล้วเค้าก็ขอสแกนบาร์โค้ดจากในเว็บVisit Japan ที่เราลงทะเบียนไว้ค่ะ
ก่อนไปศุลกากร เราไปเข้าห้องน้ำแต่งตัว ใส่ฮีททง ฮีทเทคให้เรียบร้อย เพื่อสู้กับอากาศติดลบด้านนอก 555+
แต่งตัวเสร็จ ก่อนไปเจอกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ต้องทำการสแกนพาสปอร์ต กับคิวอาร์โค้ดก่อนค่ะ (อันนี้ต้องสแกนเอง)
แล้วก็เดินลากกระเป๋า ไปที่เจ้าหน้าที่ศุลกากร
คนก่อนหน้าเรา ทางจนท. ขอค้นกระเป๋าค่ะ
พอถึงคิวเรา จนท ถามว่ามากี่คน
เราบอก : "ฮิโตริเดส" (คนเดียวค่า)
จนท : พูดญี่ปุ่นได้เหรอ?
เรา : ได้นิดหน่อยค่ะ
จนท : มากี่วัน?
เรา : 5 วันค่ะ
แล้วเค้าก็โอเค ก็ให้เราผ่านออกมาเลย เริ่ดดดเว่อ 555+
(เราเข้าญี่ปุ่นครั้งก่อน โดนค้นกระเป๋าค่ะ และเค้าค้นละเอียดมาก รอบนี้เลยลุ้นว่าจะโดนค้นมั้ย
แต่ถ้าเราไม่ได้นำของผิดกฎหมายเข้ามา ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ ^^)
เดินออกมา ก็จะเข้าเมืองกันค่า เราจะเข้าโรงแรม ไปนอนพักก่อนค่ะ
การเข้าเมืองก็เข้าได้หลายทาง มีทั้งรถบัส รถไฟ แท็กซี่
เรามันสายลุย สายแบ็คแพ็ค เราก็นั่งรถไฟ เข้าเมืองกันค่า
รถไฟที่จะนั่งเข้าเมือง ทีนี่เรียกว่า รถไฟ JR นะคะ
จุดขึ้นรถไฟ จะอยู่ที่ ชั้น B1 ของฝั่ง Domestic
ให้เดินตามป้ายนี้ไปเลยค่า
พอลงมาถึงชั้น B1 ด้านล่างก็จะเจอตู้กดตั๋ว และเคาท์เตอร์ขายตั๋ว
ใครสะดวกซื้อที่ตู้ ก็เชิญได้นะคะ แต่เรากดไม่เป็น 555+ ไม่อยากไปยืนงง แล้วขวางคนที่มาต่อคิวเรา
ก็เลยตรงดิ่งไปที่เคาท์เตอร์เลยค่ะ ซื้อกับเจ้าหน้าที่ชัวร์สุด
บอกว่าไปลง ซัปโปโร
เค้าจะถามเรากลับว่า จะเอาแบบจองที่นั่ง หรือ ไม่จองที่นั่ง
เราเอาแบบไม่จองที่นั่งค่ะ เพราะถูกกว่า 555+ แล้วก็ใช้เวลาไม่นานนะคะ
ประมาณ 40 นาที ก็ถึงสถานีซัปโปโรแล้ว
ค่าตั๋วจากสนามบิน ไปสถานีซัปโปโร แบบไม่จองที่นั่ง (non-reserved seat)
1,150 เยน (ประมาณ 300 บาท)
ของเราไปถึงข้างล่าง รถไฟมีหลายโบกี้ เราไม่ชัวร์ กลัวไปนั่งที่นั่งคนอื่น 555+
เลยถาม เจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่า โบกี้ 1-2-3 เป็นแบบไม่จองที่ ถ้าว่างก็นั่งได้เลย
ส่วนโบกี้ที่ 4 จะเป็นแบบจองที่
เราก็ขึ้นมาเดินหาที่ว่าง ยังพอมีที่ว่าง ก็ไปนั่งข้างๆคนญี่ปุ่นค่ะ เย้ๆ ไม่ต้องยืนเข้าเมือง
นั่งออกมาสักพัก ก็จะเจอวิวนี้ค่ะคุณผู้ชม ^^ สวยงามดั่งอยู่ในความฝัน
หิมะขาวโพลนไปหมด พอโดนแดด สะท้อนแสบตามากค่ะ ฮ่าๆ แต่ สวยยยย สวยแบบตะโก๊นนน 555+
นั่งมา 40 นาทีก็มาถึงสถานีซัปโปโรค่ะ บนรถไฟมีประกาศทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษนะคะ ไม่ต้องกลัวหลง
และสถานีซัปโปโร คนลงเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัว
พอลงมาปั๊บ ก็มองหาSubway เลยค่ะ รถไฟใต้ดิน เพราะเราจะไปโรงแรมค่ะ
โรงแรมเราอยู่ใกล้กับ สถานี Nakajima Koen (ห่างจากสถานีซัปโปโร เพียง 3 สถานีเท่านั้น )
ก็เลยตามป้ายไปค่ะ พอถึงหน้าตู้ซื้อตั๋ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกค่ะ
เราก็บอกว่าไป Nakajima Koen เค้าก็พาเรากดซื้อตั๋วค่ะ
เลือก "English only" แล้วก็กดราคาตั๋ว
เราจะไป Nakajima Koen ราคา 210 เยน ก็กดปุ่มที่โชว์เลข 210
จากนั้นก็หยอดตังค์ค่ะ
หยิบตั๋ว แล้วก็เงินทอนค่ะ เจ้าหน้าที่แจ้งเพิ่มเติมว่า ขึ้นรถไฟที่ platfrom 1
ก็คือช่วยเหลือดีมากกกค่ะ
เรามาขึ้นรถไฟ นั่งมา 5 นาทีก็ถึงแล้ว พอโผล่ขึ้นมาก็ยืนงงอยู่พักนึง
"แล้วต้องไปทางไหน?" 555+
คือเราไม่มีอินเตอร์เน็ตนะคะ เพราะมาแค่ไม่กี่วัน
แล้วก็พวกสถานที่ต่างๆ เราก็จะแคปไว้คร่าวๆ ถ้าหาเจอก็โชคดีไป
แต่ถ้าไม่เจอ เราก็จะถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นเอาค่ะ ><
เห็นสาวญี่ปุ่นยืนกดโทรศัพท์อยู่คนเดียว
เราเลยเดินเข้าไปถามเค้าค่ะ เอาชื่อโรงแรมให้เค้าดู เค้าก็กดเสิชหาให้
แล้วเค้าก็ชี้ โรงแรมกับจุดที่เรายืนอยู่ห่างกันนิดเดียวเองค่ะ
เราก็ขอบคุณเค้า แล้วก็ลากกระเป๋ามาเช็คอินค่ะ
ของเราเป็นโรงแรม 3 ดาวนะคะ ตกคืนละประมาณ 1300 บาท
ทำเลดีติดสถานีรถไฟใตดิน ข้างๆโรงแรมมี Lawson สะดวกมาก
พนักงานที่เช็คอินเรา แทบพูดอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ
เราก็บอกว่า "เช็คอิน" แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตให้
ตามนั้นคือ โจบบบบ 555+
เค้าเห็นว่าเราเป็นต่างชาติ ก็หยิบเงื่อนไข ข้อกำหนดการเข้าพักโรงแรมเป็นภาษาอังกฤษมาให้เราอ่าน
มีรหัสwi fi อยู่ในนั้น
เราก็ อ่อ โอเค "わかりました" (วาการิมาชิตะ)
ได้กุญแจมาแล้ว ห้องเราอยู่ชั้น 8 ค่ะ ขึ้นลิฟต์มาเลย
นี่คือวิวจากหน้าต่างห้องเราค่ะ
เรานอนถึงเกือบ 5 โมงเย็นค่ะ แล้วก็ตื่นมาจะไปหาข้าวกิน พร้อมกับซื้อรองเท้าบู้ทไว้ใส่เดินบนหิมะ
ผ้าพันคอ ถุงมือ เราก็ไม่มีค่ะ มาหาเอาข้างหน้า 555+
เราไปที่สถานีซัปโปโรค่ะ ตัวสถานีจะติดห้าง มีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆมากมาย
เราไปซื้อรองเท้าที่ตึก Esta ค่ะ
ร้าน ABC mart จะอยู่ที่ชั้น 8 ของตึก Esta ค่ะ (เราก็หาตึกEsta ไม่เจออีกแล้วค่ะ 5555
ถามเจ้าหน้าที่สถานีแถวนั้น ให้เค้าบอกทางเรา ง่ายสุดละ)
ถุงมือ ผ้าพันคอก็หาซื้อร้านข้างๆค่ะ
แล้วก็ไปกินราเมนที่ชั้น 10 ของตึก Esta ค่ะ มีร้านราเมนหลายร้านเลย
ก่อนมาฮอกไกโด เราถามเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เคยอยู่ฮอกไกโดมา 5 ปี เค้าแนะนำ Miso ramen ค่ะ
เราก็โอเค เราเชื่อคนพื้นที่ค่ะ 555+
อันนี้ราเมนของเรา เราสั่งเกี๊ยวซ่ามาด้วยนะคะ เพราะหิวจัด รวบยอด ข้าวเช้า -เที่ยง- เย็น ในมื้อเดียว
ราเมน 980 เยน / เก้ยวซ่า 270 เยน ทั้งหมด 1250 เยน
กินสร็จก็นั่งรถไฟกลับมาที่โรงแรม เอาของมาเก็บ
จะเดินชิวๆ ดูวิวกลางคืน สำรวจรอบๆโรงแรมซักหน่อย
เดินไม่ถึง 10 นาที
หิมะตกค่ะ คุณผู้โช้มมม
ตอนแรกก็ตกโปรยๆ ปรอยๆ พอได้เป็นนางเอกซีรีย์เกาหลี เกาใจ 555+
เดินไปไม่ถึง 5 นาทีเริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆ
หนาวมากกก เราไม่ได้เอาร่มด้วย เดินต่อไม่ไหว
หนาวเกิน แถมหิมะปลิวเข้าตา 555
ก็เลยรีบเดินจ้วงกลับโรงแรมค่ะ
เรากลับโรงแรมมาพักค่ะ อาบน้ำ พักผ่อน
พรุ่งนี้เพื่อนคนญี่ปุ่น มารับหน้าโรงแรมค่ะ
เราจะไป Mt. Moiwa (ภูเขาโมอิวะ) เป็นจุดชมวิวของเมืองซัปโปโร ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปค่ะ
ซึ่งเพื่อนเราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพื่อนบอกว่า เดี๋ยวเปิดกูเกิ้ลเอา 555+
ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ เดี๋ยวมาต่อค่า ^^
รีวิว บินเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น : ฮอกไกโด..นั้นโก้จริงๆ l Japan 2023
สวัสดีค่ะทุกคน สำหรับกระทู้นี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์การไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว(อีกแล้ว)ของเรานะคะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่อยากลองไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
--แบ็คกราวน์--
เราเคยไปญี่ปุ่น(ด้วยตัวเอง) 2 รอบแล้วค่ะ ลงโตเกียวทั้งสองรอบ
แต่แวะไปคาวากูจิโกะ (จุดชมวิวฟูจิซัง) เพื่อไปดูหิมะค่ะ
เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเห็นหิมะ แต่ไปจริงๆก็เห็นนะคะ แต่เป็นแบบเปียกฝน ฮ่าๆ
คือวันที่เราไปฝนตกค่ะ หิมะก็ละลายแล้ว แถมมีเป็นหย่อมๆ กองบนพื้นให้เห็นเท่านั้น
ก็เลยว่ารอบนี้อยากไปฮอกไกโดค่ะ ซึ่งเป็นเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น
แล้วก็ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกปกคลุมหลายเดือน
นั่นแหละค่ะ คุณผู้ชม ... เลยเป็นที่มา ว่าทำไมรอบนี้ เราถึงอยากไปฮอกไกโด
--ญี่ปุ่น เข้ายากมั้ย?--
หลังจากช่วงโควิด ก็คือถ้าจะบินเข้าญี่ปุ่น
พาสปอร์ตไทย สามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ 15 วันค่ะ โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ถ้าใครฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ก็คือเข้าได้เลย ไม่ต้องตรวจโควิดค่ะ
พอลงจากเครื่อง ผ่านตม.เสร็จก็เข้าเมืองเที่ยวได้เลย
ส่วนใครที่ฉีดไม่ครบหรือไม่ได้ฉีด ก็ต้องอัพโหลดใบตรวจโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
แล้วอัพโหลดลงเว็บไซต์ Visit Japan ค่ะ
ก่อนบินเข้าต้องลงทะเบียนในเว็บ Visit Japan ก่อนนะคะ
ส่วนขั้นตอนการลงทะเบียน ลองเสิชในยูทูปได้เลย มีหลายคลิปออกมารีวิววิธีลงทะเบียนค่ะ ^^
เอาล่ะค่ะ ตั๋วพร้อม เสื้อขนเป็ดพร้อม ลงทะเบียนVisit Japan เรียบร้อย ไปขึ้นเครื่องกันค่ะคุณผู้โช้มมม
(แอบตื่นเต้น ไม่ได้เที่ยว ตปท. มา 3 ปี หลังจากโควิด ฮ่าๆ คิดว่าหลายๆคน คงคิดถึงการเดินทางแบบเรานะคะ)
เราบินตรงจากสิงคโปร์นะคะ ใช้บริการสายการบิน Scoot
ไฟลท์ไปลงซัปโปโร (Sapporo) เวลาค่อนข้างดี ออกเกือบตี2 ไปถึงที่นู่น 10:30 น.
ใช้เครื่องบินรุ่น 787 Dreamliner จัดที่นั่ง แบบ 3-3-3 เครื่องใหญ่ หน้าต่างกว้าง (เคยนั่งรุ่นนี้ตอนไปไต้หวัน ถือว่าโอเคเลยค่ะ)
ตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่จะคอยสกรีน ถามว่าฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มมั้ย? เค้าขอดูใบCertificate ค่ะ ก็เปิดให้เค้าดูค่ะ
เราถามว่า ไฟลท์นี้มีคนไทยมั้ย?
เค้าบอก "มี ....ก็ยูไง คนไทย " ฮ่าๆๆ
เสร็จแล้วได้ บอร์ดดิ้งพาสมา ก็เข้าไปในเกทค่า
สำหรับผู้โดยสารไฟลท์นี้ ที่สังเกตคือเป็นคนสิงคโปร์ แล้วก็คนญี่ปุ่นค่ะ อย่างคนที่นั่งข้างเราก็เป็นคุณแม่กับคุณลูกสาวชาวญี่ปุ่นค่ะ
ขึ้นเครื่องมา นั่งหลับแล้วหลับอีก ก็มาถึงซัปโปโรแล้วค่ะ วิวตอนแลนดิ้งคือที่สุด!!
เป็นหิมะ ขาวโพลนปกคลุมไปหมดเลยค่ะ พอเครื่องบินจอดสนิท เดินออกมาจากเครื่องคือ..
ตึ้ง!!
หนาวววมากกจ้า อุณหภูมิประมาณ -1 องศาค่ะ
สนามบินชินชิโตเสะ (CTS)
ตอนเดินลงจากเครื่องก็คือ เดินตามคนข้างหน้ามาเรื่อยๆเลยค่ะ
เจ้าหน้าที่สนามบินจะคอยแนะนำขั้นตอนตลอด
ให้ต่อwi-fi สนามบิน ไว้เลยค่ะ ไม่มีpasword นะคะ แค่กดยอมรับเงื่อนไข แล้วเชื่อมต่อได้เลย
ตอนแรกว่าจะเข้าห้องน้ำไปแต่งตัว แต่ไม่น่าให้เข้าค่ะ เพราะเอาที่กั้นมากั้นไว้ ทุกคนต้องไปผ่าน ตม. ก่อนค่ะ
ลงจากเครื่องมา นึกว่าลงผิดสนามบิน 555+
เจอแต่นักท่องเที่ยวชาวไทยค่ะคุณผู้ชม
คนไทยได้มารวมตัวกันที่นี่โดยมิได้นัดหมาย ฮ่าๆ
หลังจากเดินลงจากเครื่อง กว่าจะผ่าน ตม. กับศุลกากร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
ใครมีแพลนไปไหนต่อ กะเวลาเผื่อดีๆนะคะ
ตอนผ่าน ตม. แค่ ถ่ายรูปกับสแกนนิ้วค่ะ ตม.ที่เราเจอ น่ารัก ใจดีค่ะ
ถามว่า Long term เหรอ?
เราก็ส่ายหน้าแล้วตอบว่า "ทัวริสโตะ" (tourist โตะ)
แล้วเค้าก็ขอสแกนบาร์โค้ดจากในเว็บVisit Japan ที่เราลงทะเบียนไว้ค่ะ
ก่อนไปศุลกากร เราไปเข้าห้องน้ำแต่งตัว ใส่ฮีททง ฮีทเทคให้เรียบร้อย เพื่อสู้กับอากาศติดลบด้านนอก 555+
แต่งตัวเสร็จ ก่อนไปเจอกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ต้องทำการสแกนพาสปอร์ต กับคิวอาร์โค้ดก่อนค่ะ (อันนี้ต้องสแกนเอง)
แล้วก็เดินลากกระเป๋า ไปที่เจ้าหน้าที่ศุลกากร
คนก่อนหน้าเรา ทางจนท. ขอค้นกระเป๋าค่ะ
พอถึงคิวเรา จนท ถามว่ามากี่คน
เราบอก : "ฮิโตริเดส" (คนเดียวค่า)
จนท : พูดญี่ปุ่นได้เหรอ?
เรา : ได้นิดหน่อยค่ะ
จนท : มากี่วัน?
เรา : 5 วันค่ะ
แล้วเค้าก็โอเค ก็ให้เราผ่านออกมาเลย เริ่ดดดเว่อ 555+
(เราเข้าญี่ปุ่นครั้งก่อน โดนค้นกระเป๋าค่ะ และเค้าค้นละเอียดมาก รอบนี้เลยลุ้นว่าจะโดนค้นมั้ย
แต่ถ้าเราไม่ได้นำของผิดกฎหมายเข้ามา ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ ^^)
เดินออกมา ก็จะเข้าเมืองกันค่า เราจะเข้าโรงแรม ไปนอนพักก่อนค่ะ
การเข้าเมืองก็เข้าได้หลายทาง มีทั้งรถบัส รถไฟ แท็กซี่
เรามันสายลุย สายแบ็คแพ็ค เราก็นั่งรถไฟ เข้าเมืองกันค่า
รถไฟที่จะนั่งเข้าเมือง ทีนี่เรียกว่า รถไฟ JR นะคะ
จุดขึ้นรถไฟ จะอยู่ที่ ชั้น B1 ของฝั่ง Domestic
ให้เดินตามป้ายนี้ไปเลยค่า
พอลงมาถึงชั้น B1 ด้านล่างก็จะเจอตู้กดตั๋ว และเคาท์เตอร์ขายตั๋ว
ใครสะดวกซื้อที่ตู้ ก็เชิญได้นะคะ แต่เรากดไม่เป็น 555+ ไม่อยากไปยืนงง แล้วขวางคนที่มาต่อคิวเรา
ก็เลยตรงดิ่งไปที่เคาท์เตอร์เลยค่ะ ซื้อกับเจ้าหน้าที่ชัวร์สุด
บอกว่าไปลง ซัปโปโร
เค้าจะถามเรากลับว่า จะเอาแบบจองที่นั่ง หรือ ไม่จองที่นั่ง
เราเอาแบบไม่จองที่นั่งค่ะ เพราะถูกกว่า 555+ แล้วก็ใช้เวลาไม่นานนะคะ
ประมาณ 40 นาที ก็ถึงสถานีซัปโปโรแล้ว
ค่าตั๋วจากสนามบิน ไปสถานีซัปโปโร แบบไม่จองที่นั่ง (non-reserved seat)
1,150 เยน (ประมาณ 300 บาท)
ของเราไปถึงข้างล่าง รถไฟมีหลายโบกี้ เราไม่ชัวร์ กลัวไปนั่งที่นั่งคนอื่น 555+
เลยถาม เจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่า โบกี้ 1-2-3 เป็นแบบไม่จองที่ ถ้าว่างก็นั่งได้เลย
ส่วนโบกี้ที่ 4 จะเป็นแบบจองที่
เราก็ขึ้นมาเดินหาที่ว่าง ยังพอมีที่ว่าง ก็ไปนั่งข้างๆคนญี่ปุ่นค่ะ เย้ๆ ไม่ต้องยืนเข้าเมือง
นั่งออกมาสักพัก ก็จะเจอวิวนี้ค่ะคุณผู้ชม ^^ สวยงามดั่งอยู่ในความฝัน
หิมะขาวโพลนไปหมด พอโดนแดด สะท้อนแสบตามากค่ะ ฮ่าๆ แต่ สวยยยย สวยแบบตะโก๊นนน 555+
นั่งมา 40 นาทีก็มาถึงสถานีซัปโปโรค่ะ บนรถไฟมีประกาศทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษนะคะ ไม่ต้องกลัวหลง
และสถานีซัปโปโร คนลงเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัว
พอลงมาปั๊บ ก็มองหาSubway เลยค่ะ รถไฟใต้ดิน เพราะเราจะไปโรงแรมค่ะ
โรงแรมเราอยู่ใกล้กับ สถานี Nakajima Koen (ห่างจากสถานีซัปโปโร เพียง 3 สถานีเท่านั้น )
ก็เลยตามป้ายไปค่ะ พอถึงหน้าตู้ซื้อตั๋ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกค่ะ
เราก็บอกว่าไป Nakajima Koen เค้าก็พาเรากดซื้อตั๋วค่ะ
เลือก "English only" แล้วก็กดราคาตั๋ว
เราจะไป Nakajima Koen ราคา 210 เยน ก็กดปุ่มที่โชว์เลข 210
จากนั้นก็หยอดตังค์ค่ะ
หยิบตั๋ว แล้วก็เงินทอนค่ะ เจ้าหน้าที่แจ้งเพิ่มเติมว่า ขึ้นรถไฟที่ platfrom 1
ก็คือช่วยเหลือดีมากกกค่ะ
เรามาขึ้นรถไฟ นั่งมา 5 นาทีก็ถึงแล้ว พอโผล่ขึ้นมาก็ยืนงงอยู่พักนึง
"แล้วต้องไปทางไหน?" 555+
คือเราไม่มีอินเตอร์เน็ตนะคะ เพราะมาแค่ไม่กี่วัน
แล้วก็พวกสถานที่ต่างๆ เราก็จะแคปไว้คร่าวๆ ถ้าหาเจอก็โชคดีไป
แต่ถ้าไม่เจอ เราก็จะถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นเอาค่ะ ><
เห็นสาวญี่ปุ่นยืนกดโทรศัพท์อยู่คนเดียว
เราเลยเดินเข้าไปถามเค้าค่ะ เอาชื่อโรงแรมให้เค้าดู เค้าก็กดเสิชหาให้
แล้วเค้าก็ชี้ โรงแรมกับจุดที่เรายืนอยู่ห่างกันนิดเดียวเองค่ะ
เราก็ขอบคุณเค้า แล้วก็ลากกระเป๋ามาเช็คอินค่ะ
ของเราเป็นโรงแรม 3 ดาวนะคะ ตกคืนละประมาณ 1300 บาท
ทำเลดีติดสถานีรถไฟใตดิน ข้างๆโรงแรมมี Lawson สะดวกมาก
พนักงานที่เช็คอินเรา แทบพูดอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ
เราก็บอกว่า "เช็คอิน" แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตให้
ตามนั้นคือ โจบบบบ 555+
เค้าเห็นว่าเราเป็นต่างชาติ ก็หยิบเงื่อนไข ข้อกำหนดการเข้าพักโรงแรมเป็นภาษาอังกฤษมาให้เราอ่าน
มีรหัสwi fi อยู่ในนั้น
เราก็ อ่อ โอเค "わかりました" (วาการิมาชิตะ)
ได้กุญแจมาแล้ว ห้องเราอยู่ชั้น 8 ค่ะ ขึ้นลิฟต์มาเลย
นี่คือวิวจากหน้าต่างห้องเราค่ะ
เรานอนถึงเกือบ 5 โมงเย็นค่ะ แล้วก็ตื่นมาจะไปหาข้าวกิน พร้อมกับซื้อรองเท้าบู้ทไว้ใส่เดินบนหิมะ
ผ้าพันคอ ถุงมือ เราก็ไม่มีค่ะ มาหาเอาข้างหน้า 555+
เราไปที่สถานีซัปโปโรค่ะ ตัวสถานีจะติดห้าง มีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆมากมาย
เราไปซื้อรองเท้าที่ตึก Esta ค่ะ
ร้าน ABC mart จะอยู่ที่ชั้น 8 ของตึก Esta ค่ะ (เราก็หาตึกEsta ไม่เจออีกแล้วค่ะ 5555
ถามเจ้าหน้าที่สถานีแถวนั้น ให้เค้าบอกทางเรา ง่ายสุดละ)
ถุงมือ ผ้าพันคอก็หาซื้อร้านข้างๆค่ะ
แล้วก็ไปกินราเมนที่ชั้น 10 ของตึก Esta ค่ะ มีร้านราเมนหลายร้านเลย
ก่อนมาฮอกไกโด เราถามเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เคยอยู่ฮอกไกโดมา 5 ปี เค้าแนะนำ Miso ramen ค่ะ
เราก็โอเค เราเชื่อคนพื้นที่ค่ะ 555+
อันนี้ราเมนของเรา เราสั่งเกี๊ยวซ่ามาด้วยนะคะ เพราะหิวจัด รวบยอด ข้าวเช้า -เที่ยง- เย็น ในมื้อเดียว
ราเมน 980 เยน / เก้ยวซ่า 270 เยน ทั้งหมด 1250 เยน
กินสร็จก็นั่งรถไฟกลับมาที่โรงแรม เอาของมาเก็บ
จะเดินชิวๆ ดูวิวกลางคืน สำรวจรอบๆโรงแรมซักหน่อย
เดินไม่ถึง 10 นาที
หิมะตกค่ะ คุณผู้โช้มมม
ตอนแรกก็ตกโปรยๆ ปรอยๆ พอได้เป็นนางเอกซีรีย์เกาหลี เกาใจ 555+
เดินไปไม่ถึง 5 นาทีเริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆ
หนาวมากกก เราไม่ได้เอาร่มด้วย เดินต่อไม่ไหว
หนาวเกิน แถมหิมะปลิวเข้าตา 555
ก็เลยรีบเดินจ้วงกลับโรงแรมค่ะ
เรากลับโรงแรมมาพักค่ะ อาบน้ำ พักผ่อน
พรุ่งนี้เพื่อนคนญี่ปุ่น มารับหน้าโรงแรมค่ะ
เราจะไป Mt. Moiwa (ภูเขาโมอิวะ) เป็นจุดชมวิวของเมืองซัปโปโร ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปค่ะ
ซึ่งเพื่อนเราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพื่อนบอกว่า เดี๋ยวเปิดกูเกิ้ลเอา 555+
ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ เดี๋ยวมาต่อค่า ^^