ท่านชายหลายท่านกำลังประสบปัญหา การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED) และอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าโรคนี้กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งยังไม่รู้ว่าการเสื่อมสมรรถภาพต้องหาหมออะไร
แนะนำ “หมอเบียร์“ แพทย์ผู้ก่อตั้ง อีเทอร์นิตี้ คลีนิครักษาโรคหย่อนสมรรถภาพโดยตรง ซึ่งหลายๆท่านน่าจะเคยเสริจหาข้อมูลเบื้องต้นของโรค หย่อนสมรรถภาพ จากแหล่งต่างๆทั้ง google pantip และอื่นๆ ทำให้รู้ข้อมูลคร่าวๆ
เริ่มตั้งแต่ ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพ อายุเท่าไหร่ ยาอะไรทําให้เสื่อมสมรรถภาพ เสื่อมสมรรถภาพ ชายเกิดจากอะไร และยารักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพ ของผู้ชายมีจริงๆหรือป่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่สำหรับหลายครอบครัว เพราะภรรยาคงไม่ปลื้มแน่ที่สามี เสื่อมสมรรถภาพ หมอเบียร์จะมาให้ข้อมูลเชิงลึกกับท่านและวิธีการรักษาครับ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ากามตายด้านนั้น คือภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้สมบูรณ์ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ชายในช่วงวัยใดก็ได้ แต่ก็มักจะพบมากขึ้นตามอายุทิ่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอ บางรายมีอาการหลั่งเร็ว หลั่งไวสาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเหล่านี้เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศไม่เพียงพอ ปัจจุบันพบผู้ที่มีโอกาสป่วยด้วยอาการนี้สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เนื่องจากการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เพศชายเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงขึ้น

ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ลักษณะทางกายภาพขององคชาต องคชาต (Urethra) เป็นอวัยวะทรงกระบอก อยู่บริเวณกึ่งกลางของลำตัว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัวที่มีลักษณะเรียบกลม-ปลายสุดมีรูเปิดของท่อปัสสาวะ ส่วนก้านเป็นส่วนที่ยื่นออกมา และส่วนโคนแนบติดกับลำตัว โคนและก้านขององคชาตจะมีผิวหนังห่อหุ้ม บริเวณส่วนต่อระหว่างหัวและก้านจะห่อหุ้มด้วยผิวหนังคล้ายหมวก เรียกว่า หนังหุ้มปลาย สามารถรูดขึ้นลงไปได้
ส่วนประกอบภายในขององคชาตสามารถขยายและแข็งตัวได้ เนื่องจากประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อทรงกระบอกที่ยืดหดได้ 3 มัดที่สามารถยืด-หดได้และท่อปัสสาวะซ่อนอยู่
การแข็งตัวขององคชาตมีด้วยกัน 3 กลไก ได้แก่
การแข็งตัวเวลานอนหลับ (Nocturnal Erection) เวลานอนหลับองคชาตจะมีการแข็งตัวคืนละประมาณ 4 – 6 ครั้ง ครั้งละ 15 – 30 นาที
การแข็งตัวจากจิตใจ (Psychogenic Erection) เมื่อมีความต้องการทางเพศจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มากระตุ้น คำสั่งจะส่งจากสมองมายังแกนสมองส่วนที่เรียกว่า พาราเวนทริคูลาร์นิวเคลียสที่อยู่บริเวณไฮโปทาลามัส จากนั้นคำสั่งจะผ่านไขสันหลังลงมายังศูนย์กลางการแข็งตัวขององคชาตบริเวณไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและผ่านเส้นประสาทคาร์เวอนัส (Cavernous Nerve) ที่มากระตุ้นให้เส้นเลือดในองคชาตมีการขยายตัว เลือดเข้ามาเลี้ยงมากขึ้น ทำให้องคชาตแข็งตัว
การแข็งตัวจากรีเฟล็กซ์ (Reflexogenic Erection) เมื่อมีการกระตุ้นหรือสัมผัสบริเวณองคชาตก็จะมีสัญญาณผ่านจากเส้นประสาทที่องคชาต (Dorsal Nerve) ไปยังศูนย์กลางการแข็งตัวที่ไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและส่งสัญญาณกลับมายังองคชาต (Cavernous Nerve)
เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีการกระตุ้นผ่านสิ่งเร้าที่สมองส่วนที่เรียกว่า Paraventricular Nucleus (PVN) ซึ่งอยู่ในบริเวณก้านสมองส่วนที่เรียกว่า Hypothalamus เรียกกลไกนี้ว่า การแข็งตัวจากการกระตุ้นทางจิตใจ (Psychogenic Erection) ซึ่งระบบประสาทที่รับการกระตุ้นส่วนใหญ่จะเป็นชนิด Dopamine Receptor ชนิดที่ 2
จากนั้นคำสั่งจะผ่านมาทางไขสันหลังจนถึงไขสันหลังบริเวณก้นกบที่ระดับ 2 – 4 ซึ่งจะรวมกันเป็นปมประสาทที่เรียกว่า Sacral Plexus และแตกแขนงเป็นเส้นประสาท Cavernous (Cavernous Nerve) ไปยังองคชาต ทำให้มีการพองตัวของเส้นเลือดที่เป็นร่างแหคล้าย ๆ ฟองน้ำนี้เต็มที่ ก็จะกดเส้นเลือดดำที่ไหลออกจากองคชาต ทำให้เลือดไหลออกจากองคชาตได้น้อยมาก องคชาตก็จะแข็งตัวเต็มที่
องคชาตประกอบไปด้วยแกน 3 แกนด้วยกัน การแข็งตัวขององคชาตจะต้องอาศัยแกนใหญ่ 2 แกนที่เรียกว่า คอร์ปัส คาเวอร์โนซั่ม (Corpus Cavernosum) ซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อร่างแหคล้ายฟองน้ำ (Sinusoid) ซึ่งร่างแหเหล่านี้ก็คือเส้นเลือดแดงฝอยขององคชาตนั่นเอง
ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
แบบปฐมภูมิ คือการที่องคชาตไม่เคยแข็งตัวเต็มที่ หรือไม่แข็งพอที่จะทำให้ร่วมเพศสำเร็จเลย
แบบทุติยภูมิ คือการที่องคชาตเคยแข็งตัวและร่วมเพศได้มาก่อน แต่ต่อมาเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้ไม่สามารถแข็งตัวเหมือนเดิม
แบบชั่วคราว คือการที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในกรณีนี้ หากพบปัญหาและรีบรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถหายเป็นปกติได้ ผู้ชายส่วนใหญ่เมื่อถึงวัยกลางคนจะเริ่มมีปัญหากามตายด้าน เกิดขึ้นร้อยละ 37 ของผู้ชายอายุ 40-70 ปี เป็นโรคนี้ โดยมีอาการดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด ยิ่งอายุมากขึ้นจะยิ่งพบผู้ป่วยมากขึ้นไปตามวัย เพราะฮอร์โมนเพศลดลงพร้อมๆ กับความเสื่อมของร่างกาย
โดยสามารถจัดระดับความรุนแรงได้ ดังนี้
-ระดับความรุนแรงน้อย ในระดับนี้สามารถสังเกตได้จากเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถสำเร็จได้เกือบทุกครั้ง
-ระดับความรุนแรงปานกลาง หากมีเพศสัมพันธ์จะสำเร็จได้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนครั้งในการร่วมเพศ
-ระดับความรุนแรงมาก ล้มเหลวทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งได้เป็น 4 สาเหตุ
1. ความผิดปกติที่เส้นเลือดในอวัยวะเพศ พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
ความผิดปกติกลไกของการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถกักเก็บในอวัยวะเพศได้
มีความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำผิดปกติ
2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น
3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความ
ต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ
4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ ในอดีตมีความเชื่อว่า 90% ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ แต่ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรืออาจจะเกิดจากยาทางด้านจิตเวชได้เช่นเดียวกัน
5. สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: คุณผู้ชายหลายๆ ท่านอาจจะชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างบรรยากาศ หรือเพื่อทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แต่อาจทำให้คุณทำกิจกรรมทางเพศได้ยากขึ้น เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป อาจรบกวนการแข็งตัวของอวัยวะเพศชั่วคราวชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง: การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเล่นกีฬากลางแจ้งอยู่เสมอ อาจทำให้อ่อนล้า อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยล้าในตอนกลางคืนได้
สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะไปยับยั้งการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดเสียหาย หรือจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ติดเกม: นั่งอยู่แต่หน้าจอเป็นเวลานาน: ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง ไร้ความสดชื่น หมดความกระปรี้กระเปร่า เหนื่อยล้า ง่วงง่าย จึงไม่แปลกที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การนอนไม่สมบูรณ์: อาจเกิดจากปัญหาการนอน รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบไม่หลับไม่นอน ออกเที่ยว ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนเพลีย
รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์: หนุ่มท่านใดที่นิยมรับประทานอาหารขยะเพราะขี้เกียจหาอะไรทาน ง่ายสุดคือสั่งอาหารขยะส่งตรงถึงหน้าบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้มีปริมาณไขมันที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน ไขมันอุดตันจนหลอดเลือดตีบ ทำให้ไม่สามารถลำเลียงเลือดแดงไปเลี้ยงน้องชายคุณได้
การตรวจและการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติเรื่องลักษณะการมีเพศสัมพันธ์ การเจ็บป่วย ผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ และทำการตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย จากนั้นแพทย์จะทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อดูโรคประจำตัวที่อาจส่งผลให้เกิดโรค เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
นอกจากนี้แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม โดยส่งตรวจอัลตราซาวน์เพื่อหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler Ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่นๆ
การรักษา เริ่มด้วยการที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนยาบางตัวที่มีผลต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ถ้าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางภาวะจิตใจ ให้ผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน
ทำอย่างไรให้สมรรถภาพทางเพศไม่เสื่อมเร็ว
หลีกเลี่ยงเหตุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะเหล้า บุหรี่ และอาหารไขมันสูง
ควบคุมโรคที่เป็นอยู่แต่เนิ่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
บำรุงร่างกาย และจิตใจให้ผ่องใส แข็งแรง ลดความเครียด หาวิธีกำจัดความเครียดที่ได้ผลกับตนเอง เช่น ร้องเพลง เต้นรำ อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว เข้าสปา นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ฯลฯ
ออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบหมู่ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช พักผ่อนให้เพียงพอ มีเวลาดูแลตนเอง ได้ทำงานอดิเรกที่ชอบ ทำชีวิตให้มีคุณค่า
เปลี่ยนบรรยากาศในการมีเพศสัมพันธ์บ้าง เช่น เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนท่าที่จำเจ
มีสัมพันธภาพที่ดีกับคู่ครองหรือคนรัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักรับฟัง พูดคุยปรึกษาหารือกันเป็นประจำ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
พบแพทย์ หากไม่สามารถแก้ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วยตนเอง เพื่อตรวจหาสาเหตุ และข้อแก้ไขต่อไป
หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ท่านชายหลายท่านกำลังประสบปัญหา การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED) และอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าโรคนี้กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งยังไม่รู้ว่าการเสื่อมสมรรถภาพต้องหาหมออะไร
แนะนำ “หมอเบียร์“ แพทย์ผู้ก่อตั้ง อีเทอร์นิตี้ คลีนิครักษาโรคหย่อนสมรรถภาพโดยตรง ซึ่งหลายๆท่านน่าจะเคยเสริจหาข้อมูลเบื้องต้นของโรค หย่อนสมรรถภาพ จากแหล่งต่างๆทั้ง google pantip และอื่นๆ ทำให้รู้ข้อมูลคร่าวๆ
เริ่มตั้งแต่ ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพ อายุเท่าไหร่ ยาอะไรทําให้เสื่อมสมรรถภาพ เสื่อมสมรรถภาพ ชายเกิดจากอะไร และยารักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพ ของผู้ชายมีจริงๆหรือป่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่สำหรับหลายครอบครัว เพราะภรรยาคงไม่ปลื้มแน่ที่สามี เสื่อมสมรรถภาพ หมอเบียร์จะมาให้ข้อมูลเชิงลึกกับท่านและวิธีการรักษาครับ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ากามตายด้านนั้น คือภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้สมบูรณ์ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ชายในช่วงวัยใดก็ได้ แต่ก็มักจะพบมากขึ้นตามอายุทิ่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอ บางรายมีอาการหลั่งเร็ว หลั่งไวสาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเหล่านี้เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศไม่เพียงพอ ปัจจุบันพบผู้ที่มีโอกาสป่วยด้วยอาการนี้สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เนื่องจากการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เพศชายเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงขึ้น
ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ลักษณะทางกายภาพขององคชาต องคชาต (Urethra) เป็นอวัยวะทรงกระบอก อยู่บริเวณกึ่งกลางของลำตัว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัวที่มีลักษณะเรียบกลม-ปลายสุดมีรูเปิดของท่อปัสสาวะ ส่วนก้านเป็นส่วนที่ยื่นออกมา และส่วนโคนแนบติดกับลำตัว โคนและก้านขององคชาตจะมีผิวหนังห่อหุ้ม บริเวณส่วนต่อระหว่างหัวและก้านจะห่อหุ้มด้วยผิวหนังคล้ายหมวก เรียกว่า หนังหุ้มปลาย สามารถรูดขึ้นลงไปได้
ส่วนประกอบภายในขององคชาตสามารถขยายและแข็งตัวได้ เนื่องจากประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อทรงกระบอกที่ยืดหดได้ 3 มัดที่สามารถยืด-หดได้และท่อปัสสาวะซ่อนอยู่
การแข็งตัวขององคชาตมีด้วยกัน 3 กลไก ได้แก่
การแข็งตัวเวลานอนหลับ (Nocturnal Erection) เวลานอนหลับองคชาตจะมีการแข็งตัวคืนละประมาณ 4 – 6 ครั้ง ครั้งละ 15 – 30 นาที
การแข็งตัวจากจิตใจ (Psychogenic Erection) เมื่อมีความต้องการทางเพศจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มากระตุ้น คำสั่งจะส่งจากสมองมายังแกนสมองส่วนที่เรียกว่า พาราเวนทริคูลาร์นิวเคลียสที่อยู่บริเวณไฮโปทาลามัส จากนั้นคำสั่งจะผ่านไขสันหลังลงมายังศูนย์กลางการแข็งตัวขององคชาตบริเวณไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและผ่านเส้นประสาทคาร์เวอนัส (Cavernous Nerve) ที่มากระตุ้นให้เส้นเลือดในองคชาตมีการขยายตัว เลือดเข้ามาเลี้ยงมากขึ้น ทำให้องคชาตแข็งตัว
การแข็งตัวจากรีเฟล็กซ์ (Reflexogenic Erection) เมื่อมีการกระตุ้นหรือสัมผัสบริเวณองคชาตก็จะมีสัญญาณผ่านจากเส้นประสาทที่องคชาต (Dorsal Nerve) ไปยังศูนย์กลางการแข็งตัวที่ไขสันหลังระดับกระดูกก้นกบและส่งสัญญาณกลับมายังองคชาต (Cavernous Nerve)
เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีการกระตุ้นผ่านสิ่งเร้าที่สมองส่วนที่เรียกว่า Paraventricular Nucleus (PVN) ซึ่งอยู่ในบริเวณก้านสมองส่วนที่เรียกว่า Hypothalamus เรียกกลไกนี้ว่า การแข็งตัวจากการกระตุ้นทางจิตใจ (Psychogenic Erection) ซึ่งระบบประสาทที่รับการกระตุ้นส่วนใหญ่จะเป็นชนิด Dopamine Receptor ชนิดที่ 2
จากนั้นคำสั่งจะผ่านมาทางไขสันหลังจนถึงไขสันหลังบริเวณก้นกบที่ระดับ 2 – 4 ซึ่งจะรวมกันเป็นปมประสาทที่เรียกว่า Sacral Plexus และแตกแขนงเป็นเส้นประสาท Cavernous (Cavernous Nerve) ไปยังองคชาต ทำให้มีการพองตัวของเส้นเลือดที่เป็นร่างแหคล้าย ๆ ฟองน้ำนี้เต็มที่ ก็จะกดเส้นเลือดดำที่ไหลออกจากองคชาต ทำให้เลือดไหลออกจากองคชาตได้น้อยมาก องคชาตก็จะแข็งตัวเต็มที่
องคชาตประกอบไปด้วยแกน 3 แกนด้วยกัน การแข็งตัวขององคชาตจะต้องอาศัยแกนใหญ่ 2 แกนที่เรียกว่า คอร์ปัส คาเวอร์โนซั่ม (Corpus Cavernosum) ซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อร่างแหคล้ายฟองน้ำ (Sinusoid) ซึ่งร่างแหเหล่านี้ก็คือเส้นเลือดแดงฝอยขององคชาตนั่นเอง
ลักษณะอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
แบบปฐมภูมิ คือการที่องคชาตไม่เคยแข็งตัวเต็มที่ หรือไม่แข็งพอที่จะทำให้ร่วมเพศสำเร็จเลย
แบบทุติยภูมิ คือการที่องคชาตเคยแข็งตัวและร่วมเพศได้มาก่อน แต่ต่อมาเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้ไม่สามารถแข็งตัวเหมือนเดิม
แบบชั่วคราว คือการที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในกรณีนี้ หากพบปัญหาและรีบรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถหายเป็นปกติได้ ผู้ชายส่วนใหญ่เมื่อถึงวัยกลางคนจะเริ่มมีปัญหากามตายด้าน เกิดขึ้นร้อยละ 37 ของผู้ชายอายุ 40-70 ปี เป็นโรคนี้ โดยมีอาการดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด ยิ่งอายุมากขึ้นจะยิ่งพบผู้ป่วยมากขึ้นไปตามวัย เพราะฮอร์โมนเพศลดลงพร้อมๆ กับความเสื่อมของร่างกาย
โดยสามารถจัดระดับความรุนแรงได้ ดังนี้
-ระดับความรุนแรงน้อย ในระดับนี้สามารถสังเกตได้จากเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถสำเร็จได้เกือบทุกครั้ง
-ระดับความรุนแรงปานกลาง หากมีเพศสัมพันธ์จะสำเร็จได้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนครั้งในการร่วมเพศ
-ระดับความรุนแรงมาก ล้มเหลวทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งได้เป็น 4 สาเหตุ
1. ความผิดปกติที่เส้นเลือดในอวัยวะเพศ พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
ความผิดปกติกลไกของการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถกักเก็บในอวัยวะเพศได้
มีความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำผิดปกติ
2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น
3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความ
ต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ
4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ ในอดีตมีความเชื่อว่า 90% ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ แต่ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรืออาจจะเกิดจากยาทางด้านจิตเวชได้เช่นเดียวกัน
5. สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: คุณผู้ชายหลายๆ ท่านอาจจะชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างบรรยากาศ หรือเพื่อทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แต่อาจทำให้คุณทำกิจกรรมทางเพศได้ยากขึ้น เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป อาจรบกวนการแข็งตัวของอวัยวะเพศชั่วคราวชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง: การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเล่นกีฬากลางแจ้งอยู่เสมอ อาจทำให้อ่อนล้า อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยล้าในตอนกลางคืนได้
สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะไปยับยั้งการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดเสียหาย หรือจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ติดเกม: นั่งอยู่แต่หน้าจอเป็นเวลานาน: ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง ไร้ความสดชื่น หมดความกระปรี้กระเปร่า เหนื่อยล้า ง่วงง่าย จึงไม่แปลกที่นำไปสู่ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การนอนไม่สมบูรณ์: อาจเกิดจากปัญหาการนอน รวมไปถึงการใช้ชีวิตแบบไม่หลับไม่นอน ออกเที่ยว ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนเพลีย
รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์: หนุ่มท่านใดที่นิยมรับประทานอาหารขยะเพราะขี้เกียจหาอะไรทาน ง่ายสุดคือสั่งอาหารขยะส่งตรงถึงหน้าบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้มีปริมาณไขมันที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน ไขมันอุดตันจนหลอดเลือดตีบ ทำให้ไม่สามารถลำเลียงเลือดแดงไปเลี้ยงน้องชายคุณได้
การตรวจและการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติเรื่องลักษณะการมีเพศสัมพันธ์ การเจ็บป่วย ผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ และทำการตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย จากนั้นแพทย์จะทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อดูโรคประจำตัวที่อาจส่งผลให้เกิดโรค เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
นอกจากนี้แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม โดยส่งตรวจอัลตราซาวน์เพื่อหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler Ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่นๆ
การรักษา เริ่มด้วยการที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนยาบางตัวที่มีผลต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ถ้าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางภาวะจิตใจ ให้ผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน
ทำอย่างไรให้สมรรถภาพทางเพศไม่เสื่อมเร็ว
หลีกเลี่ยงเหตุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะเหล้า บุหรี่ และอาหารไขมันสูง
ควบคุมโรคที่เป็นอยู่แต่เนิ่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
บำรุงร่างกาย และจิตใจให้ผ่องใส แข็งแรง ลดความเครียด หาวิธีกำจัดความเครียดที่ได้ผลกับตนเอง เช่น ร้องเพลง เต้นรำ อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว เข้าสปา นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ฯลฯ
ออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบหมู่ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช พักผ่อนให้เพียงพอ มีเวลาดูแลตนเอง ได้ทำงานอดิเรกที่ชอบ ทำชีวิตให้มีคุณค่า
เปลี่ยนบรรยากาศในการมีเพศสัมพันธ์บ้าง เช่น เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนท่าที่จำเจ
มีสัมพันธภาพที่ดีกับคู่ครองหรือคนรัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักรับฟัง พูดคุยปรึกษาหารือกันเป็นประจำ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
พบแพทย์ หากไม่สามารถแก้ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วยตนเอง เพื่อตรวจหาสาเหตุ และข้อแก้ไขต่อไป