ผมว่า เป็นวาทกรรมที่สุดเห่ยเลยครับ กับคำว่า "ขายบ้านแถมสัญชาติ"
เพราะผิดทั้งช่วงเวลา ผิดทั้งข้อเท็จจริงของสถานการณ์ ผิดทั้งตรรกะ ไร้ความสมเหตุสมผล
ดูช้า ๆ ชัด ๆ นะครับ
การได้รับสัญชาติเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปลายปี 2557 ยุค คสช.
หลังจากนั้น หลังจากได้สัญชาติแล้ว ก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ดำเนินธุรกิจสีเท่าได้เป็นกอบเป็นกำ
สร้างความร่ำรวย ใช้เงินซื้อทุกอย่างมาไว้ในการควบคุมสั่งการ ซื้อได้แม้กระทั่งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหลังจากได้สัญชาติไทยแล้ว นั่นคือ หลังปี 2557
การซื้อบ้าน ซื้อเมื่อปี 2563 ซื้อหลังจากได้สัญชาติแล้ว 6 ปี
6 ปี ที่ประกอบธุรกิจสีเท่า ที่ภาครัฐเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ รอรับผลประโยชน์
ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ชั้นล่าง ๆ จนถึงระดับพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รับกันหมด
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า
ขายบ้านแถมสัญชาติ หรือ
ได้สัญชาติแล้วรวยจนมีเงินซื้อบ้าน ???
เมื่อพิจารณาถึง ช่วงเวลา และ ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
ก็จะพบว่า ได้สัญชาติแล้ว จึงใช้สัญชาติเป็นใบเบิกทางในการดำเนินธุรกิจสีเทาจนร่ำรวยมีเงินซื้อบ้าน
และโดยข้อเท็จจริง คนได้สัญชาติไทย ไม่ได้ประกอบธุรกิจสีเท่าไปทุกคน
ผู้ที่ได้สัญชาติไทย ไม่ได้มีเอกสิทธิ์ หรือสิทธิพิเศษใด ๆ ในการทำธุรกิจ มีแค่สิทธิตามกฎหมายไทยปกติเท่านั้นเอง
ไม่ใช่ประเด็นเลย
ประเด็นคือ ทำไมตู้ห่าว ถึงสามารถทำมาหากินได้ร่ำรวยมหาศาลในช่วงระยะเวลา 8 ปี
จาก 2557 - 2563 ซื้อบ้าน จาก 2563 - 2565 ที่คุณชูวิทย์ออกมาแฉ
ในยุคที่คนไทยเองแม้แต่จะเดินขบวนเรียกร้องยังโดนปราบปราม
ประชามติรัฐธรรมนูญ 60 ยังโดนจับขังคุก โดนคดีกันระนาว
แค่โพสต์กระทู้ในราชดำเนินก็ยังทำไม่ได้
แต่ตู้ห่าว สามารถทำธุรกิจสีเท่าจนร่ำรวย เปิดผับกลางกรุงเทพฯใจกลางศูนย์อำนาจ
เป็นทั้งแหล่งเสพยาและเป็นทั้งบ่อนการพนันได้สบาย ๆ
ตรงนี้ต่างหากน่าจะพิจารณา
ไม่ใช่ใช้วาทกรรมปัดความรับผิดชอบแบบเห่ย ๆ ว่า ขายบ้านแถมสัญชาติ
.
ก็ไม่มีอะไรครับ แค่วาทกรรมเอาใจสลิ่มเท่านั้นแหละ
เพราะสลิ่มคิดไม่เป็น ขอเพียงถูกใจโดนจริต สลิ่มก็ฟินแล้ว
ประสา คนศีลเสมอกัน
ระหว่างคนถูกอวย กับ คนอวย
ขายบ้านแถมสัญชาติ หรือ ได้สัญชาติแล้วรวยจนมีเงินซื้อบ้าน ?
ผมว่า เป็นวาทกรรมที่สุดเห่ยเลยครับ กับคำว่า "ขายบ้านแถมสัญชาติ"
เพราะผิดทั้งช่วงเวลา ผิดทั้งข้อเท็จจริงของสถานการณ์ ผิดทั้งตรรกะ ไร้ความสมเหตุสมผล
ดูช้า ๆ ชัด ๆ นะครับ
การได้รับสัญชาติเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปลายปี 2557 ยุค คสช.
หลังจากนั้น หลังจากได้สัญชาติแล้ว ก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ดำเนินธุรกิจสีเท่าได้เป็นกอบเป็นกำ
สร้างความร่ำรวย ใช้เงินซื้อทุกอย่างมาไว้ในการควบคุมสั่งการ ซื้อได้แม้กระทั่งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหลังจากได้สัญชาติไทยแล้ว นั่นคือ หลังปี 2557
การซื้อบ้าน ซื้อเมื่อปี 2563 ซื้อหลังจากได้สัญชาติแล้ว 6 ปี
6 ปี ที่ประกอบธุรกิจสีเท่า ที่ภาครัฐเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ รอรับผลประโยชน์
ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ชั้นล่าง ๆ จนถึงระดับพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รับกันหมด
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า ขายบ้านแถมสัญชาติ หรือ ได้สัญชาติแล้วรวยจนมีเงินซื้อบ้าน ???
เมื่อพิจารณาถึง ช่วงเวลา และ ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
ก็จะพบว่า ได้สัญชาติแล้ว จึงใช้สัญชาติเป็นใบเบิกทางในการดำเนินธุรกิจสีเทาจนร่ำรวยมีเงินซื้อบ้าน
และโดยข้อเท็จจริง คนได้สัญชาติไทย ไม่ได้ประกอบธุรกิจสีเท่าไปทุกคน
ผู้ที่ได้สัญชาติไทย ไม่ได้มีเอกสิทธิ์ หรือสิทธิพิเศษใด ๆ ในการทำธุรกิจ มีแค่สิทธิตามกฎหมายไทยปกติเท่านั้นเอง
ไม่ใช่ประเด็นเลย
ประเด็นคือ ทำไมตู้ห่าว ถึงสามารถทำมาหากินได้ร่ำรวยมหาศาลในช่วงระยะเวลา 8 ปี
จาก 2557 - 2563 ซื้อบ้าน จาก 2563 - 2565 ที่คุณชูวิทย์ออกมาแฉ
ในยุคที่คนไทยเองแม้แต่จะเดินขบวนเรียกร้องยังโดนปราบปราม
ประชามติรัฐธรรมนูญ 60 ยังโดนจับขังคุก โดนคดีกันระนาว
แค่โพสต์กระทู้ในราชดำเนินก็ยังทำไม่ได้
แต่ตู้ห่าว สามารถทำธุรกิจสีเท่าจนร่ำรวย เปิดผับกลางกรุงเทพฯใจกลางศูนย์อำนาจ
เป็นทั้งแหล่งเสพยาและเป็นทั้งบ่อนการพนันได้สบาย ๆ
ตรงนี้ต่างหากน่าจะพิจารณา
ไม่ใช่ใช้วาทกรรมปัดความรับผิดชอบแบบเห่ย ๆ ว่า ขายบ้านแถมสัญชาติ