เราอยากจะมาขอคำปรึกษา
เราอายุ16ปี ตอนนี้เรียนกศน.(การศึกษานอกระบบ)
เราอาศัยอยู่กับแฟนเก่าของแม่ ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของเราแต่เรานับถือเขาเป็นพ่อ(เราเรียกเขาว่า พ่อ)แล้วแม่ไปมีแฟนใหม่แต่แม่ก็จะมารับเราไปอยู่ด้วยเดือนละ2-3วันแล้วก็กลับ
เหตุผลที่เราเรียนกศน.เพราะว่าตอนอยู่ต่างจังหวัดเคยโดนคนในครอบครัวลวนลาม แม่ก็เลยให้ย้ายมาเรียน กศน.ที่กรุงเทพฯ ส่วนพี่สาวเรียนมหาลัย
ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่โดนคาดหวังจากพ่อและแม่ค่ะ คือตอนนี้เราทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำงานของพ่อ เดือนละ2000บาท แบ่งให้แม่1000บาท ให้พ่อ500บาท ของเรา500บาท(ตอนแรกแม่ขอ1500บาทแต่เราไม่ได้ให้เพราะจะไม่มีกินค่ะ) ปกติแม่ก็จะโอนมาให้ประมาณ300-400บาท ต่อเดือน
เราอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเองไม่ว่าจะแพงหรือถูก ไม่มีใครบอกให้เราเก็บเงินซื้อเองแต่เราโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต้องเก็บเงินซื้อเองค่ะ ตอนนี้กำลังเก็บเงินซื้อโน๊ตบุ๊คไว้เรียนมหาลัยเพราะตอนนี้มีโทรศัพท์เครื่องเดียว
สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด คือ แม่ขอให้เราซื้อบ้าน ซื้อรถบิ๊กไบร์ ซื้อวัวให้ ส่วนพ่อขอให้เราช่วยทำงานผ่อนรถยนต์เป็นรถกระบะให้ คือเราอายุ16ปี ยังเรียนอยู่ มีแค่รายได้2000บาทต่อเดือน อะไรทำให้เขาคาดหวังกับเราขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้แม่มีรถมอเตอร์ไซร์ที่กำลังผ่อนอยู่4คันกับแฟนใหม่ของแม่ ยังผ่อนไม่หมด(แม่2คัน แฟนใหม่แม่ 2คัน)
ถึงแม้พ่อแม่ไม่บอก เราก็ดูแลพวกเขาอยู่แล้วเพราะเราก็รักเขาเหมือนกัน แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เรามีความฝันเป็นของตัวเองและอยากทำมันให้ดีที่สุด แต่พอเราโดนคาดหวังแบบนี้ทำให้เราเหนื่อยไม่อยากทำอะไรต่อทั้งที่เราเป็นคนกระตือรือร้นในการหาเงินมากๆ พยายามหาแนวในทางในด้านธุรกิจ แต่เหมือนมันบังคับเราว่าต้องรีบประสบความสำเร็จเพื่อจะให้ในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการได้ซึ่งเราไม่มีทางรู้ว่าจะประสบความสำเร็จตอนไหนอายุเท่าไหร่
เราวางแผนอนาคตไว้ว่า เรียนกศน.จบ จะทำงานส่งตัวเองเรียนรามคำแหงต่อ อย่างน้อยก็สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต เพราะเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ เราก็ต้องมาคิดอีกว่าถ้าเราทำงานส่งตัวเองเรียนแล้วเงินที่ได้จากการทำงานต้องแบ่งให้พ่อแม่ด้วยไหม แล้วจะพอส่งตัวเองเรียนไหม ไหนจะค่าใช้จ่ายในมหาลัยและชีวิตประจำวันอีก
เรามีนิสัยชอบวางแผน ทำให้เวลาคิดอะไรก็จะกังวลและคิดมากไปเรื่อย
เหตุผลที่เรียกแฟนเก่าของแม่ว่า พ่อ เพราะเขาดูแลเราเหมือนพ่อคนๆหนึ่งเลย เขาเป็นคนคาดหวังให้เราช่วยผ่อนรถกระบะให้ เราอึดอัดมากๆหลังจากที่เขาพูดคำนี้เพราะเขาเลี้ยงเราดีมากๆ ทำให้เราอยากตอบแทนบุญคุณเขา แต่บางอย่างเรารับผิดชอบให้เขาไม่ไว้จริงๆ (เขามีลูกชายคนหนึ่งอายุมากกว่าเรา 4-5ปี)
ตอนนี้ทำได้แค่รับฟังเฉยๆ พยายามหาแนวทางของตัวเองต่อไป แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
ไม่คาดหวัง = ไม่ผิดหวัง
ถูกคาดหวัง
เราอายุ16ปี ตอนนี้เรียนกศน.(การศึกษานอกระบบ)
เราอาศัยอยู่กับแฟนเก่าของแม่ ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของเราแต่เรานับถือเขาเป็นพ่อ(เราเรียกเขาว่า พ่อ)แล้วแม่ไปมีแฟนใหม่แต่แม่ก็จะมารับเราไปอยู่ด้วยเดือนละ2-3วันแล้วก็กลับ
เหตุผลที่เราเรียนกศน.เพราะว่าตอนอยู่ต่างจังหวัดเคยโดนคนในครอบครัวลวนลาม แม่ก็เลยให้ย้ายมาเรียน กศน.ที่กรุงเทพฯ ส่วนพี่สาวเรียนมหาลัย
ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่โดนคาดหวังจากพ่อและแม่ค่ะ คือตอนนี้เราทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำงานของพ่อ เดือนละ2000บาท แบ่งให้แม่1000บาท ให้พ่อ500บาท ของเรา500บาท(ตอนแรกแม่ขอ1500บาทแต่เราไม่ได้ให้เพราะจะไม่มีกินค่ะ) ปกติแม่ก็จะโอนมาให้ประมาณ300-400บาท ต่อเดือน
เราอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเองไม่ว่าจะแพงหรือถูก ไม่มีใครบอกให้เราเก็บเงินซื้อเองแต่เราโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต้องเก็บเงินซื้อเองค่ะ ตอนนี้กำลังเก็บเงินซื้อโน๊ตบุ๊คไว้เรียนมหาลัยเพราะตอนนี้มีโทรศัพท์เครื่องเดียว
สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด คือ แม่ขอให้เราซื้อบ้าน ซื้อรถบิ๊กไบร์ ซื้อวัวให้ ส่วนพ่อขอให้เราช่วยทำงานผ่อนรถยนต์เป็นรถกระบะให้ คือเราอายุ16ปี ยังเรียนอยู่ มีแค่รายได้2000บาทต่อเดือน อะไรทำให้เขาคาดหวังกับเราขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้แม่มีรถมอเตอร์ไซร์ที่กำลังผ่อนอยู่4คันกับแฟนใหม่ของแม่ ยังผ่อนไม่หมด(แม่2คัน แฟนใหม่แม่ 2คัน)
ถึงแม้พ่อแม่ไม่บอก เราก็ดูแลพวกเขาอยู่แล้วเพราะเราก็รักเขาเหมือนกัน แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เรามีความฝันเป็นของตัวเองและอยากทำมันให้ดีที่สุด แต่พอเราโดนคาดหวังแบบนี้ทำให้เราเหนื่อยไม่อยากทำอะไรต่อทั้งที่เราเป็นคนกระตือรือร้นในการหาเงินมากๆ พยายามหาแนวในทางในด้านธุรกิจ แต่เหมือนมันบังคับเราว่าต้องรีบประสบความสำเร็จเพื่อจะให้ในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการได้ซึ่งเราไม่มีทางรู้ว่าจะประสบความสำเร็จตอนไหนอายุเท่าไหร่
เราวางแผนอนาคตไว้ว่า เรียนกศน.จบ จะทำงานส่งตัวเองเรียนรามคำแหงต่อ อย่างน้อยก็สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต เพราะเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ เราก็ต้องมาคิดอีกว่าถ้าเราทำงานส่งตัวเองเรียนแล้วเงินที่ได้จากการทำงานต้องแบ่งให้พ่อแม่ด้วยไหม แล้วจะพอส่งตัวเองเรียนไหม ไหนจะค่าใช้จ่ายในมหาลัยและชีวิตประจำวันอีก
เรามีนิสัยชอบวางแผน ทำให้เวลาคิดอะไรก็จะกังวลและคิดมากไปเรื่อย
เหตุผลที่เรียกแฟนเก่าของแม่ว่า พ่อ เพราะเขาดูแลเราเหมือนพ่อคนๆหนึ่งเลย เขาเป็นคนคาดหวังให้เราช่วยผ่อนรถกระบะให้ เราอึดอัดมากๆหลังจากที่เขาพูดคำนี้เพราะเขาเลี้ยงเราดีมากๆ ทำให้เราอยากตอบแทนบุญคุณเขา แต่บางอย่างเรารับผิดชอบให้เขาไม่ไว้จริงๆ (เขามีลูกชายคนหนึ่งอายุมากกว่าเรา 4-5ปี)
ตอนนี้ทำได้แค่รับฟังเฉยๆ พยายามหาแนวทางของตัวเองต่อไป แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
ไม่คาดหวัง = ไม่ผิดหวัง