.
รีวิวนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน แต่จะไม่เปิดเผยปมสำคัญของเนื้อเรื่อง แนะนำให้ดูภาพยนตร์กันก่อนจะอ่านความคิดเห็นของเรานะคะ
เนื้อเรื่องย่อของหนัง The Whale หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว.. แต่ก็จะทวนอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับ 'ชาร์ลี' อาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ที่เป็นเกย์ เขาสูญเสียคนรักชายไปจนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าอย่างหนึ่ง ชดใช้ความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการกินไม่หยุด ส่งผลทำให้น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตัวเขาเองใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก และสุขภาพโดยรวมของเขาย่ำแย่มาก ทำให้เขาอาจจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้..
ในช่วงลมหายใจของชีวิต ที่เปรียบดั่งโอกาสสุดท้ายในชีวิตของชาร์ลี เขาจึงอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องสักครั้ง นั่นคือการพยายามสานสัมพันธ์กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่เขาไม่ได้ติดต่อเธอมานานหลายปีแล้ว
ความรู้สึกหลังดูจบ
อึดอัด โทนบรรยากาศของภาพยนตร์ ฉาก ดนตรี และนักแสดง ส่งให้ผู้ชมทราบถึงความอึดอัด ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวกับ ชาร์ลี ที่รู้สึกอึดอัดจากปัญหาสุขภาพ ปัญหาด้านจิตใจ และช่วงชีวิตที่เขาได้รู้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แม้จะมีการเปิดเผยปมของหนังหลายปม แต่ก็ยังมีอีกหลายปมที่ปล่อยให้คนดูคิดต่อกันเอาเอง ซึ่งพอมานั่งตระหนักดูแล้ว มันช่างเป็นประเด็นที่สามารถนำไปคิดต่อได้อีกหลายวัน (หรืออาจจะเป็นเดือน)
รู้สึกว่าค่อนข้างยากที่จะสามารถบรรยายความรู้สึกหลังจากดูจบออกมาเป็นข้อความทำให้คนอื่นเข้าใจได้ แต่โดยรวมคือ รู้สึกอึดอัด หม่นหมองอยู่ในใจ.. เปรียบเสมือนกับวาฬ (ที่ถูกเปรียบเทียบกับตัวเอกของเรื่อง) ที่อยู่ใต้ท้องลึกของมหาสมุทร พยายามดิ้นรนในช่วงสุดท้ายของชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเขาเองคิดว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาในชีวิต
ดังนั้น จะขอพูดถึงประเด็นต่างๆ ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอในภาพยนตร์แยกเป็นแต่ละหัวข้อค่ะ
ประเด็นของครอบครัว
เป็นประเด็นหลักของเรื่องนี้ ที่คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าภาพยนตร์จะนำเสนอประเด็นของครอบครัวอย่างแน่นอน
ชาร์ลี (ตัวเอกของเรื่อง) แม้จะเป็นเกย์ที่เศร้าจากการที่คนรักจากไป แต่ก่อนที่เขาจะได้พบกับคนรักที่มีอิทธิพลกับชีวิตเขามากขนาดนี้ เขาเคยมีครอบครัว มีภรรยาและลูกสาว ซึ่งชาร์ลีได้แยกทางจากภรรยาและลูกสาว เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่มของเขา
เขายังคงนึกถึงครอบครัวเดิมของเขาเสมอ แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าสิ่งที่เขาเคยทำกับครอบครัวเดิมของเขานั้นทำให้เกิดบาดแผลทั้งในใจของภรรยาและลูกสาวของเขามากแค่ไหน จนกระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาตัดสินใจพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสามารถเป็นพ่อที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ที่เขาพอจะทำได้ พยายามเข้าใจในตัวลูกสาวมากที่สุด และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่า ลูกสาวของเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีแม้ในวันที่เขาไม่อยู่
ในเนื้อเรื่องมีการนำเสนอมุมมอง เหตุผล ของชาร์ลี และภรรยาเก่าได้อย่างน่าสนใจ มีการเปิดเผยว่าทำไมเขาจึงแทบไม่ติดต่อลูกสาวเลยในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างชาร์ลีกับลูกสาว ก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่ความรู้สึกส่วนตัวมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาร์ลีกับลูกสาวเป็นการเปิดประเด็นส่งไปยังปมปัญหาอื่นของชาร์ลีมากกว่า
(กำลังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะส่วนตัวไม่อินกับการที่มีคุณพ่อในครอบครัวมาก เลยทำให้ไม่สามารถลงความรู้สึกลึกซึ้งไปกับประเด็นของ ชาร์ลี-ลูกสาว ได้ค่ะ)
ประเด็นศาสนา
ไม่ได้คาดว่าภาพยนตร์จะมีการนำเสนอเนื้อหาด้านศาสนาด้วย (คิดว่าจะเล่นแค่ประเด็นดราม่าครอบครัวล้วนๆ) แต่ก็คิดว่าสมเหตุสมผลและใส่ประเด็นด้านศาสนาเข้ามาก็ดีแล้ว เพราะในช่วงเวลาของการใช้ชีวิต และในบั้นปลายชีวิตของใครหลายๆ ก็ใช้ศาสนาในการยึดเหนี่ยวจิตใจ ว่าตัวเองใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร และจะไปที่แห่งใดหลังจากได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ศาสนาในมุมมองของคนทั่วไป คือ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม สามารถหยึดเหนี่ยวจิตใจ และชี้แนะแนวทางการใช้ชีวิตของผู้คนเพื่อปลอบประโลมจิตใจได้
แต่จะเป็นอย่างไร หากมุมมองที่ว่า 'ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ' ไม่สามารถใช้กับคนที่ได้รับบาดแผลจากการกระทำของเหล่าผู้ที่เชื่อมั่นในศาสนาได้?
ศาสนา ถูกคนที่ไม่เชื่อมองว่าเป็นสิ่งใด? เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือผู้คนจริงๆ หรือเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกทอดทิ้งกันแน่?
ประเด็นเรื่องสังคม
แม้การดำเนินเนื้อเรื่องของภาพยนตร์แทบจะไม่มีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ก็มีการหยิบยกประเด็นเรื่องสังคมเข้ามาเป็นระยะให้ผู้ชมรู้สึกว่า
'จิตใจของมนุษย์บางทีก็สั่นคลอน เนื่องจากสายตาและการกระทำของคนในสังคมเช่นกัน'
ประเด็นเรื่องการใช้ชีวิต (ประเด็นของตัวเอก)
เมื่อถึงในส่วนการเล่าเรื่องของ ชาร์ลี ตัวเอกของเรื่อง ก็ทำให้เรารู้สึกตระหนักได้ถึงหลายประเด็นปัญหาเช่นกัน
ทั้งในเรื่องของประเด็นด้านชีวิตของมนุษย์, สภาพจิตใจของมนุษย์, ผู้คนรอบข้าง และสภาพแวดล้อม
ประเด็นที่ได้พูดถึงในข้างต้น (ครอบครัว, ศาสนา และสังคม) ล้วนเป็นประเด็นที่ส่งผลโดยตรงต่อ ชาร์ลี ทำให้เขามีสภาพร่างกายและจิตใจที่หม่นหมองดังที่เห็นในภาพยนตร์
จะเป็นอย่างไร ถ้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นมีการเปลี่ยนแปลง?
ถ้าคนรักของชาร์ลีไม่เสียชีวิต, ถ้าศาสนาสามารถส่งอิทธิพลในมุมอื่นให้กับชีวิตเขาได้ หรือถ้าคนรอบข้างของเขามีนิสัยอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่นำเสนอในหนัง
ชาร์ลีจะยังมีบั้นปลายชีวิตเช่นนี้หรือไม่?
สามารถนำเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ไปคิดต่อได้อีกเยอะเลยค่ะ
ในส่วนที่เป็นการรีวิวล้วน พยายามตัดส่วนสำคัญที่อาจจะสปอยล์เนื้อหาออกทั้งหมดแล้ว
แนะนำว่าควรดู และควรตั้งสมาธิกับภาพยนตร์ให้ได้มากที่สุด
เพราะเนื้อหาสำคัญจะถูกใส่ และสอดแทรกมาเป็นระยะๆ
ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วมากๆ มีหลายอย่างที่อยากจะ discuss มากเลย
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ อย่าลืมชม The Whale กันนะคะ
[CR] The Whale ดำดิ่งความรู้สึกสู่ใต้ท้องสมุทร ไปกับวาฬที่พยายามใช้ช่วงสุดท้ายของชีวิตให้ดีที่สุด
รีวิวนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน แต่จะไม่เปิดเผยปมสำคัญของเนื้อเรื่อง แนะนำให้ดูภาพยนตร์กันก่อนจะอ่านความคิดเห็นของเรานะคะ
เนื้อเรื่องย่อของหนัง The Whale หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว.. แต่ก็จะทวนอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับ 'ชาร์ลี' อาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ที่เป็นเกย์ เขาสูญเสียคนรักชายไปจนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าอย่างหนึ่ง ชดใช้ความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการกินไม่หยุด ส่งผลทำให้น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตัวเขาเองใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก และสุขภาพโดยรวมของเขาย่ำแย่มาก ทำให้เขาอาจจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้..
ในช่วงลมหายใจของชีวิต ที่เปรียบดั่งโอกาสสุดท้ายในชีวิตของชาร์ลี เขาจึงอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องสักครั้ง นั่นคือการพยายามสานสัมพันธ์กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่เขาไม่ได้ติดต่อเธอมานานหลายปีแล้ว
ความรู้สึกหลังดูจบ
อึดอัด โทนบรรยากาศของภาพยนตร์ ฉาก ดนตรี และนักแสดง ส่งให้ผู้ชมทราบถึงความอึดอัด ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวกับ ชาร์ลี ที่รู้สึกอึดอัดจากปัญหาสุขภาพ ปัญหาด้านจิตใจ และช่วงชีวิตที่เขาได้รู้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แม้จะมีการเปิดเผยปมของหนังหลายปม แต่ก็ยังมีอีกหลายปมที่ปล่อยให้คนดูคิดต่อกันเอาเอง ซึ่งพอมานั่งตระหนักดูแล้ว มันช่างเป็นประเด็นที่สามารถนำไปคิดต่อได้อีกหลายวัน (หรืออาจจะเป็นเดือน)
รู้สึกว่าค่อนข้างยากที่จะสามารถบรรยายความรู้สึกหลังจากดูจบออกมาเป็นข้อความทำให้คนอื่นเข้าใจได้ แต่โดยรวมคือ รู้สึกอึดอัด หม่นหมองอยู่ในใจ.. เปรียบเสมือนกับวาฬ (ที่ถูกเปรียบเทียบกับตัวเอกของเรื่อง) ที่อยู่ใต้ท้องลึกของมหาสมุทร พยายามดิ้นรนในช่วงสุดท้ายของชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเขาเองคิดว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาในชีวิต
ดังนั้น จะขอพูดถึงประเด็นต่างๆ ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอในภาพยนตร์แยกเป็นแต่ละหัวข้อค่ะ
ประเด็นของครอบครัว
เป็นประเด็นหลักของเรื่องนี้ ที่คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าภาพยนตร์จะนำเสนอประเด็นของครอบครัวอย่างแน่นอน
ชาร์ลี (ตัวเอกของเรื่อง) แม้จะเป็นเกย์ที่เศร้าจากการที่คนรักจากไป แต่ก่อนที่เขาจะได้พบกับคนรักที่มีอิทธิพลกับชีวิตเขามากขนาดนี้ เขาเคยมีครอบครัว มีภรรยาและลูกสาว ซึ่งชาร์ลีได้แยกทางจากภรรยาและลูกสาว เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่มของเขา
เขายังคงนึกถึงครอบครัวเดิมของเขาเสมอ แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าสิ่งที่เขาเคยทำกับครอบครัวเดิมของเขานั้นทำให้เกิดบาดแผลทั้งในใจของภรรยาและลูกสาวของเขามากแค่ไหน จนกระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาตัดสินใจพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสามารถเป็นพ่อที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ที่เขาพอจะทำได้ พยายามเข้าใจในตัวลูกสาวมากที่สุด และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่า ลูกสาวของเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีแม้ในวันที่เขาไม่อยู่
ในเนื้อเรื่องมีการนำเสนอมุมมอง เหตุผล ของชาร์ลี และภรรยาเก่าได้อย่างน่าสนใจ มีการเปิดเผยว่าทำไมเขาจึงแทบไม่ติดต่อลูกสาวเลยในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างชาร์ลีกับลูกสาว ก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่ความรู้สึกส่วนตัวมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาร์ลีกับลูกสาวเป็นการเปิดประเด็นส่งไปยังปมปัญหาอื่นของชาร์ลีมากกว่า (กำลังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะส่วนตัวไม่อินกับการที่มีคุณพ่อในครอบครัวมาก เลยทำให้ไม่สามารถลงความรู้สึกลึกซึ้งไปกับประเด็นของ ชาร์ลี-ลูกสาว ได้ค่ะ)
ประเด็นศาสนา
ไม่ได้คาดว่าภาพยนตร์จะมีการนำเสนอเนื้อหาด้านศาสนาด้วย (คิดว่าจะเล่นแค่ประเด็นดราม่าครอบครัวล้วนๆ) แต่ก็คิดว่าสมเหตุสมผลและใส่ประเด็นด้านศาสนาเข้ามาก็ดีแล้ว เพราะในช่วงเวลาของการใช้ชีวิต และในบั้นปลายชีวิตของใครหลายๆ ก็ใช้ศาสนาในการยึดเหนี่ยวจิตใจ ว่าตัวเองใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร และจะไปที่แห่งใดหลังจากได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ศาสนาในมุมมองของคนทั่วไป คือ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม สามารถหยึดเหนี่ยวจิตใจ และชี้แนะแนวทางการใช้ชีวิตของผู้คนเพื่อปลอบประโลมจิตใจได้
แต่จะเป็นอย่างไร หากมุมมองที่ว่า 'ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ' ไม่สามารถใช้กับคนที่ได้รับบาดแผลจากการกระทำของเหล่าผู้ที่เชื่อมั่นในศาสนาได้?
ศาสนา ถูกคนที่ไม่เชื่อมองว่าเป็นสิ่งใด? เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือผู้คนจริงๆ หรือเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกทอดทิ้งกันแน่?
ประเด็นเรื่องสังคม
แม้การดำเนินเนื้อเรื่องของภาพยนตร์แทบจะไม่มีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ก็มีการหยิบยกประเด็นเรื่องสังคมเข้ามาเป็นระยะให้ผู้ชมรู้สึกว่า 'จิตใจของมนุษย์บางทีก็สั่นคลอน เนื่องจากสายตาและการกระทำของคนในสังคมเช่นกัน'
ประเด็นเรื่องการใช้ชีวิต (ประเด็นของตัวเอก)
เมื่อถึงในส่วนการเล่าเรื่องของ ชาร์ลี ตัวเอกของเรื่อง ก็ทำให้เรารู้สึกตระหนักได้ถึงหลายประเด็นปัญหาเช่นกัน
ทั้งในเรื่องของประเด็นด้านชีวิตของมนุษย์, สภาพจิตใจของมนุษย์, ผู้คนรอบข้าง และสภาพแวดล้อม
ประเด็นที่ได้พูดถึงในข้างต้น (ครอบครัว, ศาสนา และสังคม) ล้วนเป็นประเด็นที่ส่งผลโดยตรงต่อ ชาร์ลี ทำให้เขามีสภาพร่างกายและจิตใจที่หม่นหมองดังที่เห็นในภาพยนตร์
จะเป็นอย่างไร ถ้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นมีการเปลี่ยนแปลง?
ถ้าคนรักของชาร์ลีไม่เสียชีวิต, ถ้าศาสนาสามารถส่งอิทธิพลในมุมอื่นให้กับชีวิตเขาได้ หรือถ้าคนรอบข้างของเขามีนิสัยอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่นำเสนอในหนัง
ชาร์ลีจะยังมีบั้นปลายชีวิตเช่นนี้หรือไม่?
สามารถนำเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ไปคิดต่อได้อีกเยอะเลยค่ะ
ในส่วนที่เป็นการรีวิวล้วน พยายามตัดส่วนสำคัญที่อาจจะสปอยล์เนื้อหาออกทั้งหมดแล้ว
แนะนำว่าควรดู และควรตั้งสมาธิกับภาพยนตร์ให้ได้มากที่สุด
เพราะเนื้อหาสำคัญจะถูกใส่ และสอดแทรกมาเป็นระยะๆ
ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วมากๆ มีหลายอย่างที่อยากจะ discuss มากเลย
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ อย่าลืมชม The Whale กันนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้