[ I'll make it to the moon if I have to crawl ]
คอนเสิร์ตที่ 3 ของชีวิต Red Hot Chili Peppers Live in Singapore 2023
เราเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 12 ก.พ. 66 เป็นการเดินทางล่วงหน้าก่อนวันแสดงคอนเสิร์ตถึง 4 วัน นี่เป็นการดูคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ของเราแล้วก็จริง แต่ปัจจัยหลายอย่างแตกต่างจากเดิมมาก ทั้งสุขภาพของตัวเอง...และที่สำคัญยังเป็นการไปดูคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศครั้งแรก
เราจองตั๋วคอนฯ ตั้งแต่วันจำหน่ายบัตรวันแรก (พ.ย. 65) แอบงงเรื่องที่นั่งวีลแชร์ซึ่งไม่มีระบุในผัง ส่งอีเมลไปถามผู้จัดจำหน่าย เขาก็ตอบกลับมาว่าให้โทร.ถาม ก็เลยช่างมันวะ จากการไปสิงคโปร์มาครั้งหนึ่งแล้ว ลึกๆ ในใจเชื่อมั่นแหละว่าหมดห่วงเรื่องความสะดวกสำหรับคนพิการ
ปัญหาใหญ่ในการเดินทางครั้งนี้เลยอยู่ที่ตัวเราเอง อาการแพนิกที่เราเป็นทำให้เราหลอนกับเครื่องบิน คิดกลัวไปก่อนต่างๆ นานา แต่พอขึ้นเครื่องไปแล้วเรากลับลืมจินตนาการน่ากลัวในหัวไปหมด จริงอยู่ มันยังมีความหวั่นๆ ในอก แต่ใจกับความคิดเราตอนนั้นอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว
พอไปถึง ความวิตกกังวลที่ตามมาก็คือการเดินทางไปสนามกีฬาที่จัดแสดง ทีแรกเราตั้งใจจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน แต่จากการไปเที่ยวระหว่างนั้นก็คิดว่าถ้าวันแสดงเราต้องกลับกับแม่สองคนคงงงแน่ (ขนาดเลือกรร.ที่ใช้ MRT เส้นเดียวกันแล้วนะ แหะ) จะเปลี่ยนไปขึ้นแท็กซี่ก็งงกับจุดเรียกแท็กซี่อี๊กกก แถมยังต้องใช้ภาษาสื่อสาร สรุปตัดทิ้ง จนเหลือตัวเลือกสุดท้ายคือรถบัสหรือรถเมล์บ้านเรา
ก่อนวันแสดงวันนึง เราตัดสินใจทดลองเดินทางด้วยรถบัส ปรากฏว่ามันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ นั่งรถต่อเดียวแค่ 6 ป้ายก็ถึงสนาม (ใช้แอป moovit ดูเส้นทางและสายรถบัส คือดีมากกก) ตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่หลงแน่ตรู แล้วจากป้ายรถมีลิฟต์ขึ้นสกายวอล์กมาที่สนาม สบายมากกกกก เราเลยเดินสำรวจจากเกต 14 ไปเกต 9 ซึ่งเป็นประตูที่ตรงกับตั๋วเรา
วันนั้นแทบไม่มีใคร เรากับแม่กับเพื่อนแอบมองผ่านประตูเข้าไปเห็นเวทีในสนามด้วย โคตรแฮปปี้ ลืมเหนื่อย ขากลับเจอฝรั่งคนนึงยืนส่องประตูอีกเกตเลยได้คุยกัน เขาถามว่าเราจะมาดูคอนฯ พรุ่งนี้หรือเปล่า ส่วนเราก็ถามว่าเขาเคยดูหรือยัง เขาเลยเล่าว่าเขาอยู่ hometown เดียวกับ Anthony เคยดูครั้งแรกปี 1987 เอ่อ...ปีเกิดเราเลย
หลังจากรอมาหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันแสดง (16 ก.พ. 66) เราออกจากรร.ประมาณ 6 โมงเย็น แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนาม รถไม่ติดเลยยย ชาวบางกอกเกี้ยนผู้โลว์เอเนอจี้อย่างเราเลิฟมากกกกก (ปกติไปดูคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ บ้านอยู่บางกะปิยังจองรร.หลังราม) เราเข้าไปประจำที่นั่งประมาณทุ่มครึ่ง โซนเรามีคนบางตา ดูเหมือนโซนที่คนเยอะสุดจะเป็นโซนยืน
พูดถึงเรื่องที่นั่งหน่อย ที่นั่งวีลแชร์ที่นี่แตกต่างจาก 2 คอนเสิร์ตที่เราเคยดู (จัดที่ราชมังฯ ทั้งคู่) เพราะที่นี่ที่นั่งจะอยู่ตรงกับโซนบัตร เราซื้อโซน 119B ก็จะได้นั่งบนสุดของโซนนั้น ข้อดีคือสะดวก ที่นั่งเป็นเก้าอี้ตัวเว้นตัวเพื่อให้จอดรถเข็น แต่ข้อเสียคือไกลเวทีกว่าแถวจริงบนบัตรมากกกกกกกกก คนตาสั้น 650 คือไม่เห็นสิ่งมีชีวิตบนเวทีเลยจ้า แง
2 ทุ่มนิดๆ ไฟในสนามดับลง วงออกมาเล่น Intro Jam ซึ่งส่วนตัวเรารอคอยช่วงนี้มากกก ใฝ่ฝันอยากดูเขาแจมกันอย่างนี้ทุกครั้งที่ดูคลิปคอนเสิร์ต ฮือ ยิ่งตอนจอข้างเวทีฉายภาพโคลสอัป John ยิ่งจุกในอก แบบเชี่ยยย เรามาเพื่อพี่อะ แล้ว

เราดู GOAT เล่นกีตาร์ต่อหน้า เสียงงี้เข้าไปตวัดเกี่ยวหัวใจ
คงไม่ต้องบอกว่าเมนใคร อย่าเรียกเมนเลย ต้องเรียกพ่อโบสถ์วิหารของน้องงง (อ๋อ สะกดคนละเมน) หลายปีมานี้ไม่มีสักวันที่เราไม่เปิดฟังเพลงเดี่ยวของ John ตอนที่รู้ว่าเขากลับมาร่วมวง เราก็เฝ้ารอวันนี้มาตลอดดด
ตรงที่เรานั่ง เสียงดนตรีชัดมากกก ส่วนตัวคิดว่าเสียงดีกว่า 2 คอนเสิร์ตที่เคยดู แต่เสียงนักร้องเหมือนแตกๆ บอกไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกว่าเสียง Anthony ไม่ได้แย่อย่างที่คนอื่นบู้บี้นะ 5555 ที่จริงเราไม่ได้คาดหวังอยากฟังเพลงใดเป็นพิเศษ แต่พอได้ฟัง The Heavy Wing ก็เต็มตื้น ฮือออ ตะโกนร้องแบบน้ำตาจะไหล
แอบเฟลอย่างเดียวคือรู้สึกว่าคอนฯ จบเร็วไปหน่อย (2 ชม.) จริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับเฟลอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้จบ แง ทำใจไว้เยอะว่าคงกลับดึก กลัวเปลี่ยว กลัวรถหมด ที่ไหนได้กลับซะไว 5555 แล้วก็เป็นคอนฯ ที่พูดน้อยมากกก จริงๆ ชอบนะ ไม่ชอบศิลปินที่พูดเยอะ แต่นี่ก็น้อยจ๊าดดด 55
โดยรวมมันคุ้มค่าแล้วตั้งแต่เราได้สนับสนุนคนที่เรารัก แม้ในใจจะแอบค้างคาว่าถ้าเราพยายามมากกว่านี้ เช่นเลือกบัตรโซนยืน จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะได้เห็นศิลปินที่เรารักมากกว่านี้ แต่ถ้าเทียบกับสังขารและความทุลักทุเลตลอดทริปนี้ แค่ผ่านมาได้ด้วยดีก็โอเคแล้วละมั้ง
สำหรับเรา การดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชอบยังคงเป็นความสุขและช่วงเวลาที่วิเศษเสมอ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้อีกแล้วตั้งแต่โควิดระบาด เหมือนโลกกลับมาเคลื่อนไหว
สำหรับพี่จ้อน เราจะรอดูพี่อีกนะ รอเสมอ รอตลอดไป
ป.ล. ขอบคุณทุกคนที่บ้านที่เหนื่อยไปด้วย ขอบคุณโบว์ที่ไปเป็นเพื่อน แถมรอซื้อเสื้อให้อีก มันเติมเต็มเรามาก ขอบคุณลุงๆ ที่เดินทางทัวร์รอบโลก ได้โปรดมาแถวนี้อีกนะ
Red Hot Chili Peppers Live in Singapore 2023 : I'll make it to the moon if I have to crawl
เราเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 12 ก.พ. 66 เป็นการเดินทางล่วงหน้าก่อนวันแสดงคอนเสิร์ตถึง 4 วัน นี่เป็นการดูคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ของเราแล้วก็จริง แต่ปัจจัยหลายอย่างแตกต่างจากเดิมมาก ทั้งสุขภาพของตัวเอง...และที่สำคัญยังเป็นการไปดูคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศครั้งแรก
เราจองตั๋วคอนฯ ตั้งแต่วันจำหน่ายบัตรวันแรก (พ.ย. 65) แอบงงเรื่องที่นั่งวีลแชร์ซึ่งไม่มีระบุในผัง ส่งอีเมลไปถามผู้จัดจำหน่าย เขาก็ตอบกลับมาว่าให้โทร.ถาม ก็เลยช่างมันวะ จากการไปสิงคโปร์มาครั้งหนึ่งแล้ว ลึกๆ ในใจเชื่อมั่นแหละว่าหมดห่วงเรื่องความสะดวกสำหรับคนพิการ
ปัญหาใหญ่ในการเดินทางครั้งนี้เลยอยู่ที่ตัวเราเอง อาการแพนิกที่เราเป็นทำให้เราหลอนกับเครื่องบิน คิดกลัวไปก่อนต่างๆ นานา แต่พอขึ้นเครื่องไปแล้วเรากลับลืมจินตนาการน่ากลัวในหัวไปหมด จริงอยู่ มันยังมีความหวั่นๆ ในอก แต่ใจกับความคิดเราตอนนั้นอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว
พอไปถึง ความวิตกกังวลที่ตามมาก็คือการเดินทางไปสนามกีฬาที่จัดแสดง ทีแรกเราตั้งใจจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน แต่จากการไปเที่ยวระหว่างนั้นก็คิดว่าถ้าวันแสดงเราต้องกลับกับแม่สองคนคงงงแน่ (ขนาดเลือกรร.ที่ใช้ MRT เส้นเดียวกันแล้วนะ แหะ) จะเปลี่ยนไปขึ้นแท็กซี่ก็งงกับจุดเรียกแท็กซี่อี๊กกก แถมยังต้องใช้ภาษาสื่อสาร สรุปตัดทิ้ง จนเหลือตัวเลือกสุดท้ายคือรถบัสหรือรถเมล์บ้านเรา
ก่อนวันแสดงวันนึง เราตัดสินใจทดลองเดินทางด้วยรถบัส ปรากฏว่ามันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ นั่งรถต่อเดียวแค่ 6 ป้ายก็ถึงสนาม (ใช้แอป moovit ดูเส้นทางและสายรถบัส คือดีมากกก) ตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่หลงแน่ตรู แล้วจากป้ายรถมีลิฟต์ขึ้นสกายวอล์กมาที่สนาม สบายมากกกกก เราเลยเดินสำรวจจากเกต 14 ไปเกต 9 ซึ่งเป็นประตูที่ตรงกับตั๋วเรา
วันนั้นแทบไม่มีใคร เรากับแม่กับเพื่อนแอบมองผ่านประตูเข้าไปเห็นเวทีในสนามด้วย โคตรแฮปปี้ ลืมเหนื่อย ขากลับเจอฝรั่งคนนึงยืนส่องประตูอีกเกตเลยได้คุยกัน เขาถามว่าเราจะมาดูคอนฯ พรุ่งนี้หรือเปล่า ส่วนเราก็ถามว่าเขาเคยดูหรือยัง เขาเลยเล่าว่าเขาอยู่ hometown เดียวกับ Anthony เคยดูครั้งแรกปี 1987 เอ่อ...ปีเกิดเราเลย
หลังจากรอมาหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันแสดง (16 ก.พ. 66) เราออกจากรร.ประมาณ 6 โมงเย็น แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนาม รถไม่ติดเลยยย ชาวบางกอกเกี้ยนผู้โลว์เอเนอจี้อย่างเราเลิฟมากกกกก (ปกติไปดูคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ บ้านอยู่บางกะปิยังจองรร.หลังราม) เราเข้าไปประจำที่นั่งประมาณทุ่มครึ่ง โซนเรามีคนบางตา ดูเหมือนโซนที่คนเยอะสุดจะเป็นโซนยืน
พูดถึงเรื่องที่นั่งหน่อย ที่นั่งวีลแชร์ที่นี่แตกต่างจาก 2 คอนเสิร์ตที่เราเคยดู (จัดที่ราชมังฯ ทั้งคู่) เพราะที่นี่ที่นั่งจะอยู่ตรงกับโซนบัตร เราซื้อโซน 119B ก็จะได้นั่งบนสุดของโซนนั้น ข้อดีคือสะดวก ที่นั่งเป็นเก้าอี้ตัวเว้นตัวเพื่อให้จอดรถเข็น แต่ข้อเสียคือไกลเวทีกว่าแถวจริงบนบัตรมากกกกกกกกก คนตาสั้น 650 คือไม่เห็นสิ่งมีชีวิตบนเวทีเลยจ้า แง
2 ทุ่มนิดๆ ไฟในสนามดับลง วงออกมาเล่น Intro Jam ซึ่งส่วนตัวเรารอคอยช่วงนี้มากกก ใฝ่ฝันอยากดูเขาแจมกันอย่างนี้ทุกครั้งที่ดูคลิปคอนเสิร์ต ฮือ ยิ่งตอนจอข้างเวทีฉายภาพโคลสอัป John ยิ่งจุกในอก แบบเชี่ยยย เรามาเพื่อพี่อะ แล้ว
คงไม่ต้องบอกว่าเมนใคร อย่าเรียกเมนเลย ต้องเรียกพ่อโบสถ์วิหารของน้องงง (อ๋อ สะกดคนละเมน) หลายปีมานี้ไม่มีสักวันที่เราไม่เปิดฟังเพลงเดี่ยวของ John ตอนที่รู้ว่าเขากลับมาร่วมวง เราก็เฝ้ารอวันนี้มาตลอดดด
ตรงที่เรานั่ง เสียงดนตรีชัดมากกก ส่วนตัวคิดว่าเสียงดีกว่า 2 คอนเสิร์ตที่เคยดู แต่เสียงนักร้องเหมือนแตกๆ บอกไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกว่าเสียง Anthony ไม่ได้แย่อย่างที่คนอื่นบู้บี้นะ 5555 ที่จริงเราไม่ได้คาดหวังอยากฟังเพลงใดเป็นพิเศษ แต่พอได้ฟัง The Heavy Wing ก็เต็มตื้น ฮือออ ตะโกนร้องแบบน้ำตาจะไหล
แอบเฟลอย่างเดียวคือรู้สึกว่าคอนฯ จบเร็วไปหน่อย (2 ชม.) จริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับเฟลอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้จบ แง ทำใจไว้เยอะว่าคงกลับดึก กลัวเปลี่ยว กลัวรถหมด ที่ไหนได้กลับซะไว 5555 แล้วก็เป็นคอนฯ ที่พูดน้อยมากกก จริงๆ ชอบนะ ไม่ชอบศิลปินที่พูดเยอะ แต่นี่ก็น้อยจ๊าดดด 55
โดยรวมมันคุ้มค่าแล้วตั้งแต่เราได้สนับสนุนคนที่เรารัก แม้ในใจจะแอบค้างคาว่าถ้าเราพยายามมากกว่านี้ เช่นเลือกบัตรโซนยืน จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะได้เห็นศิลปินที่เรารักมากกว่านี้ แต่ถ้าเทียบกับสังขารและความทุลักทุเลตลอดทริปนี้ แค่ผ่านมาได้ด้วยดีก็โอเคแล้วละมั้ง
สำหรับเรา การดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชอบยังคงเป็นความสุขและช่วงเวลาที่วิเศษเสมอ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้อีกแล้วตั้งแต่โควิดระบาด เหมือนโลกกลับมาเคลื่อนไหว
สำหรับพี่จ้อน เราจะรอดูพี่อีกนะ รอเสมอ รอตลอดไป
ป.ล. ขอบคุณทุกคนที่บ้านที่เหนื่อยไปด้วย ขอบคุณโบว์ที่ไปเป็นเพื่อน แถมรอซื้อเสื้อให้อีก มันเติมเต็มเรามาก ขอบคุณลุงๆ ที่เดินทางทัวร์รอบโลก ได้โปรดมาแถวนี้อีกนะ