สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกท่าน ผมมีเรื่องสอบถามเพื่อน ๆ ชาวสองล้อเกี่ยวกับเรื่องการใช้คลัชในรถจักรยานยนต์ครับ ขออภัยหากกระทู้มีเนื้อหาค่อนข้างยาว ตัวผม ขับรถ Kawasaki Ninja 400 ( มือหนึ่ง ) เป็นเวลา 4 ปี จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้ Kawasaki Ninja ZX-6R ( มือหนึ่ง ) ในคันปัจจุบัน เป็นเวลา 7 เดือนเศษ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเมื่อต้องการจะชะลอหรือเบรครถ เกือบทั้งหมดจำเป็นต้องใช้แรงหน่วงของเครื่องยนต์ช่วย แต่บางครั้งบางกรณี เราอาจเจออาการกระชากอย่างรุนแรงจากแรงหน่วงของเครื่องยนต์ตามรอบเครื่องยนต์+อัตราทดเกียร์ในขณะนั้น หลายคนอาจจะใช้การบิดคันเร่งเพื่อเพิ่มรอบเครื่องยนต์เพื่อลดแรงกระชากแทน แต่ผมใช้วิธีหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้ผมใช้มาตั้งแต่ปี 2548 ในสมัยเรียนมัธยมต้น ตอนนั้นขับ Honda LS เก่า ๆ คันหนึ่ง วิธีนั้นก็คือการปล่อยคันเร่งจนสุด ไม่บิดคันเร่งเลย แล้วกำคลัชแบบไม่สุดเอาครับ ทุกครั้งที่ใช้วิธีของผม ผมไม่ได้บิดคันเร่งเลย แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้รถเกิดแรงกระชากแรงหน่วงน้อยกว่าการปล่อยคลัชทั้งหมดแน่นอน อยากให้หน่วงเยอะก็ปล่อยคลัชเยอะหรือปล่อยคลัชหมดเลย อยากให้หน่วงน้อย ๆ ก็กำคลัชนิด ๆ หน่อย ๆ ตามที่เราต้องการ พอแรงหน่วงเยอะไปก็กำคลัชนิด ๆ แต่ถ้าแรงหน่วงน้อยไปก็ปล่อยคลัชเพิ่มหน่อย ๆ ประมานนี้ ผมทำมาโดยตลอดจนปัจจุบัน แม้จะขับรถมาเป็นเวลานาน จนปัจุบันนี้ผมเพิ่งจะสงสัยเอาว่า วิธีที่ผมใช้นั้น จะส่งผลให้คลัชหมดเร็วมากกว่าการปล่อยคลัชหมดทั้งมือหรือไม่ มีผลเสียอย่างไรบ้าง เช่น คลัชหมดไวกว่าปกติ เป็นต้น ผมเองก็ยังไม่พบผลเสียอะไรในรถทุกคันที่ขับมา ยังไม่เคยเปลี่ยนแผ่นคลัชทุกคันที่ขับมา คลัชทำงานตามปกติทุกคัน ส่วนผลดี สำหรับผมแล้วมันคือการควบคุมแรงหน่วงของเครื่องยนต์ได้ตามใจสั่ง  แค่จำเป็นต้องเผื่อระยะในการชะลอที่มากกว่าการปล่อยคลัชแบบหมด ไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็วก็ตาม เนื่องจากผมยังไม่พบผลเสีย ผมจึงคิดว่า การที่ผมยังไม่พบผลเสีย อาจจะเป็นเพราะผมมองข้ามไปหรือเพราะความไม่รู้ก็เป็นได้ จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อน ๆ มีคำตอบหรือมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณที่ชี้แนะครับ