รีวิว ประกอบเครื่องกรองน้ำ RO โดยไม่มีระบบควบคุมไฟฟ้า กรองเร็ว ไม่ต้องมีถังเก็บน้ำ งบ 7,600 บาท



ออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำ หรือทำงานอยู่บริษัทรับติดตั้งเครื่องกรองน้ำแต่อย่างใด เป็นเพียงช่างซ่อมบำรุง บริษัทเป็นกึ่ง ๆ รับเหมา มีโกดัง โรงงาน สำนักงาน มีแคล้มคนงาน น้ำดื่มเป็นสวัสดิการพื้นฐานให้พนักงานอยู่แล้ว บริษัทก็มีเครื่องกรองน้ำที่แคล้มคนงาน ประจำโรงงาน ผมมารับช่วงต่อกับช่างเก่า ๆ ที่เขาติดตั้งไว้ วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับการประกอบเครื่องกรองน้ำไว้ใช้เอง เผื่อท่านใดสนใจ อ่านเป็นแนวทางได้ เพราะก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย ก็หาอ่านจากในเน็ต ในพันทิปเอานี้แหล่ะ จนวันนี้พอจะรู้บ้าง ก็เลยอยากเขียนเป็นข้อมูลไว้
 
ซึ่งงานประกอบจริง จะอยู่ในคอมเม้น 4-5 นะครับ ช่วงต้นกระทู้ผมจะอธิบาย เกี่ยวกับพวกไส้กรองต่าง ๆ คนที่ไม่รู้เรื่องนี้เลยจะได้เข้าใจไปพร้อมกัน
 
การประกอบเครื่องกรองน้ำสักตัวนั้นไม่ยาก หลักการแค่ เรียงไส้กรองจากหยาบไปละเอียด แต่ละไส้กรองก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป บางไส้กรองเราจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ มันมีข้อดีข้อเสียของมันอยู่ ที่นี้มาดูกันว่าไส้กรองที่จำเป็นในการประกอบเครื่องกรองน้ำมันมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. กรองตะกอน พวกเศษดิน ตะไคร้น้ำ สิ่งสกปรกที่มากับท่อน้ำ ที่มองเห็นด้วยตาเปล่า เราจะใช้ไส้กรองชื่อ ไส้กรองโพลีโพรพิลีน ชื่อย่อ ไส้กรอง PP ตัวนี้จะเป็นตัวแรกสุดเลยที่ทุกเครื่องกรองน้ำต้องมี ลักษณะเป็นทรงกระบอกสีขาว คล้ายกระดาษทิชชู่ ตรงกลางจะกลวง การกรอง น้ำจะซึมจากผิวด้านนอกเข้าสู่แกนกลางด้านใน ส่วนที่เป็นฝุ่น เป็นดิน จะอยู่รอบ ๆ นอก ใช้ไปนาน ๆ จะเป็นสีแดงเต็มไปด้วยตะกอน ตะกอนจะแทรกซึมเข้าไปจนถึงแกนกลาง ไม่สามารถล้างออกได้ ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว อายุการเปลี่ยนแล้วแต่สภาพน้ำ ถ้าบ้านไม่มีถังกรองไฟเบอร์ก็ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ หน่อย ประมาณเดือนละครั้ง ไส้กรอง PP ที่เห็นขายกันทั่วไป มีขนาดความยาว 10 นิ้ว กับ 20 นิ้ว ราคาเพียง 20 บาท มีหลายความละเอียด


2. ไส้กรองคาร์บอนบล็อก ชื่อย่อ ไส้กรอง CTO เป็นถ่านที่นำมาอัด อย่างที่รู้กัน ถ่านมีคุณสมบัติในการดูดซับ กลิ่น สี คลอรีน ดังนั้นจึงวางไส้กรองคาร์บอนบล็อคให้อยู่ในลำดับที่ 2 ทรงจะเหมือนไส้กรอง PP คือเป็นกระบอกและมีรูตรงกลาง มีตาข่ายกรณีถ่านมันแตกหัก มีซีลยางหัวท้าย จะสังเกตได้ว่า ไส้กรองที่เป็นกระบอกทรงนี้ ไม่ว่าจะเป็น 10 นิ้ว หรือ 20 นิ้ว จะเป็นอย่างนี้หมด คือน้ำที่ยังไม่ได้กรองจะอยู่รอบนอก ส่วนน้ำที่กรองแล้วจะอยู่ข้างใน ดังนั้นเวลาไส่ไส้กรอง ต้องเช็คดี ๆ ว่ายางซีลอยู่ครบไหม ไม่ได้หล่นหายไปไหน ตรงกลางคือทางออกของน้ำที่กรองแล้ว ถ้ายางซีลหัวท้ายไม่มี น้ำที่อยู่รอบนอก ก็ไหลเข้าแกนกลางผ่านหัวท้าย ก็ผสมกันไม่ได้ถูกกรอง ดังนั้น ก่อนใส่ต้องเช็คดี ๆ   ไส้กรองคาร์บอนบล็อก นอกจากจะช่วยขจัดกลิ่นแล้ว ตัวไส้กรองยังสามารถกรองตะกรอนได้อีกด้วย เพราะไส้กรองถูกอัดจนเกิดรูพรุนเล็ก ๆ ขนาด 5 ไมครอน น้ำจะซึมผ่านรูพรุนพวกนั้น เป็นการกรองตะกอนไปในตัว ไส้กรองจึงระบุความละเอียดการกรองเพราะสามารถกรองตะกอนได้นั่นเอง


3. ไส้กรอง GAC เป็นไส้กรองที่เป็นถ่านเหมือนคาร์บอนบล็อก ต่างกันที่ว่า จะไม่ถูกอัดเป็นก้อน แต่จะเป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียกว่า เกล็ดคาร์บอน บรรจุในกระบอกอีกทีหนึ่ง ไส้กรองช่วยลดกลิ่นและสีของน้ำ การทำงานคือ น้ำจะผ่านเข้าไปคลุกเคล้ากับเกล็ดคาร์บอน พวกสารอินทรีย์ อนินทรีย์ที่มากับน้ำก็จะถูกคาร์บอนดูดซับไว้ โดยทั่วไปสามารถใช้ทดแทนกับไส้กรองคาร์บอนบล็อกได้ โดยเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้ ทั้งคาร์บอนบล็อค กับ คาร์บอร์เกล็ด ถ้าน้ำมีกลิ่นมาก ๆ ก็เลือก GAC ถ้าน้ำมีกลิ่นน้อย ๆ ก็เลือก CTO


4. ไส้กรองเรซิ่น เป็นไส้กรองที่ไม่ได้กรองน้ำโดยตรง แต่จะทำหน้าที่ปรับสภาพน้ำโดยแลกเปลี่ยนประจุอิออน ตัวกระบอกจะบรรจุสารกรองเรซิ่น เม็ดกลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนไข่กุ้ง เม็ดพวกนี้จะอยู่อย่างอิสระ ไม่ได้อัดเป็นก้อนแต่อย่างใด หลักการทำงาน คือปล่อยน้ำให้ผ่านเรซิ่น  ให้เรซินช่วยให้น้ำกระด้างน้อยลง เช่น พวกน้ำบาดาลที่มีหินปูน เวลาล้างถ้วยล้างชามเป็นคราบขาว ๆ ถูสบู่ไม่ค่อยเกิดฟอง ให้น้ำผ่านเรซิ่น น้ำจะลื่นขึ้นมาทันใด ดังนั้น เราจะให้ไส้กรองเรซินเป็นกรองตัวที่ 3 ต่อจากคาร์บอน เพราะไส้กรองมันกรองตะกอนไม่ได้ น้ำที่จะมาผสมก็ต้องสะอาดไม่มีตะกอน ดังนั้น น้ำจึงต้องผ่านไส้กรองตะกอนมาก่อน เพื่อที่เรซิ่นมันจะได้ทำหน้าที่ดักจับหินปูนแต่เพียงอย่างเดียว


ไส้กรองข้างต้นทั้งสามเป็นไส้กรองพื้นฐาน มีทุกเครื่องกรองน้ำ จะระบบไหนก็ต้องมีไส้กรองตัวนี้ก่อนเสมอ การเรียงลำดับก็ตามนั้นเลย คือ
ตัวที่ 1 ไส้กรอง PP
ตัวที่ 2 ไส้กรอง คาร์บอน
ตัวที่ 3 ไส้กรอง เรซิ่น
ห้ามสลับกัน โดยเฉพาะเรซิ่นต้องอยู่ท้ายสุดเสมอ หลังจากมี 3 ไส้กรองนี้แล้ว ก็นำไปประกอบกับไส้กรอง UF หรือ RO ต่อไป

5. ไส้กรอง UF เป็นไส้กรองตะกอนที่มีความละเอียดอยู่ที่ 0.01 ไมครอน ลักษณะไส้กรองจะเป็นเส้นท่อหลายเส้นจุ่มลงไปในน้ำที่ยังไม่กรอง ท่อพวกนั้นมีรูพรุนที่ละเอียดจำนวนมาก น้ำจะไหลผ่านเข้ารูพวกนั้น อะไรที่ใหญ่กว่ารูพรุนพวกนั้นจะผ่านไม่ได้ เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง (7 ไมครอน),  บาซิลลัสแบคทีเลีย (0.5 ไมครอน),  โคโรนาไวรัส (0.1 ไมครอน) ส่วนที่ผ่านไม่ได้จะจับอยู่ตามเส้นท่อกรอง ดังนั้นไส้กรอง UF จึงเป็นไส้กรองที่สามารถล้างได้ การล้างก็เพียงแค่ถอดไส้กรองออกมาแล้วจุ่มลงน้ำสะบัดเบา ๆ เครื่องกรองที่ใช้ไส้กรอง UF จะไม่มีน้ำทิ้ง ไม่จำเป็นต้องใช้ปั้มอัดน้ำ ความเร็วน้ำออกเกือบเท่า ๆ น้ำเข้า ส่วนตัวผมคิดว่าเครื่องที่ใช้แค่กรอง UF ยังไม่สะอาด




6. ไส้กรอง RO เป็นไส้กรองที่มีความละเอียดอยู่ที่ 0.0001 ไมครอน อะไรที่ไส้กรอง UF กรองได้ ตัวนี้กรองได้ลึกกว่า กรองให้ได้น้ำบริสุทธิ์เพียว ๆ ไม่เหลือแร่ธาตุอยู่เลย  ด้วยความที่ไส้กรองมันละเอียดมาก แรงดันน้ำปะปาปกติจะไหลผ่านได้ยาก น้ำที่กรองไหลช้ามาก ดังนั้น ในเครื่องกรองน้ำระบบ RO จะมีปั้มอยู่เสมอ ปั้มที่ว่านี้ ไม่ใช่ปั้มบ้าน แต่เป็นปั้มเฉพาะที่ทำหน้าที่อัดน้ำเข้าไส้กรอง RO อย่างเดียว น้ำที่ผ่านไส้กรองจะแบ่งออกเป็นน้ำดีกับน้ำทิ้ง มีระบบไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะแสดงโดยละเอียดถัดไป


7. โพสต์คาร์บอน เป็นไส้กรองตัวสุดท้ายที่ทุกระบบกรองน้ำต้องมี ทำหน้าที่เหมือนคาร์บอน ซึ่งเป็นไส้กรองตัวที่ 2 ทุกประการ เช่น ดักจับ กลิ่น สี  ปกติน้ำที่ออกจากไส้กรอง RO สามารถดื่มได้เลย แต่รสชาติอาจจะเฝือนนิด ๆ ยิ่งถ้าเพิ่งเปลี่ยนไส้กรอง RO มาใหม่ ๆ รสชาติน้ำไม่ได้เลย มันฝาด มันเฝือนมาก ต้องกรองทิ้งไป 20-30 ลิตรถึงจะใช้ได้ ตัวไส้กรองโพสต์คาร์บอนจะช่วยปรับรสชาติน้ำให้ชวนดื่ม ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย โดยเฉพาะยี่ห้อไส้กรองตัวนี้ มันส่งผลต่อรสชาติน้ำในขั้นตอนสุดท้ายจริง ๆ ปกติผมใช้ยี่ห้อ AQUA รุ่นที่ทำจากถ่านกะลามะพร้าว เคยลองยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ถ่านกะลาปรากฎว่ารสชาติน้ำไม่อร่อยเลย


ไส้กรองที่ผมไม่แนะนำให้ใช้สักเท่าไหร่


1. ไส้กรองตาข่ายสแตนเลส เป็นไส้กรองหยาบ แบบหยาบมากขนาด 50 ไมครอน ลักษณะเป็นตาข่ายสะแตนเลสไว้กรองสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่มากับน้ำ ที่ไม่แนะนำให้ใช้เพราะว่า รูตาข่ายมันกว้างเกินไป กรองได้แต่วัตถุขนาดใหญ่ ๆ เท่านั้น เช่น ถ้าแถวบ้านมีการซ่อมท่อประปา แล้วพวกเศษดินเศษหินผ่านเข้าท่อมา อันนี้มันกรองเอาไว้ได้ มันเหมาะสำหรับกรองน้ำปะปาก่อนเข้าถังเก็บน้ำมากกว่า ข้อดีของไส้กรองตัวนี้คือ สามารถถอดมาล้างได้เรื่อย ๆ ผมเคยเอามาต่อก่อนเข้าไส้กรอง PP ปรากฎว่าใช้มาเป็นปี ถึงจะล้างทีหนึ่ง ตะกอนน้อยเพราะรูตาข่ายมันใหญ่ไปได้หมด คือมันก็ดี แต่สิ้นเปลืองกระบอก เปลืองพื้นที่ติดตั้ง


2. ไส้กรองเซรามิค เป็นไส้กรองตะกอนเหมือนกับไส้กรอง PP แต่ต่างตรงที่ มันละเอียดกว่า โดยไส้กรอง PP ความละเอียดอยู่ที่ 5 ไมครอนกับ 1 ไมครอน ส่วนไส้กรองเซรามิค จะอยู่ที่ 0.5 ไมครอน และพิเศษขึ้นไปอีกคือ มันสามารถขัดล้างได้ สามารถล้างไส้กรองได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนทิ้ง การล้างทำโดยขัดผิวรอบนอกกระบอกด้วยสก็อตไบร์ท ขัดให้ตะกอนที่จับอยู่รอบๆ หายไปก็ใช้ได้ แต่ แต่ แต่ ข้อเสียคือ มันตันไวมาก ด้วยความที่มันแข็ง ตะกอนจะจับกันอยู่เฉพาะผิวรอบนอก ไม่แทรกซึมเข้าไป ทำให้ผิวรอบนอกหนาแน่นไปด้วยตะกอน น้ำจึงผ่านไม่ได้ ใช้ไม่ถึงอาทิตย์มันก็ตันแล้ว ดังนั้นไม่แนะนำให้ใช้ ยิ่งคนที่ติดตั้งเครื่องกรองน้ำใต้อ่างล้างจาน ในที่แคบ ๆ อย่าเอาเปลี่ยนแทนไส้กรอง PP เลย ใช้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ต้องถอดออกมาขัดอีกแล้ว

3. ไส้กรองน้ำแร่ เป็นกระบอกใส ๆ บรรจุหินสีต่าง ๆ มีสรรพคุณบรรยายว่า ช่วยเพิ่มแร่ธาตุ ผมเคยใช้อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วต้องถอดออก คือมันไม่น่าใช้เท่าไหร่ ด้วยความที่กระบอกสีใส ก่อให้เกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย เราอยากได้น้ำสะอาด จืด บริสุทธ์ แต่พอผ่านมาหินสีพวกนี้ รสชาติมันเปลี่ยน


4. ไส้กรอง UV เป็นไส้กรองที่ใช้แสงในการฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ต่อออกจากไส้กรอง RO ส่วนตัวไม่เคยใช้ เท่าที่ดูก็น่าใช้อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าลำพังแค่แสง UV แค่นั้นจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทันรึเปล่า เพราะน้ำไหลผ่านไว ขนาดน้ำต้มสุก ก็ต้องต้มจนร้อนมาก ๆ ถึงจะฆ่าเชื้อโรคได้ 


ความละเอียดการกรอง
เครื่องกรองน้ำที่ขาย ๆ กันนี้ นอกจากจะบอกว่าเป็น RO หรือเป็น UF เขามักจะบอกด้วยว่า เป็นเครื่องกรองแบบกี่ขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนที่ว่า มันก็คือการจัดชุดแต่ละแบบว่าใช้ไส้กรองกี่ชั้น ถ้าเรียงลำดับตามความละเอียดไส้กรอง จะได้ว่า

     1.  ไส้กรอง เรซิ่น (ไม่ได้ระบุความละเอียด)
     2.  ไส้กรอง GAC Carbon (ไม่ได้ระบุความละเอียด)
     3.  ไส้กรอง UV (ไม่ได้ระบุความละเอียด)
     4.  ไส้กรอง น้ำแร่ (ไม่ได้ระบุความละเอียด)
     5.  ไส้กรอง ตาข่ายสแตนเลส 50 ไมครอน
     6.  ไส้กรอง PP ขนาด 50 ไมครอน
     7.  ไส้กรอง PP ขนาด 20 ไมครอน
     8.  ไส้กรอง PP ขนาด 10 ไมครอน
     9.  ไส้กรอง PP ขนาด 5 ไมครอน
   10.  ไส้กรอง คาร์บอนบล็อก 5 ไมครอน
   11.  ไส้กรอง โพสต์คาร์บอน 5 ไมครอน
   12.  ไส้กรอง PP ขนาด 1 ไมครอน
   13.  ไส้กรอง เซรามิค 0.5 ไมครอน
   14.  ไส้กรอง Absolute PP 0.45 ไมครอน
   15.  ไส้กรอง Absolute PP 0.2 ไมครอน
   16.  ไส้กรอง Absolute PP 0.1 ไมครอน
   17.  ไส้กรอง UF 0.01 ไมครอน
   18.  ไส้กรอง RO 0.0001 ไมครอน
 
ไส้กรองข้างต้น ไม่ได้เอามาประกอบทั้งหมดนะครับ การจัดชุดแบบทั่วไป จะมี
     1.  ไส้กรอง PP 5 ไมครอน
     2.  ไส้กรองคาร์บอนบล็อก หรือ คาร์บอนเกล็ด
     3.  ไส้กรองเรซิน
     4.  ไส้กรอง RO
     5.  ไส้กรองโพสต์คาร์บอน

ส่วนไส้กรองอื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าเครื่องกรองยี่ห้อไหนจะหยิบเอามาใส่ การจะเพิ่มไส้กรอง เราก็ต้องดูคุณสมบัติมันด้วย หากไส่ไปเยอะแต่มีหน้าที่เหมือนกัน ก็ทำให้เปลืองพื้นที่ติดตั้ง

เราสามารถเพิ่มไส้กรองได้ เช่น เพิ่ม UV เป็นตัวสุดท้าย
หรือแทรกกลาง ด้วย UF ก่อนเข้า RO เพื่อถนอมไส้กรอง RO
หรือเพิ่มไส้กรอง PP ด้วยไส้กรอง PP ที่ละเอียดกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่