คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผู้ชายคบกับคุณแบบ situationship เริ่มต้นทำเหมือนแฟน แต่กั๊กความสัมพันธ์ ทำความรู้จักกัน แบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจในชีวิต ทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่คุณชอบ กิจกรรมที่เขาชอบ หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ที่คุณทั้งคู่ยังไม่เคยทำ แม้กระทั่งไปเที่ยว แต่ไม่เคยพาไปแนะนำครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนให้รู้จัก และไม่ต้องการป่าวประกาศความสัมพันธ์ให้ใครรู้
อะไร ๆ ก็ไม่ชัดเจน เพราะไม่มีชื่อเรียกสถานะ ไม่มีคำว่า “แฟน” หลุดออกมาจากปาก และไม่สนใจคำนี้ด้วย แม้จะใช้เวลาร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ แต่ไม่เคยระบุความสัมพันธ์นี้ว่าแฟนหรืออะไร ทุกอย่างดูกำกวมไปไม่สุดสักทาง
มองไม่เห็นอนาคต แต่ละวันสนใจแต่ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นตรงหน้าเท่านั้น เหงาก็แค่นัดมาหา พรุ่งนี้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ หากต้องการวางแผนทำอะไรสักอย่าง จะไม่ไถ่ถามความคิดเห็นจากอีกฝ่าย และไม่รู้ว่าจะมีกันไปอีกนานแค่ไหน อะไรก็ไม่แน่นอนสักอย่าง
สื่อสารด้วยช่องทางออนไลน์ เขาจะใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลักสำหรับพูดคุยกัน แต่ไม่เคยเปิดตัวอีกฝ่าย ไม่เคยลงรูปคู่ ไม่พร่ำเพ้อถึงความสัมพันธ์ใด ๆ
ไม่เคย Make love กัน แม้จะเคยนอนเตียงเดียวกัน หรือไปค้างที่บ้านของอีกฝ่าย แต่ไม่คิดมีเพศสัมพันธ์ และไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ หากใครพยายามปลุกเร้าทางเพศ เท่ากันกำลังสร้างการผูกมัดทางความรู้สึก ผลคืออาจทำให้ความสัมพันธ์สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ในงานวิจัยบางตัวยังพบข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้ด้วยค่ะ ว่าทำไมคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1981-1996) รวมถึงคนที่เกิดหลังจากนี้ ถึงมีแนวโน้มพอใจกับความสัมพันธ์แบบ Situationship เพราะเมื่อลองศึกษาลึกลงไปแล้ว พบเหตุผลที่พอจะเป็นไปได้ นั่นเป็นเรื่องของปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่เพิ่มความท้าทายให้การใช้ชีวิต เพราะต้องการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกดีมากกว่า หากได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการจริง ๆ คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จึงไม่ได้ใส่ใจว่าท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตจะต้องรีบตกลงปลงใจกับใครเสมอไป การลองคบไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรนั่นเอง
เคยได้ยินเพลงนี้ไหมครับที่ร้องว่า “ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไม่อาจหาคำคำไหนมาเพื่ออธิบาย ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุขหัวใจ เพียงแค่เราเข้าใจ ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้” เพลงนี้อาจจะเป็นตัวแทนความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ก็เป็นไปได้ แต่ในทางกลับกัน หากใครเคยได้ยินอีกเพลง “ฉันก็ไม่รู้ระหว่างเราคืออะไรมันคืออะไรที่เธอคิดกับฉัน คนที่สนใจหรือเล่นๆไป ทำแบบไหนที่เราจะคบกัน หรือต้องให้ฉันแค่แอบมีเธอในใจ แค่นี้ใช่ไหมที่เธอคิดกับฉัน บอกกับฉันที ฉันไม่เข้าใจ ระหว่างเรามันควรเป็นเช่นไร ไม่รู้เลย” แทนความในใจของใครที่อยากได้ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเสียที ว่าแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเพื่อน ๆ เป็นแบบเพลงไหนกันครับ?
อะไร ๆ ก็ไม่ชัดเจน เพราะไม่มีชื่อเรียกสถานะ ไม่มีคำว่า “แฟน” หลุดออกมาจากปาก และไม่สนใจคำนี้ด้วย แม้จะใช้เวลาร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ แต่ไม่เคยระบุความสัมพันธ์นี้ว่าแฟนหรืออะไร ทุกอย่างดูกำกวมไปไม่สุดสักทาง
มองไม่เห็นอนาคต แต่ละวันสนใจแต่ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นตรงหน้าเท่านั้น เหงาก็แค่นัดมาหา พรุ่งนี้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ หากต้องการวางแผนทำอะไรสักอย่าง จะไม่ไถ่ถามความคิดเห็นจากอีกฝ่าย และไม่รู้ว่าจะมีกันไปอีกนานแค่ไหน อะไรก็ไม่แน่นอนสักอย่าง
สื่อสารด้วยช่องทางออนไลน์ เขาจะใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลักสำหรับพูดคุยกัน แต่ไม่เคยเปิดตัวอีกฝ่าย ไม่เคยลงรูปคู่ ไม่พร่ำเพ้อถึงความสัมพันธ์ใด ๆ
ไม่เคย Make love กัน แม้จะเคยนอนเตียงเดียวกัน หรือไปค้างที่บ้านของอีกฝ่าย แต่ไม่คิดมีเพศสัมพันธ์ และไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ หากใครพยายามปลุกเร้าทางเพศ เท่ากันกำลังสร้างการผูกมัดทางความรู้สึก ผลคืออาจทำให้ความสัมพันธ์สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ในงานวิจัยบางตัวยังพบข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้ด้วยค่ะ ว่าทำไมคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1981-1996) รวมถึงคนที่เกิดหลังจากนี้ ถึงมีแนวโน้มพอใจกับความสัมพันธ์แบบ Situationship เพราะเมื่อลองศึกษาลึกลงไปแล้ว พบเหตุผลที่พอจะเป็นไปได้ นั่นเป็นเรื่องของปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่เพิ่มความท้าทายให้การใช้ชีวิต เพราะต้องการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกดีมากกว่า หากได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการจริง ๆ คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จึงไม่ได้ใส่ใจว่าท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตจะต้องรีบตกลงปลงใจกับใครเสมอไป การลองคบไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรนั่นเอง
เคยได้ยินเพลงนี้ไหมครับที่ร้องว่า “ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไม่อาจหาคำคำไหนมาเพื่ออธิบาย ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุขหัวใจ เพียงแค่เราเข้าใจ ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้” เพลงนี้อาจจะเป็นตัวแทนความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ก็เป็นไปได้ แต่ในทางกลับกัน หากใครเคยได้ยินอีกเพลง “ฉันก็ไม่รู้ระหว่างเราคืออะไรมันคืออะไรที่เธอคิดกับฉัน คนที่สนใจหรือเล่นๆไป ทำแบบไหนที่เราจะคบกัน หรือต้องให้ฉันแค่แอบมีเธอในใจ แค่นี้ใช่ไหมที่เธอคิดกับฉัน บอกกับฉันที ฉันไม่เข้าใจ ระหว่างเรามันควรเป็นเช่นไร ไม่รู้เลย” แทนความในใจของใครที่อยากได้ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเสียที ว่าแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเพื่อน ๆ เป็นแบบเพลงไหนกันครับ?
แสดงความคิดเห็น
ทำยังไงดี ควรไปต่อหรือพอแค่นี้
รบกวนเพื่อนไปแนะนำหน่อยค่ะ