จริงๆก่อนเขียน หรือตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ตัวเจ้าของกระทู้เองยอมรับนะครับไม่ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไทย
แต่มีเพื่อน ผอง หรือพี่ๆน้องๆที่เคารพรักกันเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย แม้เขาเหล่านั้นไม่ได้ทำงานในยู Top 5 ของไทยครับ
คิดว่าตัวของเพื่อนเอง เขาคงได้ข้อมูลมาก่อน และกลั่นกรองมาก่อน ก่อนที่จะส่งให้ผมอ่านนะครับ
พูดกันตามตรงเจ้าของกระทู้จะไม่เอ่ยนะครับว่า มหาวิทยาลัยไหนที่ถูกทุนจีนครอบงำไปบ้างแล้ว แต่คิดว่าหลายคนทราบว่าสถานการณ์เด็ก นิสิตนักศึกษาลด หรือ มหาวิทยาลัยล้นห้องเรียนร้าง บางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงทุนรอนไม่เยอะ คิดว่าหนักหนาสาหัสเอาการอยู่ละครับ
มันแก้ปัญหาได้ไหม คือคำตอบมันคงอยู่ที่ว่า คุณจะให้ยุคมหาวิทยาลัยอู้ฟู่เปรี้ยงปร้างเหมือน 25-30 ปีก่อนหน้านี้ มันทำได้ไหมละ?
จนบางคนบอกทำไงได้ละ ไปศึกษาประชากรศาสตร์ก่อนทุกวันนี้เด็กเกิดใหม่ในไทยกี่คนต่อปี (ผมได้แนบภาพการเกิดประชากรไทยให้ดูครับ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เมื่อดูกราฟด้านล่างแล้ว เชิญอ่านบทความได้ด้านล่างรูปภาพเลยครับ)
ขนาดวันนี้ยังสาหัสกันขนาดนี้ ถ้านับจากนี้ต่อปีอีก 10 ปี หรือเมื่อเด็กในวันนี้ที่เกิดปี 2023 โตไปอีกนับอายุบวกไป 18 ปี (ตรงกับปี 2041 หรือ พ.ศ. 2584) สถานการณ์มหาวิทยาลัยไทย คิดว่าจำนวนผู้เรียนชั้นปีที่ 1 ภาพรวมทั่วประเทศต่ำแบบดิ่งลงเหว หรือตกหน้าผาแน่นอน กระทู้นี้บทความยาวนะครับ แต่จะพยายามแบ่งให้อ่าน หรือเว้นวรรคให้อ่านได้สะดวกครับ อาจไล่ไปในโพสถัดๆไปด้านล่างครับ
.................................................................................................................
แหล่งที่มา:
https://www.the101.world/thai-higher-education-and-china-investment/
ในสภาวะที่มหาวิทยาลัยไทยกำลังเผชิญวิกฤต ‘ที่นั่งล้น คนเรียนขาด’ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเปิดมหาวิทยาลัยมากกว่าความต้องการของผู้เรียน ซึ่งสวนทางกับรายได้และอัตราการเกิดของคนไทย ส่งผลให้การดึงดูดนักศึกษาจากต่างประเทศเป็นความหวังที่จะช่วยต่อลมหายใจให้หลายสถาบันสามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนที่เสี่ยงจะต้องยุบกิจการจากการขาดแคลนนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติในประเทศไทย นักศึกษาจีนเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดและมีการกระจายตัวไปศึกษาตามสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศมากที่สุด หลายมหาวิทยาลัยปรับตัวด้วยการยุบคณะที่คนเรียนน้อย แล้วหันมาเปิดหลักสูตรสำหรับนักศึกษาจีนที่สอนด้วยภาษาจีน หวังจะดึงดูดนักศึกษาจีนให้เข้ามาเรียนมากขึ้น มีบริษัทเอเจนซีที่จีนช่วยทำการตลาด ประชาสัมพันธ์อย่างหนักเพื่อชิงนักศึกษาจีนมาเรียนด้วยให้ได้มากที่สุด
การแข่งขันชิงตัวนักศึกษาจีนอันดุเดือดนี้ กำลังผลักสถาบันอุดมศึกษาไทยลงไปสู่ปากเหวของการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อผลกำไร (for-profit university) ที่มีเดิมพันเป็นเม็ดเงินมหาศาลจากปริมาณนักศึกษาที่เข้ามาเรียน แต่สวนทางกับคุณภาพบัณฑิตที่ผลิตได้
การหลั่งไหลเข้ามาของนักศึกษาจีน ทำให้กลุ่มทุนจีนเห็นช่องทางเติบโตในธุรกิจด้านการศึกษา เดินหน้าเข้าซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ในอาการร่อแร่ บ้างก็มาในรูปแบบของการเปิดบริษัทร่วมกับนักลงทุนไทยเพื่อหลบข้อจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติ เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่ามีเพียง 3 มหาวิทยาลัยที่มีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่จากคนไทยเป็นคนจีน แต่ข้อมูลจากหลายแหล่งข่าวกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่ามีมหาวิทยาลัยราว 10 แห่งอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขาย การไหลเข้ามาของนักศึกษาจีนยังกระเพื่อมไปกระตุ้นการลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และการค้า ที่เผชิญกับปรากฏการณ์จีนบุกไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว
การคืบคลานเข้ามาในปริมณฑลอุดมศึกษาไทยของกลุ่มทุนจีน นำมาสู่ความกังวลที่ว่าการศึกษาไทยจะถูกชี้นำและกำหนดทิศทางโดยกลุ่มทุนจีนหรือไม่ และในสภาวะที่การเปิดโปงธุรกิจสีเทาของนายทุนจีนกำลังคุกรุ่น มหาวิทยาลัยเป็นอีกหนึ่งช่องทางแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบที่น่าจับตามองด้วยหรือไม่ 101 ชวนสำรวจและจับตาสถานการณ์ทุนจีนรุกการศึกษาไทย ร่วมหาทางออกและทางรอดมหาวิทยาลัยไทยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อิทธิพลเงินหยวน และสามารถรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์การศึกษาไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
มหาวิทยาลัยไทย ในวันที่อยู่ในเงาทุนจีน
แต่มีเพื่อน ผอง หรือพี่ๆน้องๆที่เคารพรักกันเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย แม้เขาเหล่านั้นไม่ได้ทำงานในยู Top 5 ของไทยครับ
คิดว่าตัวของเพื่อนเอง เขาคงได้ข้อมูลมาก่อน และกลั่นกรองมาก่อน ก่อนที่จะส่งให้ผมอ่านนะครับ
พูดกันตามตรงเจ้าของกระทู้จะไม่เอ่ยนะครับว่า มหาวิทยาลัยไหนที่ถูกทุนจีนครอบงำไปบ้างแล้ว แต่คิดว่าหลายคนทราบว่าสถานการณ์เด็ก นิสิตนักศึกษาลด หรือ มหาวิทยาลัยล้นห้องเรียนร้าง บางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงทุนรอนไม่เยอะ คิดว่าหนักหนาสาหัสเอาการอยู่ละครับ
มันแก้ปัญหาได้ไหม คือคำตอบมันคงอยู่ที่ว่า คุณจะให้ยุคมหาวิทยาลัยอู้ฟู่เปรี้ยงปร้างเหมือน 25-30 ปีก่อนหน้านี้ มันทำได้ไหมละ?
จนบางคนบอกทำไงได้ละ ไปศึกษาประชากรศาสตร์ก่อนทุกวันนี้เด็กเกิดใหม่ในไทยกี่คนต่อปี (ผมได้แนบภาพการเกิดประชากรไทยให้ดูครับ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เมื่อดูกราฟด้านล่างแล้ว เชิญอ่านบทความได้ด้านล่างรูปภาพเลยครับ)
ขนาดวันนี้ยังสาหัสกันขนาดนี้ ถ้านับจากนี้ต่อปีอีก 10 ปี หรือเมื่อเด็กในวันนี้ที่เกิดปี 2023 โตไปอีกนับอายุบวกไป 18 ปี (ตรงกับปี 2041 หรือ พ.ศ. 2584) สถานการณ์มหาวิทยาลัยไทย คิดว่าจำนวนผู้เรียนชั้นปีที่ 1 ภาพรวมทั่วประเทศต่ำแบบดิ่งลงเหว หรือตกหน้าผาแน่นอน กระทู้นี้บทความยาวนะครับ แต่จะพยายามแบ่งให้อ่าน หรือเว้นวรรคให้อ่านได้สะดวกครับ อาจไล่ไปในโพสถัดๆไปด้านล่างครับ
.................................................................................................................
แหล่งที่มา: https://www.the101.world/thai-higher-education-and-china-investment/
ในสภาวะที่มหาวิทยาลัยไทยกำลังเผชิญวิกฤต ‘ที่นั่งล้น คนเรียนขาด’ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเปิดมหาวิทยาลัยมากกว่าความต้องการของผู้เรียน ซึ่งสวนทางกับรายได้และอัตราการเกิดของคนไทย ส่งผลให้การดึงดูดนักศึกษาจากต่างประเทศเป็นความหวังที่จะช่วยต่อลมหายใจให้หลายสถาบันสามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนที่เสี่ยงจะต้องยุบกิจการจากการขาดแคลนนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติในประเทศไทย นักศึกษาจีนเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดและมีการกระจายตัวไปศึกษาตามสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศมากที่สุด หลายมหาวิทยาลัยปรับตัวด้วยการยุบคณะที่คนเรียนน้อย แล้วหันมาเปิดหลักสูตรสำหรับนักศึกษาจีนที่สอนด้วยภาษาจีน หวังจะดึงดูดนักศึกษาจีนให้เข้ามาเรียนมากขึ้น มีบริษัทเอเจนซีที่จีนช่วยทำการตลาด ประชาสัมพันธ์อย่างหนักเพื่อชิงนักศึกษาจีนมาเรียนด้วยให้ได้มากที่สุด
การแข่งขันชิงตัวนักศึกษาจีนอันดุเดือดนี้ กำลังผลักสถาบันอุดมศึกษาไทยลงไปสู่ปากเหวของการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อผลกำไร (for-profit university) ที่มีเดิมพันเป็นเม็ดเงินมหาศาลจากปริมาณนักศึกษาที่เข้ามาเรียน แต่สวนทางกับคุณภาพบัณฑิตที่ผลิตได้
การหลั่งไหลเข้ามาของนักศึกษาจีน ทำให้กลุ่มทุนจีนเห็นช่องทางเติบโตในธุรกิจด้านการศึกษา เดินหน้าเข้าซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ในอาการร่อแร่ บ้างก็มาในรูปแบบของการเปิดบริษัทร่วมกับนักลงทุนไทยเพื่อหลบข้อจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติ เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่ามีเพียง 3 มหาวิทยาลัยที่มีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่จากคนไทยเป็นคนจีน แต่ข้อมูลจากหลายแหล่งข่าวกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่ามีมหาวิทยาลัยราว 10 แห่งอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขาย การไหลเข้ามาของนักศึกษาจีนยังกระเพื่อมไปกระตุ้นการลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และการค้า ที่เผชิญกับปรากฏการณ์จีนบุกไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว
การคืบคลานเข้ามาในปริมณฑลอุดมศึกษาไทยของกลุ่มทุนจีน นำมาสู่ความกังวลที่ว่าการศึกษาไทยจะถูกชี้นำและกำหนดทิศทางโดยกลุ่มทุนจีนหรือไม่ และในสภาวะที่การเปิดโปงธุรกิจสีเทาของนายทุนจีนกำลังคุกรุ่น มหาวิทยาลัยเป็นอีกหนึ่งช่องทางแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบที่น่าจับตามองด้วยหรือไม่ 101 ชวนสำรวจและจับตาสถานการณ์ทุนจีนรุกการศึกษาไทย ร่วมหาทางออกและทางรอดมหาวิทยาลัยไทยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อิทธิพลเงินหยวน และสามารถรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์การศึกษาไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน