กระทู้นี้ ให้เพื่อนๆเล่าความประทับใจหนังเรื่อง Passenger 2016 กันครับ จขกท. เพิ่งดูจาก link
https://www.bilibili.tv/th/video/2006065848
ดูฟรีครับ แฮ่ะ แฮ่ะ ^^ ... ส่วนตัวชอบดูหนังฝรั่ง แนวๆนี้ เรื่องนี้เหมือนจะมีความ Hi-tech จินตนาการถึงมนุษย์อพยพไปอยู่ดาวอื่น
แต่มันกลายเป็นแค่องค์ประกอบครับ ไม่น่าเชื่อว่า หนังจะทำให้มีความ Drama ที่กลมกล่อม จนไป peak ถึงตอนจบได้จริงๆ
ความประทับใจของ จขกท. เกิดขึ้นตาม Climax แต่ละช่วงดังนี้ครับ
Time 24:15 - 25:00 พระเอกสิ้นหวัง เพราะแน่ใจแล้วว่าต้องอยู่คนเดียวบนยานที่มีคนนอนหลับ 5,000 กว่าคน แต่อยู่กับใครไม่ได้สักคน เหมือนตายทั้งเป็น
คิดจะปล่อยตัวเอง ออกนอกอวกาศแบบเนื้อสดๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ความกลัว กลับเข้ามา
Time 64:45 - 65:35 นางเอกสิ้นหวัง และโกรธพระเอกที่เพิ่งจะรักกันมากมาย แต่มารู้ความจริงว่า ถูกปลุกขึ้นมาเพราะพระเอก กำลังจะเงื้อเอาเหล็กทุบหัวพระเอกให้กระจุย แต่ก็ "ยั้งเอาไว้" มันทำให้เราต้องนึกในใจ ถ้าเราเป็นพระเอกเราก็จะยอมใช่มั้ย ให้ฆ่าให้ตายไป ถ้าเราเป็นนางเอก เราจะฆ่าทิ้ง หรือจะให้อภัยแล้วมาคิดแก้ไข
Time 76:40 - 77:10 กัปตันที่ Hybernation pod เสีย ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน พูดได้เป็นผู้ใหญ่ให้นางเอกได้คิด ในสถานการณ์ที่ก็เข้าใจความโกรธของนางเอก You're right Aurora, but the drowning man always drag someone down with him. It ain't right, but the man's drowning.
Time 84:20 - 85:15 กัปตันจะตายแล้ว แต่ก็เรียกทั้งพระเอก นางเอกมาปรับความเข้าใจ เริ่มประโยค You two take care of each other คือฝรั่งไม่พูดมาก ไม่ต้องออดอ้อน ให้คนคืนดีกัน กัปตันนั่งอยู่ในร่างที่กำลังจะตาย และมอบ ID Wrist band ให้พระเอกไว้ และบอกให้ซ่อม Spaceship เพื่อให้ทุกคนรอด แล้วกัปตันก็จากไป ...
Time 91:30 - 91:45 เป็นฉากที่นางเอกให้อภัยพระเอกแบบสั้นๆ ไม่ต้องออดอ้อน ไม่มีคำว่า I forgive you ด้วยซ้ำ แต่เป็นคำพูดอื่นที่คือ เบื้องลึกในหัวใจว่า ฉันให้อภัยเธอ เพราะฉันรักเธอมากกว่าจะอยู่กันแบบโกรธกัน "Jim, come back to me. I can't live on this ship (alone) without you"
Time 99:15 - 102:05 ฉากที่นางเอก ช่วยเอาพระเอกเข้าเครื่อง Autodoc เพื่อปั๊มหัวในพระเอกคืนมา (ถ้านางเอกจำ Override code 2317 ไม่ได้ หนังคงจบเศร้ามากๆ)
Time :105:20 - The end แล้วก็ฉากที่ทั้งคู่ ตัดสินใจ ไม่แยกจากกัน แม้จะเป็นไปได้ที่ใครคนนึงจะกลับเข้า Hybernation pod แล้วก็นอนไปอีก 90 ปี เพื่อให้ไปถึง Headstead 2 แต่สุดท้าย การได้อยู่ด้วยกัน การไม่ทิ้งความสุขระหว่างทาง คือสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม มันดีกว่าการมองแต่เป้าหมายปลายทางที่ไกลแสนไกล และบางทีมันอาจไม่สำคัญที่สุด
*** คำพูดนางเอกตอนสุดท้ายกินใจครับ A friend once said "You can't get so hung up on where you'd rather be"
"That you forget to make the most of where you are" (อย่ามัวมองแต่เป้าหมายที่ไกลแสนไกล จนลืมหาความสุขกับปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่)
Comment กันเข้ามาครับ ^^
ปล. ชอบเพลง Ending soundtrack ตอนจบมากๆครับ เข้ากับหนังได้แบบ สุดๆ (เพลงของ Imagine dragon ชื่อเพลง Levitate Levitate)
เล่าความประทับใจหนังเรื่อง Passenger 2016 กันครับ เป็น Dramatic film ที่ดี กลมกล่อม ไม่มากไป น้อยไป
ดูฟรีครับ แฮ่ะ แฮ่ะ ^^ ... ส่วนตัวชอบดูหนังฝรั่ง แนวๆนี้ เรื่องนี้เหมือนจะมีความ Hi-tech จินตนาการถึงมนุษย์อพยพไปอยู่ดาวอื่น
แต่มันกลายเป็นแค่องค์ประกอบครับ ไม่น่าเชื่อว่า หนังจะทำให้มีความ Drama ที่กลมกล่อม จนไป peak ถึงตอนจบได้จริงๆ
ความประทับใจของ จขกท. เกิดขึ้นตาม Climax แต่ละช่วงดังนี้ครับ
Time 24:15 - 25:00 พระเอกสิ้นหวัง เพราะแน่ใจแล้วว่าต้องอยู่คนเดียวบนยานที่มีคนนอนหลับ 5,000 กว่าคน แต่อยู่กับใครไม่ได้สักคน เหมือนตายทั้งเป็น
คิดจะปล่อยตัวเอง ออกนอกอวกาศแบบเนื้อสดๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ความกลัว กลับเข้ามา
Time 64:45 - 65:35 นางเอกสิ้นหวัง และโกรธพระเอกที่เพิ่งจะรักกันมากมาย แต่มารู้ความจริงว่า ถูกปลุกขึ้นมาเพราะพระเอก กำลังจะเงื้อเอาเหล็กทุบหัวพระเอกให้กระจุย แต่ก็ "ยั้งเอาไว้" มันทำให้เราต้องนึกในใจ ถ้าเราเป็นพระเอกเราก็จะยอมใช่มั้ย ให้ฆ่าให้ตายไป ถ้าเราเป็นนางเอก เราจะฆ่าทิ้ง หรือจะให้อภัยแล้วมาคิดแก้ไข
Time 76:40 - 77:10 กัปตันที่ Hybernation pod เสีย ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน พูดได้เป็นผู้ใหญ่ให้นางเอกได้คิด ในสถานการณ์ที่ก็เข้าใจความโกรธของนางเอก You're right Aurora, but the drowning man always drag someone down with him. It ain't right, but the man's drowning.
Time 84:20 - 85:15 กัปตันจะตายแล้ว แต่ก็เรียกทั้งพระเอก นางเอกมาปรับความเข้าใจ เริ่มประโยค You two take care of each other คือฝรั่งไม่พูดมาก ไม่ต้องออดอ้อน ให้คนคืนดีกัน กัปตันนั่งอยู่ในร่างที่กำลังจะตาย และมอบ ID Wrist band ให้พระเอกไว้ และบอกให้ซ่อม Spaceship เพื่อให้ทุกคนรอด แล้วกัปตันก็จากไป ...
Time 91:30 - 91:45 เป็นฉากที่นางเอกให้อภัยพระเอกแบบสั้นๆ ไม่ต้องออดอ้อน ไม่มีคำว่า I forgive you ด้วยซ้ำ แต่เป็นคำพูดอื่นที่คือ เบื้องลึกในหัวใจว่า ฉันให้อภัยเธอ เพราะฉันรักเธอมากกว่าจะอยู่กันแบบโกรธกัน "Jim, come back to me. I can't live on this ship (alone) without you"
Time 99:15 - 102:05 ฉากที่นางเอก ช่วยเอาพระเอกเข้าเครื่อง Autodoc เพื่อปั๊มหัวในพระเอกคืนมา (ถ้านางเอกจำ Override code 2317 ไม่ได้ หนังคงจบเศร้ามากๆ)
Time :105:20 - The end แล้วก็ฉากที่ทั้งคู่ ตัดสินใจ ไม่แยกจากกัน แม้จะเป็นไปได้ที่ใครคนนึงจะกลับเข้า Hybernation pod แล้วก็นอนไปอีก 90 ปี เพื่อให้ไปถึง Headstead 2 แต่สุดท้าย การได้อยู่ด้วยกัน การไม่ทิ้งความสุขระหว่างทาง คือสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม มันดีกว่าการมองแต่เป้าหมายปลายทางที่ไกลแสนไกล และบางทีมันอาจไม่สำคัญที่สุด
*** คำพูดนางเอกตอนสุดท้ายกินใจครับ A friend once said "You can't get so hung up on where you'd rather be"
"That you forget to make the most of where you are" (อย่ามัวมองแต่เป้าหมายที่ไกลแสนไกล จนลืมหาความสุขกับปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่)
Comment กันเข้ามาครับ ^^
ปล. ชอบเพลง Ending soundtrack ตอนจบมากๆครับ เข้ากับหนังได้แบบ สุดๆ (เพลงของ Imagine dragon ชื่อเพลง Levitate Levitate)