ความเดิมตอนที่แล้ว...
https://pantip.com/topic/41838180/comment1
ประมาณ 3-4 วัน (ประมาณ 20 ม.ค. 2566) ก่อนหลับแล้วจิตตื่นเห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ ก็เลยยันตัวลุกนั่งสมาธิแต่ก็รู้สึกว่าตอนนั้น
จิตไม่ได้มีกำลังสมาธิมากเหมือนทุกครั้ง ก็เลยนั่งพุทโธๆๆ อยู่ 3-4 ครั้ง ก็นึกได้ว่าหลวงพ่อเคยบอกถ้าจะถามอะไรให้ถามพระพุทธเจ้า
ก็เลยกำหนดจิตขอให้พระพุทธเจ้าช่วยชี้แนะแนวทางการปฏิบัติต่อจากนี้ พอกำหนดจิตเสร็จก็จำได้ว่าหลวงพ่อให้ใช้ นะ มะ พะ ธะ ก็เลย
ลองบริกรรม นะ มะ พะ ธะ แทนพุทโธ ตอนที่พุทโธ 3-4 ครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามีความสว่างขึ้นสังเกตได้จากบริเวณเหนือหางตาด้านขวา
เกิดเป็นความสว่างปานกลางคลุมลงมาที่กาย พอมา นะ มะ พะ ธะ ไป 2 ครั้ง กำลังจะครั้งที่ 3 ก็รู้สึกว่ากายที่นั่งสมาธิอยู่กลายเป็นเหมือน
หมอกควันขาวทึบมีแสงในตัว แต่เป็นกายเรียบๆ ไม่มีรายละเอียดหู ตา จมูก พุ่งขึ้นไปด้านบนสูงประมาณ 10 เมตร แล้วก็รู้สึกเหมือน
จะลอยถอยหลังโค้งลงมาหน่อยหนึ่งก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น
…….
หลังจากหลับแล้วมีสติรู้ตัวตื่นในครั้งที่แล้ว และลองภาวนา นะ มะ พะ ธะ เป็นครั้งแรก (ตามลิงค์ด้านบน) ก็ได้มีโอกาสลองใช้ นะ มะ พะ ธะ
อีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อคืน (15 ก.พ. 2566) ช่วง 22.00 น.นอนอ่านบทความในคอมฯ อยู่ รู้สึกง่วงก็เลยผล็อยหลับไปเลย ไม่ได้นั่งสมาธิก่อนนอน
เหมือนที่เคย มาตื่นอีกทีดูเวลาประมาณ 00.28 น.ก็เลยไปเข้าห้องน้ำแล้วมานั่งสมาธิฝึกอาโลกกสิณต่อ
2-3 วันนี้จะทานอาหารให้เสร็จก่อน 17-18 น. และทานประมาณครึ่งท้องไม่ให้อิ่มจนเกินไป ก็รู้สึกว่านั่งสมาธิได้สงบดีและสงบนานกว่าช่วง
ก่อนหน้า ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะทานอาหารดึกเกินและอิ่มเกิน ที่บ้านจะทานช่วงประมาณ 19-19.30 น.อาหารอาจจะไม่ทันย่อยดี เวลา
นั่งสมาธิมันเลยรู้สึกว่าสงบยาก ก็เลยลองเปลี่ยนเวลาทานอาหารให้เร็วขึ้น 2-3 ชั่วโมงและทานแค่ครึ่งท้องของปกติ ก็รู้สึกว่าสมาธิดีขึ้น ถึงจะ
อยู่แค่อุปจารฌานแก่ๆ ไม่ค่อยถึงฌานแต่ก็ถือว่าทรงตัวได้ดีและนานขึ้น
ออกจากห้องน้ำมานั่งสมาธิต่อช่วงประมาณ 00.40 น. วันนี้ใช้อานาปานสติ+คำภาวนา นะ มะ พะ ธะ แทนพุทโธ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอ่านเจอ
ที่ลูกศิษย์เคยถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับเรื่องมโนมยิทธิว่า ตอนนอนภาวนา นะ มะ พะ ธะ จนหลับแล้วจิตตื่นรู้สึกเหมือนตัวเองจะออกจาก
กายเนื้อแต่กลัวเลยไม่กล้าออก หลวงพ่อว่าถ้าตอนนั้นกายในหลุดออกไปทั้งตัวได้แบบนั้นเรียกว่าเป็นอภิญญาแท้ ออกไปแล้วจะมีลักษณะคล้ายฝัน
และจะมีเทวดาและพระอริยะมาทดสอบกำลังใจของเราว่ามีความกล้าพอหรือเปล่า กลัวตายมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ากลัวก็จะยังออกไปดูอะไร
ภายนอกไม่ได้
น่าจะนั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง (ไม่ได้ดูเวลาแต่กะๆ เอาส่วนใหญ่จะนั่งประมาณ 1 ชั่วโมงหรือชั่วโมงเศษ) รู้สึกว่าเป็นอุปจารฌานแก่ๆ ทรงตัวได้นาน
ดีขึ้นก็เลยนอนภาวนา นะ มะ พะ ธะ ต่อจนหลับ แล้วก็เหมือนจะฝันสัพเพเหระอะไรสักอย่าง สักพักก็มีสติรู้ตัวว่าฝัน แล้วความรู้สึกก็เห็นเหมือนตัวเอง
นอนคว่ำหน้า ลอยค้างเติ่งอยู่ท่ามกลางความมืดประมาณ 5-10 วินาที แล้วก็เริ่มลอยตัวลงทิศเบื้องล่างเองโดยที่เราไม่ได้กำหนดจิตอะไร แรกๆ ก็ลง
แบบช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ รอบข้างมีแต่ความมืดมองไม่เห็นอะไร
ช่วงที่เคยจิตตื่นใหม่ๆ ประมาณ 20 ปีที่แล้วก็เคยลอยขึ้นลงท่ามกลางความมืดแบบนี้ บางทีก็ลอยขึ้นไปสูงๆ เหมือนลอยออกไปนอกโลก ลอยไปผ่าน
ดวงจันทร์ก็มี บางทีก็ลอยลงต่ำในทิศเบื้องล่าง แต่พอลอยไปนานๆ เป็นนาที รู้สึกว่าไปไกลมากหรือลงลึกมากๆ แล้วแต่ก็ยังมีแต่ความมืด ก็เลยชัก
ลังเลและรู้สึกกลัวเหมือนกัน (ตอนนั้นกลัวว่าถ้าไปไกลๆ แล้วจะไม่ได้กลับ)
แต่เที่ยวนี้พอเริ่มลอยลงในทิศเบื้องล่าง ก็นึกขึ้นมาได้ก็เลยภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปด้วย ตอนนั้นไม่รู้ลมหายใจเลยภาวนา นะ มะ พะ ธะ อย่างเดียว
ลอยลงไปในความมืดประมาณ 2-3 นาทีคาดคะเนเอาตามความรู้สึก น่าจะภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปได้ประมาณ 20-30 ครั้ง แรกๆ ก็ภาวนาปกติ แต่พอ
ลงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนรู้สึกเหมือนมีลมพายุแรงๆ อยู่รอบตัว ก็เริ่มลังเลและกลัวหน่อยๆ แต่ก็ลองฝืนประคองคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ ค่อยๆ ถี่ขึ้น
ตามความเร็วที่พุ่งลงไปในทิศเบื้องล่าง จนรู้สึกว่าคำบริกรรมแนบสนิทเป็นอารมณ์เดียวลักษณะคล้ายปฐมฌาน (เคยอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกถ้ากำหนด
จิตไปในทิศเบื้องล่างจะเป็นการไปดูนรก ถ้ากำหนดจิตขึ้นทิศเบื้องบนจะไปดูสวรรค์ พรหม นิพพาน แต่เที่ยวนี้ส่วนตัวยังไม่ได้กำหนด เหมือนมีบางสิ่ง
กำหนดให้ไปทิศเบื้องล่างเอง)
รู้สึกว่าตัวเองกำลังพุ่งลงไปในทิศเบื้องล่างอย่างเร็วและนานมากแบบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย ตอนนั้นก็หวั่นๆ ใจอยู่เหมือนกัน พอถึงจุดที่
ภาวนาเป็นอารมณ์เดียวจนเริ่มไม่สนใจลมที่เหมือนพายุแรงๆ รอบข้างแล้ว คำภาวนาก็เริ่มถี่ขึ้นๆ และหดสั้นลงเรื่อยๆ จนคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ กำลัง
จะขาดหายไปอยู่รอมร่อ ช่วงจังหวะนั้นก็เลยเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สีดำที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ แหวกออกทีละน้อย ปรากฏว่าเห็นเป็นดวงจันทร์
สว่างเหมือนคืนพระจันทร์เต็มดวงสวยงามมาก สีดำที่เป็นริ้วๆ เส้นๆ (รูปทรงคล้ายๆ ลอดช่องสีเขียวที่ตรงกลางอ้วนๆ ปลายเรียวๆ ดิ้นไปมา แต่เป็นริ้ว
สีดำ) ที่ปกคลุมดวงจันทร์อยู่ก่อนหน้าก็ค่อยๆ หลุดกระจายออกด้านข้างจนเห็นเป็นพระจันทร์เต็มดวง ความมืดสีดำก็ยังปกคลุมอยู่โดยรอบดวงจันทร์
แต่อยู่ห่างๆ รัศมีของความสว่างแผ่ออกไปโดยรอบประมาณ 10-15 เท่าของขนาดดวงจันทร์ที่เห็น
พอเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ก็รู้สึกดีใจเล็กๆ ว่าในที่สุดเราก็ฝ่าด่านความมืดที่ไม่กล้าฝ่าในสมัยก่อนมาได้ มองดวงจันทร์เพลินๆ อยู่ประมาณ 10 วินาทีได้มั้ง
เอาอีกแล้วเริ่มลอยลงทิศเบื้องล่างต่อไปอีกยังไม่ยอมหยุด ตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่ได้มีคำภาวนาอะไรแล้ว ลอยลงไปอีก 2 ครั้งไปเจอดวงจันทร์อีก 2 ดวง
แต่คราวนี้ไม่นานเหมือนเที่ยวแรก ประมาณ 30 วินาทีก็เจอดวงจันทร์ดวงที่ 2 ดูอยู่ประมาณไม่เกิน 5-10 วินาที ก็ลอยลงไปอีกประมาณ 30 วินาทีไปเจอ
ดวงจันทร์ดวงที่ 3 แต่ว่าการลอยลงในครั้งที่ 2 และ 3 นี้ไม่ค่อยมีอะไรที่ทำให้รู้สึกกลัวเหมือนเที่ยวแรกแล้ว เพราะรอบๆ มันไม่ได้มืดเสียทีเดียว เหมือนมีลวดลายหรือแสงสีบางอย่างรอบๆ ตัวระหว่างที่ลอยผ่านไป ซึ่งจำรายละเอียดช่วงนี้ไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าไม่ได้กลัวถ้าจะต้องไปเจออะไรอีก แล้วดวงจันทร์
ที่เห็นดวงที่ 2 และ 3 สีสันก็แตกต่างจากดวงแรกเล็กน้อยแต่ก็ยังดูสวยงามแปลกตา และเหมือนจะมีลวดลายแปลกๆ เป็นแบ็คกราวด์อยู่รอบๆ ดวงจันทร์
ซึ่งจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว แต่ตอนนั้นจะให้ความรู้สึกประมาณว่าเหมือนเราเล่นเกมอะไรสักอย่างแล้วมันอัพเลเวลไปเป็นเลเวล 2-3 อะไรประมาณนั้น แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น ดูนาฬิกาเป็นเวลา 02.24 น.
ฝ่าด่านความมืดครั้งที่ 2 ด้วย นะ มะ พะ ธะ
https://pantip.com/topic/41838180/comment1
ประมาณ 3-4 วัน (ประมาณ 20 ม.ค. 2566) ก่อนหลับแล้วจิตตื่นเห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ ก็เลยยันตัวลุกนั่งสมาธิแต่ก็รู้สึกว่าตอนนั้น
จิตไม่ได้มีกำลังสมาธิมากเหมือนทุกครั้ง ก็เลยนั่งพุทโธๆๆ อยู่ 3-4 ครั้ง ก็นึกได้ว่าหลวงพ่อเคยบอกถ้าจะถามอะไรให้ถามพระพุทธเจ้า
ก็เลยกำหนดจิตขอให้พระพุทธเจ้าช่วยชี้แนะแนวทางการปฏิบัติต่อจากนี้ พอกำหนดจิตเสร็จก็จำได้ว่าหลวงพ่อให้ใช้ นะ มะ พะ ธะ ก็เลย
ลองบริกรรม นะ มะ พะ ธะ แทนพุทโธ ตอนที่พุทโธ 3-4 ครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามีความสว่างขึ้นสังเกตได้จากบริเวณเหนือหางตาด้านขวา
เกิดเป็นความสว่างปานกลางคลุมลงมาที่กาย พอมา นะ มะ พะ ธะ ไป 2 ครั้ง กำลังจะครั้งที่ 3 ก็รู้สึกว่ากายที่นั่งสมาธิอยู่กลายเป็นเหมือน
หมอกควันขาวทึบมีแสงในตัว แต่เป็นกายเรียบๆ ไม่มีรายละเอียดหู ตา จมูก พุ่งขึ้นไปด้านบนสูงประมาณ 10 เมตร แล้วก็รู้สึกเหมือน
จะลอยถอยหลังโค้งลงมาหน่อยหนึ่งก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น
…….
หลังจากหลับแล้วมีสติรู้ตัวตื่นในครั้งที่แล้ว และลองภาวนา นะ มะ พะ ธะ เป็นครั้งแรก (ตามลิงค์ด้านบน) ก็ได้มีโอกาสลองใช้ นะ มะ พะ ธะ
อีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อคืน (15 ก.พ. 2566) ช่วง 22.00 น.นอนอ่านบทความในคอมฯ อยู่ รู้สึกง่วงก็เลยผล็อยหลับไปเลย ไม่ได้นั่งสมาธิก่อนนอน
เหมือนที่เคย มาตื่นอีกทีดูเวลาประมาณ 00.28 น.ก็เลยไปเข้าห้องน้ำแล้วมานั่งสมาธิฝึกอาโลกกสิณต่อ
2-3 วันนี้จะทานอาหารให้เสร็จก่อน 17-18 น. และทานประมาณครึ่งท้องไม่ให้อิ่มจนเกินไป ก็รู้สึกว่านั่งสมาธิได้สงบดีและสงบนานกว่าช่วง
ก่อนหน้า ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะทานอาหารดึกเกินและอิ่มเกิน ที่บ้านจะทานช่วงประมาณ 19-19.30 น.อาหารอาจจะไม่ทันย่อยดี เวลา
นั่งสมาธิมันเลยรู้สึกว่าสงบยาก ก็เลยลองเปลี่ยนเวลาทานอาหารให้เร็วขึ้น 2-3 ชั่วโมงและทานแค่ครึ่งท้องของปกติ ก็รู้สึกว่าสมาธิดีขึ้น ถึงจะ
อยู่แค่อุปจารฌานแก่ๆ ไม่ค่อยถึงฌานแต่ก็ถือว่าทรงตัวได้ดีและนานขึ้น
ออกจากห้องน้ำมานั่งสมาธิต่อช่วงประมาณ 00.40 น. วันนี้ใช้อานาปานสติ+คำภาวนา นะ มะ พะ ธะ แทนพุทโธ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอ่านเจอ
ที่ลูกศิษย์เคยถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับเรื่องมโนมยิทธิว่า ตอนนอนภาวนา นะ มะ พะ ธะ จนหลับแล้วจิตตื่นรู้สึกเหมือนตัวเองจะออกจาก
กายเนื้อแต่กลัวเลยไม่กล้าออก หลวงพ่อว่าถ้าตอนนั้นกายในหลุดออกไปทั้งตัวได้แบบนั้นเรียกว่าเป็นอภิญญาแท้ ออกไปแล้วจะมีลักษณะคล้ายฝัน
และจะมีเทวดาและพระอริยะมาทดสอบกำลังใจของเราว่ามีความกล้าพอหรือเปล่า กลัวตายมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ากลัวก็จะยังออกไปดูอะไร
ภายนอกไม่ได้
น่าจะนั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง (ไม่ได้ดูเวลาแต่กะๆ เอาส่วนใหญ่จะนั่งประมาณ 1 ชั่วโมงหรือชั่วโมงเศษ) รู้สึกว่าเป็นอุปจารฌานแก่ๆ ทรงตัวได้นาน
ดีขึ้นก็เลยนอนภาวนา นะ มะ พะ ธะ ต่อจนหลับ แล้วก็เหมือนจะฝันสัพเพเหระอะไรสักอย่าง สักพักก็มีสติรู้ตัวว่าฝัน แล้วความรู้สึกก็เห็นเหมือนตัวเอง
นอนคว่ำหน้า ลอยค้างเติ่งอยู่ท่ามกลางความมืดประมาณ 5-10 วินาที แล้วก็เริ่มลอยตัวลงทิศเบื้องล่างเองโดยที่เราไม่ได้กำหนดจิตอะไร แรกๆ ก็ลง
แบบช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ รอบข้างมีแต่ความมืดมองไม่เห็นอะไร
ช่วงที่เคยจิตตื่นใหม่ๆ ประมาณ 20 ปีที่แล้วก็เคยลอยขึ้นลงท่ามกลางความมืดแบบนี้ บางทีก็ลอยขึ้นไปสูงๆ เหมือนลอยออกไปนอกโลก ลอยไปผ่าน
ดวงจันทร์ก็มี บางทีก็ลอยลงต่ำในทิศเบื้องล่าง แต่พอลอยไปนานๆ เป็นนาที รู้สึกว่าไปไกลมากหรือลงลึกมากๆ แล้วแต่ก็ยังมีแต่ความมืด ก็เลยชัก
ลังเลและรู้สึกกลัวเหมือนกัน (ตอนนั้นกลัวว่าถ้าไปไกลๆ แล้วจะไม่ได้กลับ)
แต่เที่ยวนี้พอเริ่มลอยลงในทิศเบื้องล่าง ก็นึกขึ้นมาได้ก็เลยภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปด้วย ตอนนั้นไม่รู้ลมหายใจเลยภาวนา นะ มะ พะ ธะ อย่างเดียว
ลอยลงไปในความมืดประมาณ 2-3 นาทีคาดคะเนเอาตามความรู้สึก น่าจะภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปได้ประมาณ 20-30 ครั้ง แรกๆ ก็ภาวนาปกติ แต่พอ
ลงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจนรู้สึกเหมือนมีลมพายุแรงๆ อยู่รอบตัว ก็เริ่มลังเลและกลัวหน่อยๆ แต่ก็ลองฝืนประคองคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ ค่อยๆ ถี่ขึ้น
ตามความเร็วที่พุ่งลงไปในทิศเบื้องล่าง จนรู้สึกว่าคำบริกรรมแนบสนิทเป็นอารมณ์เดียวลักษณะคล้ายปฐมฌาน (เคยอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกถ้ากำหนด
จิตไปในทิศเบื้องล่างจะเป็นการไปดูนรก ถ้ากำหนดจิตขึ้นทิศเบื้องบนจะไปดูสวรรค์ พรหม นิพพาน แต่เที่ยวนี้ส่วนตัวยังไม่ได้กำหนด เหมือนมีบางสิ่ง
กำหนดให้ไปทิศเบื้องล่างเอง)
รู้สึกว่าตัวเองกำลังพุ่งลงไปในทิศเบื้องล่างอย่างเร็วและนานมากแบบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย ตอนนั้นก็หวั่นๆ ใจอยู่เหมือนกัน พอถึงจุดที่
ภาวนาเป็นอารมณ์เดียวจนเริ่มไม่สนใจลมที่เหมือนพายุแรงๆ รอบข้างแล้ว คำภาวนาก็เริ่มถี่ขึ้นๆ และหดสั้นลงเรื่อยๆ จนคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ กำลัง
จะขาดหายไปอยู่รอมร่อ ช่วงจังหวะนั้นก็เลยเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สีดำที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ แหวกออกทีละน้อย ปรากฏว่าเห็นเป็นดวงจันทร์
สว่างเหมือนคืนพระจันทร์เต็มดวงสวยงามมาก สีดำที่เป็นริ้วๆ เส้นๆ (รูปทรงคล้ายๆ ลอดช่องสีเขียวที่ตรงกลางอ้วนๆ ปลายเรียวๆ ดิ้นไปมา แต่เป็นริ้ว
สีดำ) ที่ปกคลุมดวงจันทร์อยู่ก่อนหน้าก็ค่อยๆ หลุดกระจายออกด้านข้างจนเห็นเป็นพระจันทร์เต็มดวง ความมืดสีดำก็ยังปกคลุมอยู่โดยรอบดวงจันทร์
แต่อยู่ห่างๆ รัศมีของความสว่างแผ่ออกไปโดยรอบประมาณ 10-15 เท่าของขนาดดวงจันทร์ที่เห็น
พอเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ก็รู้สึกดีใจเล็กๆ ว่าในที่สุดเราก็ฝ่าด่านความมืดที่ไม่กล้าฝ่าในสมัยก่อนมาได้ มองดวงจันทร์เพลินๆ อยู่ประมาณ 10 วินาทีได้มั้ง
เอาอีกแล้วเริ่มลอยลงทิศเบื้องล่างต่อไปอีกยังไม่ยอมหยุด ตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่ได้มีคำภาวนาอะไรแล้ว ลอยลงไปอีก 2 ครั้งไปเจอดวงจันทร์อีก 2 ดวง
แต่คราวนี้ไม่นานเหมือนเที่ยวแรก ประมาณ 30 วินาทีก็เจอดวงจันทร์ดวงที่ 2 ดูอยู่ประมาณไม่เกิน 5-10 วินาที ก็ลอยลงไปอีกประมาณ 30 วินาทีไปเจอ
ดวงจันทร์ดวงที่ 3 แต่ว่าการลอยลงในครั้งที่ 2 และ 3 นี้ไม่ค่อยมีอะไรที่ทำให้รู้สึกกลัวเหมือนเที่ยวแรกแล้ว เพราะรอบๆ มันไม่ได้มืดเสียทีเดียว เหมือนมีลวดลายหรือแสงสีบางอย่างรอบๆ ตัวระหว่างที่ลอยผ่านไป ซึ่งจำรายละเอียดช่วงนี้ไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าไม่ได้กลัวถ้าจะต้องไปเจออะไรอีก แล้วดวงจันทร์
ที่เห็นดวงที่ 2 และ 3 สีสันก็แตกต่างจากดวงแรกเล็กน้อยแต่ก็ยังดูสวยงามแปลกตา และเหมือนจะมีลวดลายแปลกๆ เป็นแบ็คกราวด์อยู่รอบๆ ดวงจันทร์
ซึ่งจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว แต่ตอนนั้นจะให้ความรู้สึกประมาณว่าเหมือนเราเล่นเกมอะไรสักอย่างแล้วมันอัพเลเวลไปเป็นเลเวล 2-3 อะไรประมาณนั้น แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น ดูนาฬิกาเป็นเวลา 02.24 น.