ในช่วงวันโกน วันพระ โดยเฉพาะวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำและ แรม 15 ค่ำเราจะมีอาการแปลกๆตลอด
เราไม่รู้ว่าอาการแปลกๆแบบนี้ของเราเป็นมานานเท่าไหร่แล้วเพราะเราไม่ค่อยได้ใส่ใจและคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่หลังๆมา เรามาสังเกตได้ว่าอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับเราในช่วงวันโกน วันพระเสมอโดยเฉพาะในวันพระใหญ่ทั้ง 2 วันของทุกเดือน
เราจะมีอาการ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ฟุ้งซ่าน และจะนอนไปหลับเลยตลอดทั้งคืน ทั้งๆที่คืนปกติเรานอนหลับดี หลับง่าย มาโดยตลอด
แต่เมื่อถึงคืนวันโกนของวันพระใหญ่ทีไร เราจะเป็นเช่นนั้นตลอด จนพักหลังๆมาเวลาที่เรามีอาการแบบนั้น เราจะรู้ตัวโดยอัตโนมัติ
ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นต้องเป็นวันพระแน่นอน แล้วก็เป็นวันพระจริงๆ และจะเป็นวันพระใหญ่เหมือนที่เราบอกตลอด
หลังๆมาที่เราสังเกตได้ว่าเราจะมีอาการช่วงวันโกนวันพระ ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจ มันเป็นเพราะเราได้รับ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ จากพระน้องชายมาบูชา
เราจึงตั้งใจบูชาและบอกกล่าวไว้ว่า เราจะตั้งน้ำอัดลมบูชาในทุกๆวันพระ และเราก็บูชามาเช่นนั้นไม่เคยขาด
เพราะเราตั้งปฎิทินแจ้งเตือนไว้ในโทรศัพท์ แต่ถ้ามีเหตุให้ตั้งน้ำอัดลมบูชาไม่ได้ในวันพระ เราก็จะตั้งให้ในวันถัดไป
การตั้งปฎิทินแจ้งเตือนในเรื่องนั้นทำให้เราสังเกตตัวเองในเรื่องอาการนอนไม่หลับของเราในช่วงวันโกนวันพระใหญ่ได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งแรกๆที่สังเกตได้เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามันคงจะบังเอิญมากกว่า ที่มันเป็นเฉพาะวันโกน วันพระ
แต่หลังๆมามันก็เป็นหนักขึ้น และเป็นในวันโกนวันพระใหญ่ตลอดตรงเป๊ะๆ จนเราคิดว่ามันไม่บังเอิญแล้ว
วันพระใหญ่แรกของเดือนนี้เรานอนไม่ได้เลย จนเราต้องเอาลูกประคำของพระอาจารย์จากวัดฉลอง
ที่ท่านได้ให้เราไว้ มานอนสวดอิติปิโส 108 จบ เราจึงจะสงบลงและหลับไปได้ในที่สุด
ซึ่งการได้มาของลูกประคำนี้ของเราก็ค่อนข้างแปลก พระอาจารย์วัดฉลองท่านนี้คือ พระอาจารย์รูปที่สึกให้เราตอนที่เราบวชชีโกนหัว ปฎิบัติธรรมเพื่อช่วยชีวิตลูกเรา
เราต้องบินมาสึกที่วัดฉลอง ที่ภูเก็ตกับท่านเพราะฤกษ์สึกของเราเป็นวันที่หลังจากเราต้องบินกลับลงมาทำงานแล้ว
เราจึงต้องบินมาสึกที่ วัดฉลองที่ภูเก็ตกับท่าน ซึ่งก่อนหน้านั้นเราไม่เคยรู้จัก หรือพบเห็นท่านมาก่อน แม้ว่าเราจะไปทำบุญที่วัดฉลองอยู่บ่อยไปก็ตาม
ท่านเป็นพระอาจารย์อุปัชฌาย์จึงไม่ค่อยเห็นท่านออกมารับสังฆทานบ่อยนัก มีแต่พระรูปอื่นที่เราเจอบ่อยๆ
พระอาจารย์รูปนี้ ท่านมีลักษณะที่ค่อนข้างจะเคร่งขรึม และท่านก็จะถือลูกประคำไว้ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากที่เราได้ลาสิกขากับท่าน เราก็เจอท่านไม่บ่อยนัก
แต่เราก็จะจำท่านได้เพราะท่านจะถือลูกประคำอยู่ตลอด ต่างจากพระรูปอื่น
ตอนที่เรายังทำงานอยู่ที่ภูเก็ต มีอยู่คืนนึงเราก็มีอาการแปลกๆเช่นนี้แหละ คือนอนไม่ค่อยหลับ ใจหวิวๆ และมีความรู้สึกแปลกๆแบบบอกไม่ถูก
วันรุ่งขึ้นเราก็ไปทำบุญที่วัดฉลองเหมือนเช่นเคย แต่วันนั้นเหมือนเราจะโชคดีมาก เพราะพระอาจารย์รูปนี้ท่านขึ้นรับสังฆทาน
พอเราถวายสังฆทานเสร็จ เราก็บอกกล่าวท่านเรื่องอาการแปลกๆของเรา เพื่อหวังว่าท่านจะให้สายสิญจน์ผูกข้อมือแก่เรา
แต่ท่านกลับยื่นลูกประคำของท่านมาให้เราแทน และบอกกับเราว่า ให้เราพกลูกประคำนี้ไว้ติดตัวตลอด ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน
เราก็ได้แต่รับมาไว้แบบงงๆ ไม่คิดว่าท่านจะให้ของที่ท่านพกติดตัวอยู่ตลอดแก่เราง่ายๆเช่นนั้น เราจึงคิดว่า อาการแปลกๆของเรามันต้องมีอะไรแน่ๆ
แต่เราเองก็ไม่รู้เพราะตอนนั้นเราก็ได้ปิดสัมผัสของเราไปแล้ว และหลังจากนั้นเราก็ได้พกลูกประคำของท่านติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน
เพราะคิดว่าน่าจะมีเหตุผลที่ท่านให้สิ่งนี้แก่เรามา และเราก็เอามาใช้สวดอิติปิโส 108 จบ 2-3 ครั้งเท่าที่เราจำได้ เพราะอาการนอนไม่หลับในวันโกน วันพระของเรา
และในวันโกนที่เพิ่งผ่านมานี้ เราก็มีอาการนอนไม่หลับเหมือนเช่นเคย คราวนี้เรามีความรู้สึกเหมือนมีอะไรยุกยิกๆ อยู่บนหัวอยู่ตลอด
ทำให้เราต้องเอามือปัด เอามือเกาหัว ตรงบริเวณไรผม ใกล้ๆหน้าผากอยู่ทั้งคืน จนไม่ได้นอนอีก ตลอดคืน
เช้ามาเราคิดว่า วันนี้ต้องเป็นวันพระแน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด วันนั้นสามีเราชวนไปเดินเล่นในป่า ซึ่งก็เป็นทางที่เราไปเดินเล่นด้วยกันประจำตลอด
แต่วันนั้นแดดจ้ามาก เดินไปได้สักครึ่งทางได้จู่ๆเราก็รู้สึกแดดที่ส่องตาทำให้เราลืมตาไม่ขึ้น แล้วจู่ๆก็เหมือนจะหลับซะงั้น
เราก็บอกสามีเราว่าเราอาการไม่ค่อยดี แต่เหมือนเขาจะไม่เชื่อ ก็ยังให้เราฝืนเดินไปต่อ เราก็ทนฝืนเดินต่อไปจนสุดท้ายก็รู้สึกหมดแรงแล้วก็ล้มลงไปนอน เหมือนจะหลับไปเลย
เราคิดว่าเราคงจะตายแน่ๆ และทำใจไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง สักพักสามีเราก็กลับมาหิ้วปีกเราให้เดินไปต่อ ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรเลย
ไม่หนาวเลยแม้เราจะลงไปนอนจมหิมะอยู่ นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เรายังคงมีความรู้สึกตัวอยู่ตลอด แค่มันควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะหลับอย่างเดียว
ฝืนเดินต่อไม่ไหว จนสุดท้ายสามีเราก็เรียกแท็กซี่พากลับบ้าน พอมาถึงบ้านเราก็นอนหลับไปเลย หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เรามีความรู้หนาวสุดๆ ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงมือ
ห่มผ้าหนาเท่าไหร่ก็ยังหนาว แต่เราก็ยังคงหลับ หลับทั้งหนาวๆแบบนั้นแหละ สามีเราเทียวแวะมาเรียก แวะมาวัดความดัน ซึ่งเรามีความดันต่ำเป็นปกติอยู่แล้ว
คราวนี้ความดันเราก็ต่ำลงไปอีก เราก็พยายามหลับแล้วคิดว่า เราคงจะหลับไม่ตื่นแน่ๆ แต่เพราะมันหนาวมาก ปลายเท้า ปลายมือหนาวแบบ เราไม่เคยหนาวมาก่อนในชีวิต
แต่พอเราจะขยับเท้า ขยับมือ มันกลายเป็นว่าเราไม่มีความรู้สึกถึงมันเลย เหมือนมันชาไปหมดทั้งมือทั้งเท้า ชาไปทั้งตัว สัมผัสอะไรไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย
เราอยู่ในอาการเช่นนั้นเป็นนานสองนาน มันเหมือนกับว่าความรู้สึกหนาวของเรามันเป็นแค่อาการทางความรู้สึก แต่อาการทางร่างกายของเราจริงๆไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เหมือนมันจะแยกส่วนออกมาอย่างสิ้นเชิง
เราพยายามที่จะขยับทุกส่วนของร่างกายให้มันกลับมามีความรู้สึกอีกอย่าง เพราะมันรับความรู้สึกอะไรไม่ได้เลย เราสามารถขยับแขนขาได้แต่เหมือนมันชาไปหมดทุกส่วน ไม่ได้รู้สึกว่ามันขยับตามอาการแต่อย่างใด
หลังจากที่เราพยายามอยู่สักพักใหญ่ๆความรู้สึกเราก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่เรารู้สึกเหมือนเพลียมากๆ เหมือนพลังงานหมดไม่เหลือเลย
ตกกลางคืนเราก็นอนไม่ค่อยหลับอีก กระสับกระส่ายเหมือนเดิม ลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก จนกระทั่งรุ่งสางเราได้ยินเสียงเรียก เราก็คิดว่าสามีเราเรียกปลุก เพราะเขาจะเรียกปลุกเราตลอดถ้าเขาตื่นก่อน
แต่เราก็ไม่ได้ตื่นลืมตามาดู แต่เพราะเสียงที่เรียกเรา เรียกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เราจึงเอะใจ เพราะปกติถ้าเป็นสามีเราเรียกปลุก เขาจะเรียกเราซ้ำๆ หลายครั้งและเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
แต่ว่าครั้งนี้ไม่มีการเรียกซ้ำ เรียกแค่ครั้งเดียวแล้วก็หายไปเลย เราจึงตื่นลืมตามาดูก็ปรากฏว่ายังไม่สว่างดีและสามีเราก็ยังนอนกรนอยู่ข้างๆ ยังไม่ได้ตื่นมาเรียกเราแต่อย่างใด
ที่เราคิดว่าเป็นสามีเรา เพราะว่าเสียงที่เรียกนั้น เรียกชื่อจริงเราซึ่งมีแค่เขาคนเดียวที่เรียกเราเช่นนั้น และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในช่วงวันโกน วันพระ
ซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะเป็นอาถรรพ์หรือมีความเกี่ยวข้องกับอาการแปลกๆของเราและอาการนอนไม่หลับของเราแน่ๆ
รวมทั้งการเห็น นิมิต ของเราด้วยซึ่งส่วนใหญ่ที่เราสังเกต เราก็จะเห็นหรือฝันในช่วงวันโกน วันพระใหญ่ เช่นกัน
อาถรรพ์ วันโกน วันพระ
เราไม่รู้ว่าอาการแปลกๆแบบนี้ของเราเป็นมานานเท่าไหร่แล้วเพราะเราไม่ค่อยได้ใส่ใจและคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่หลังๆมา เรามาสังเกตได้ว่าอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับเราในช่วงวันโกน วันพระเสมอโดยเฉพาะในวันพระใหญ่ทั้ง 2 วันของทุกเดือน
เราจะมีอาการ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ฟุ้งซ่าน และจะนอนไปหลับเลยตลอดทั้งคืน ทั้งๆที่คืนปกติเรานอนหลับดี หลับง่าย มาโดยตลอด
แต่เมื่อถึงคืนวันโกนของวันพระใหญ่ทีไร เราจะเป็นเช่นนั้นตลอด จนพักหลังๆมาเวลาที่เรามีอาการแบบนั้น เราจะรู้ตัวโดยอัตโนมัติ
ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นต้องเป็นวันพระแน่นอน แล้วก็เป็นวันพระจริงๆ และจะเป็นวันพระใหญ่เหมือนที่เราบอกตลอด
หลังๆมาที่เราสังเกตได้ว่าเราจะมีอาการช่วงวันโกนวันพระ ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจ มันเป็นเพราะเราได้รับ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ จากพระน้องชายมาบูชา
เราจึงตั้งใจบูชาและบอกกล่าวไว้ว่า เราจะตั้งน้ำอัดลมบูชาในทุกๆวันพระ และเราก็บูชามาเช่นนั้นไม่เคยขาด
เพราะเราตั้งปฎิทินแจ้งเตือนไว้ในโทรศัพท์ แต่ถ้ามีเหตุให้ตั้งน้ำอัดลมบูชาไม่ได้ในวันพระ เราก็จะตั้งให้ในวันถัดไป
การตั้งปฎิทินแจ้งเตือนในเรื่องนั้นทำให้เราสังเกตตัวเองในเรื่องอาการนอนไม่หลับของเราในช่วงวันโกนวันพระใหญ่ได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งแรกๆที่สังเกตได้เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามันคงจะบังเอิญมากกว่า ที่มันเป็นเฉพาะวันโกน วันพระ
แต่หลังๆมามันก็เป็นหนักขึ้น และเป็นในวันโกนวันพระใหญ่ตลอดตรงเป๊ะๆ จนเราคิดว่ามันไม่บังเอิญแล้ว
วันพระใหญ่แรกของเดือนนี้เรานอนไม่ได้เลย จนเราต้องเอาลูกประคำของพระอาจารย์จากวัดฉลอง
ที่ท่านได้ให้เราไว้ มานอนสวดอิติปิโส 108 จบ เราจึงจะสงบลงและหลับไปได้ในที่สุด
ซึ่งการได้มาของลูกประคำนี้ของเราก็ค่อนข้างแปลก พระอาจารย์วัดฉลองท่านนี้คือ พระอาจารย์รูปที่สึกให้เราตอนที่เราบวชชีโกนหัว ปฎิบัติธรรมเพื่อช่วยชีวิตลูกเรา
เราต้องบินมาสึกที่วัดฉลอง ที่ภูเก็ตกับท่านเพราะฤกษ์สึกของเราเป็นวันที่หลังจากเราต้องบินกลับลงมาทำงานแล้ว
เราจึงต้องบินมาสึกที่ วัดฉลองที่ภูเก็ตกับท่าน ซึ่งก่อนหน้านั้นเราไม่เคยรู้จัก หรือพบเห็นท่านมาก่อน แม้ว่าเราจะไปทำบุญที่วัดฉลองอยู่บ่อยไปก็ตาม
ท่านเป็นพระอาจารย์อุปัชฌาย์จึงไม่ค่อยเห็นท่านออกมารับสังฆทานบ่อยนัก มีแต่พระรูปอื่นที่เราเจอบ่อยๆ
พระอาจารย์รูปนี้ ท่านมีลักษณะที่ค่อนข้างจะเคร่งขรึม และท่านก็จะถือลูกประคำไว้ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากที่เราได้ลาสิกขากับท่าน เราก็เจอท่านไม่บ่อยนัก
แต่เราก็จะจำท่านได้เพราะท่านจะถือลูกประคำอยู่ตลอด ต่างจากพระรูปอื่น
ตอนที่เรายังทำงานอยู่ที่ภูเก็ต มีอยู่คืนนึงเราก็มีอาการแปลกๆเช่นนี้แหละ คือนอนไม่ค่อยหลับ ใจหวิวๆ และมีความรู้สึกแปลกๆแบบบอกไม่ถูก
วันรุ่งขึ้นเราก็ไปทำบุญที่วัดฉลองเหมือนเช่นเคย แต่วันนั้นเหมือนเราจะโชคดีมาก เพราะพระอาจารย์รูปนี้ท่านขึ้นรับสังฆทาน
พอเราถวายสังฆทานเสร็จ เราก็บอกกล่าวท่านเรื่องอาการแปลกๆของเรา เพื่อหวังว่าท่านจะให้สายสิญจน์ผูกข้อมือแก่เรา
แต่ท่านกลับยื่นลูกประคำของท่านมาให้เราแทน และบอกกับเราว่า ให้เราพกลูกประคำนี้ไว้ติดตัวตลอด ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน
เราก็ได้แต่รับมาไว้แบบงงๆ ไม่คิดว่าท่านจะให้ของที่ท่านพกติดตัวอยู่ตลอดแก่เราง่ายๆเช่นนั้น เราจึงคิดว่า อาการแปลกๆของเรามันต้องมีอะไรแน่ๆ
แต่เราเองก็ไม่รู้เพราะตอนนั้นเราก็ได้ปิดสัมผัสของเราไปแล้ว และหลังจากนั้นเราก็ได้พกลูกประคำของท่านติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน
เพราะคิดว่าน่าจะมีเหตุผลที่ท่านให้สิ่งนี้แก่เรามา และเราก็เอามาใช้สวดอิติปิโส 108 จบ 2-3 ครั้งเท่าที่เราจำได้ เพราะอาการนอนไม่หลับในวันโกน วันพระของเรา
และในวันโกนที่เพิ่งผ่านมานี้ เราก็มีอาการนอนไม่หลับเหมือนเช่นเคย คราวนี้เรามีความรู้สึกเหมือนมีอะไรยุกยิกๆ อยู่บนหัวอยู่ตลอด
ทำให้เราต้องเอามือปัด เอามือเกาหัว ตรงบริเวณไรผม ใกล้ๆหน้าผากอยู่ทั้งคืน จนไม่ได้นอนอีก ตลอดคืน
เช้ามาเราคิดว่า วันนี้ต้องเป็นวันพระแน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด วันนั้นสามีเราชวนไปเดินเล่นในป่า ซึ่งก็เป็นทางที่เราไปเดินเล่นด้วยกันประจำตลอด
แต่วันนั้นแดดจ้ามาก เดินไปได้สักครึ่งทางได้จู่ๆเราก็รู้สึกแดดที่ส่องตาทำให้เราลืมตาไม่ขึ้น แล้วจู่ๆก็เหมือนจะหลับซะงั้น
เราก็บอกสามีเราว่าเราอาการไม่ค่อยดี แต่เหมือนเขาจะไม่เชื่อ ก็ยังให้เราฝืนเดินไปต่อ เราก็ทนฝืนเดินต่อไปจนสุดท้ายก็รู้สึกหมดแรงแล้วก็ล้มลงไปนอน เหมือนจะหลับไปเลย
เราคิดว่าเราคงจะตายแน่ๆ และทำใจไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง สักพักสามีเราก็กลับมาหิ้วปีกเราให้เดินไปต่อ ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรเลย
ไม่หนาวเลยแม้เราจะลงไปนอนจมหิมะอยู่ นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เรายังคงมีความรู้สึกตัวอยู่ตลอด แค่มันควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะหลับอย่างเดียว
ฝืนเดินต่อไม่ไหว จนสุดท้ายสามีเราก็เรียกแท็กซี่พากลับบ้าน พอมาถึงบ้านเราก็นอนหลับไปเลย หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เรามีความรู้หนาวสุดๆ ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงมือ
ห่มผ้าหนาเท่าไหร่ก็ยังหนาว แต่เราก็ยังคงหลับ หลับทั้งหนาวๆแบบนั้นแหละ สามีเราเทียวแวะมาเรียก แวะมาวัดความดัน ซึ่งเรามีความดันต่ำเป็นปกติอยู่แล้ว
คราวนี้ความดันเราก็ต่ำลงไปอีก เราก็พยายามหลับแล้วคิดว่า เราคงจะหลับไม่ตื่นแน่ๆ แต่เพราะมันหนาวมาก ปลายเท้า ปลายมือหนาวแบบ เราไม่เคยหนาวมาก่อนในชีวิต
แต่พอเราจะขยับเท้า ขยับมือ มันกลายเป็นว่าเราไม่มีความรู้สึกถึงมันเลย เหมือนมันชาไปหมดทั้งมือทั้งเท้า ชาไปทั้งตัว สัมผัสอะไรไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย
เราอยู่ในอาการเช่นนั้นเป็นนานสองนาน มันเหมือนกับว่าความรู้สึกหนาวของเรามันเป็นแค่อาการทางความรู้สึก แต่อาการทางร่างกายของเราจริงๆไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เหมือนมันจะแยกส่วนออกมาอย่างสิ้นเชิง
เราพยายามที่จะขยับทุกส่วนของร่างกายให้มันกลับมามีความรู้สึกอีกอย่าง เพราะมันรับความรู้สึกอะไรไม่ได้เลย เราสามารถขยับแขนขาได้แต่เหมือนมันชาไปหมดทุกส่วน ไม่ได้รู้สึกว่ามันขยับตามอาการแต่อย่างใด
หลังจากที่เราพยายามอยู่สักพักใหญ่ๆความรู้สึกเราก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่เรารู้สึกเหมือนเพลียมากๆ เหมือนพลังงานหมดไม่เหลือเลย
ตกกลางคืนเราก็นอนไม่ค่อยหลับอีก กระสับกระส่ายเหมือนเดิม ลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก จนกระทั่งรุ่งสางเราได้ยินเสียงเรียก เราก็คิดว่าสามีเราเรียกปลุก เพราะเขาจะเรียกปลุกเราตลอดถ้าเขาตื่นก่อน
แต่เราก็ไม่ได้ตื่นลืมตามาดู แต่เพราะเสียงที่เรียกเรา เรียกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เราจึงเอะใจ เพราะปกติถ้าเป็นสามีเราเรียกปลุก เขาจะเรียกเราซ้ำๆ หลายครั้งและเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
แต่ว่าครั้งนี้ไม่มีการเรียกซ้ำ เรียกแค่ครั้งเดียวแล้วก็หายไปเลย เราจึงตื่นลืมตามาดูก็ปรากฏว่ายังไม่สว่างดีและสามีเราก็ยังนอนกรนอยู่ข้างๆ ยังไม่ได้ตื่นมาเรียกเราแต่อย่างใด
ที่เราคิดว่าเป็นสามีเรา เพราะว่าเสียงที่เรียกนั้น เรียกชื่อจริงเราซึ่งมีแค่เขาคนเดียวที่เรียกเราเช่นนั้น และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในช่วงวันโกน วันพระ
ซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะเป็นอาถรรพ์หรือมีความเกี่ยวข้องกับอาการแปลกๆของเราและอาการนอนไม่หลับของเราแน่ๆ
รวมทั้งการเห็น นิมิต ของเราด้วยซึ่งส่วนใหญ่ที่เราสังเกต เราก็จะเห็นหรือฝันในช่วงวันโกน วันพระใหญ่ เช่นกัน