ในตอนที่ 12 ของรายการ No Prepare ซึงกวาน SevenTeen เปิดใจเกี่ยวกับความต้องการที่จะพบกับบังซีฮยอก เมื่อบริษัทควบรวมกิจการในช่วงแรก ๆ เขาได้ถาม Han Sung Soo CEO ของ Pledis Entertainment ว่า "มีโอกาสที่จะได้พบท่านประธานหรือไม่ ผมต้องการที่จะสวัสดีเขา”
Han Sung Soo ตอบว่า "ด้วยบุคลิกภาพลักษณะของเขา เขาไม่ต้องการทำให้คุณกดดัน เพราะมันเหมือนกับเขาเรียกตัวคุณ"
หลังจากนั้นซึงกวานก็ได้พบกับบังซีฮยอกในที่ประชุม แต่เป็นการประชุมที่ถูกสร้างขึ้น "ฉันได้ยินว่าสมาชิกคนหนึ่งพูดอย่างนั้นมา และนั่นคือเหตุผลที่เรามีการประชุมในวันนี้"
บังชีฮยอกอธิบายว่าเขาระวังแค่ไหนเกี่ยวกับการก้าวข้ามขอบเขต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวงที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดของ BIGHIT Music โดยตรง “ฉันคิดว่ามันไม่สุภาพจริง ๆ ที่จะโทรหาพวกคุณและพูดว่า “สวัสดี” ฉันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับเซเว่นทีน'”
พิธีกรอียองจีพูดว่า “ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ” ซึงกวานเห็นด้วย “เขาทำให้หัวใจผมเต้นแรงเล็กน้อย ”
เมื่อปีที่แล้ว TXT ได้ปล่อยเพลง “Good Boy Gone Bad” เป็นเพลงเกี่ยวกับเด็กดีที่จมอยู่ในความรู้สึกโกรธและสูญเสียความรักครั้งแรก เพลงนี้เป็นแนวฮาร์ดคอร์ฮิพฮอพผสมกับเสียงของร็อค เพื่อบรรยายความรู้สึกด้านมืดของเด็กผู้ชายที่ต้องผ่านการเลิกราครั้งแรก
เนื่องจาก TXT ตัดสินใจที่จะแสดงภาพลักษณ์ที่มืดมนผ่านอัลบั้มนี้ พวกเขาจึงกังวล ในวันเดียวกันยอนจุนกล่าวว่า “เรารู้สึกประหม่าและกังวลกับอัลบั้มนี้ ในตอนนั้นโปรดิวเซอร์บังซีฮยอกบอกกับเราว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันคิดว่าพวกคุณสามารถทำมันได้ดี” พวกเราได้รับกำลังใจอย่างมาก เราจึงมีกำลังใจเพิ่มขึ้นและทำงานให้หนักขึ้นหลังจากนั้น”
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากลีฮุนรุ่นพี่จากบริษัทของพวกเขา แทฮยอนเล่าว่า “ผมบังเอิญเจอพี่ลีฮุนขณะออกกำลังกายและร้องเพลงให้เขาฟัง คำแนะนำของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก เขาบอกว่า 'ฉันคิดว่ามันจะออกมาดีมาก'”
RM และ Pharrell Williams ได้พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์และการเรียนรู้ในฐานะศิลปินซึ่งกันและกัน ใน Rolling Stone ระหว่างการสนทนา RM ชื่นชมบทบาทของบังซีฮยอก ผู้ก่อตั้ง BigHit Entertainment ในการรักษาความเป็นนักดนตรีของ BTS ไว้
"ผมเริ่มต้นอาชีพของผมด้วยการเป็นแรปเปอร์ และจู่ ๆ อาจจะบังเอิญ อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต ผมเข้ามาอยู่ในศูนย์กลางของระบบนี้ และผมก็ผ่านมาหมดแล้ว รู้สิ่งที่อยู่ข้างในแล้วทั้งหมด แต่กรณีของผม ค่ายเพลงของผม และมิสเตอร์แบง CEO ของค่ายเรา… ผมคิดว่าเขาแตกต่าง เพราะเขาเป็นโปรดิวเซอร์และเข้าใจดนตรีอย่างแท้จริง"
"Bang PD ให้คุณค่าความสำคัญกับโปรดิวเซอร์และ SOUND ENGINEER มากที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าค่ายเพลง เขามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะเสียงที่สร้างจากความรู้สึกภายในของศิลปิน"
ความถนัดด้านดนตรีของเขาทำให้ BTS สามารถนำแง่มุมดี ๆ ของระบบ K-Pop มาใช้ นั่นคือคุณภาพ ความเป็นมืออาชีพ และเทคนิค และผสานเข้ากับสัญชาตญาณความคิดสร้างสรรค์ RM เชื่อว่า การปล่อยให้ BTS ยังคงความเป็นมนุษย์ทั่วไปไว้นั้น (ไม่ได้ทำตัวเป็นไอดอลอยู่ตลอด) ทำให้สัมผัสถึงเพลงของพวกเขาได้
"เราพยายามย้ำเสมอว่า เราเป็นมนุษย์ และคุณก็เป็นมนุษย์ ฉันเป็นแค่มนุษย์ที่ทำเพลงและแสดงต่อหน้าคนอื่น และคุณก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่อาจมีอาชีพอื่นมาดูคอนเสิร์ตของเรา ผมคิดว่านั่นทำให้ผม…ยังคงวางฝ่าเท้าอยู่บนพื้น"
Jin : "บังพีดี คุณช่วยแฟนชานท์ชื่อผมตอนแสดงเพลงโซโล่ได้ไหม? "
Bang PD : "ผมบังชีฮยอก ซีอีโอของ Bighit Entertainment.."
Jin : "โอเค ! บังชีฮยอก, ซีอีโอของ Bighit Entertainment, ตะโกน KIM SEOKJIN! เมื่อผมทำการแสดง"
Jin : บังพีดีทำอาหารให้ผม
Bang PD : แต่ฉันเป็น CEO ของ bigHit ไม่ใช่เหรอ ?
Jin: โอเค . CEO ของ BigHit ทำอาหารให้ผม
Jin : ความสำเร็จใดที่ผมภูมิใจมากที่สุด ?
Jin : การที่สามารถเรียกบังชีฮยอกว่า "ฮยอง" ได้ ผมรู้สึกว่าเป็นความสำเร็จ
RM : มันเป็นเรื่องยากที่แฟน ๆ ต่างชาติจะเข้าใจ
Jin : ใช่ พวกเขาไม่รู้ความสำคัญของวัฒนธรรมนี้
Suga : แต่แฟน ๆ ต่างชาติก็พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องอายุด้วยนะ
RM : แต่เขาไม่ได้วางตำแหน่งผู้ที่อายุสูงกว่าแบบวัฒนธรรมเรานี่นา
Jin : ใช่...เหมือนกับคุณวางหัวหน้าของคุณไว้ในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ผู้ที่อยู่สูงกว่า
ศิลปินตึก HYBE พูดถึง บังชีฮยอก
เนื่องจาก TXT ตัดสินใจที่จะแสดงภาพลักษณ์ที่มืดมนผ่านอัลบั้มนี้ พวกเขาจึงกังวล ในวันเดียวกันยอนจุนกล่าวว่า “เรารู้สึกประหม่าและกังวลกับอัลบั้มนี้ ในตอนนั้นโปรดิวเซอร์บังซีฮยอกบอกกับเราว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันคิดว่าพวกคุณสามารถทำมันได้ดี” พวกเราได้รับกำลังใจอย่างมาก เราจึงมีกำลังใจเพิ่มขึ้นและทำงานให้หนักขึ้นหลังจากนั้น”
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากลีฮุนรุ่นพี่จากบริษัทของพวกเขา แทฮยอนเล่าว่า “ผมบังเอิญเจอพี่ลีฮุนขณะออกกำลังกายและร้องเพลงให้เขาฟัง คำแนะนำของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก เขาบอกว่า 'ฉันคิดว่ามันจะออกมาดีมาก'”
"ผมเริ่มต้นอาชีพของผมด้วยการเป็นแรปเปอร์ และจู่ ๆ อาจจะบังเอิญ อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต ผมเข้ามาอยู่ในศูนย์กลางของระบบนี้ และผมก็ผ่านมาหมดแล้ว รู้สิ่งที่อยู่ข้างในแล้วทั้งหมด แต่กรณีของผม ค่ายเพลงของผม และมิสเตอร์แบง CEO ของค่ายเรา… ผมคิดว่าเขาแตกต่าง เพราะเขาเป็นโปรดิวเซอร์และเข้าใจดนตรีอย่างแท้จริง"
"Bang PD ให้คุณค่าความสำคัญกับโปรดิวเซอร์และ SOUND ENGINEER มากที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าค่ายเพลง เขามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะเสียงที่สร้างจากความรู้สึกภายในของศิลปิน"
ความถนัดด้านดนตรีของเขาทำให้ BTS สามารถนำแง่มุมดี ๆ ของระบบ K-Pop มาใช้ นั่นคือคุณภาพ ความเป็นมืออาชีพ และเทคนิค และผสานเข้ากับสัญชาตญาณความคิดสร้างสรรค์ RM เชื่อว่า การปล่อยให้ BTS ยังคงความเป็นมนุษย์ทั่วไปไว้นั้น (ไม่ได้ทำตัวเป็นไอดอลอยู่ตลอด) ทำให้สัมผัสถึงเพลงของพวกเขาได้
"เราพยายามย้ำเสมอว่า เราเป็นมนุษย์ และคุณก็เป็นมนุษย์ ฉันเป็นแค่มนุษย์ที่ทำเพลงและแสดงต่อหน้าคนอื่น และคุณก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่อาจมีอาชีพอื่นมาดูคอนเสิร์ตของเรา ผมคิดว่านั่นทำให้ผม…ยังคงวางฝ่าเท้าอยู่บนพื้น"