[CALCIOPOLI] อธิบายคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญา

เมื่อวานไปเจอความเห็นแฟนยูเวนตุสใน soccersuck บอกว่า ยูเวนตุสถูกตัดสินว่าไม่ผิด และฟ้องร้องกัลโช่ กัลโช่บออกไม่มีจ่าย
นี้มันอะไรกัน บิดเบือนความจริงกันเกินไปแล้ว ศาลอาญาตัดสินว่าผู้บริหารยูเวนตุสนี้ความผิดนะครับ 
ผมหาคำตัดสินมาอธิบายให้ดูแล้วกัน

คำตัดสิน วันที่ 23 มีนาคม 2015

ลูชาโน่ มอจจี้ อดีตผู้บริหารยูเวนตุส
มีความผิดฐาน "สบคบกับผู้อื่นกระทำอาชญากรรม" มีบทลงโทษจำคุก 2 ปี
แต่เนื่องจากคดีหมดอายุความจึงไม่ต้องรับโทษ

Antonio Giraudo อดีตผู้บริหารยูเวนตุส 
มีความผิดฐาน "ฉ้อโกง" มีบทลงโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน
แต่เนื่องจากคดีหมดอายุความจึงไม่ต้องรับโทษ

Massimo De Santis  อดีตหัวหน้าผู้ตัดสิน
ศาลฎีกาไม่รับคำอุทธรณ์  ยืนยันบทลงโทษรอลงอาญา 10 เดือนที่ไดัรับไปแล้ว 

ผู้ตัดสินคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีถูกตัดสินว่า "ไม่มีความผิด"

สรุป
เนื่องด้วย "อดีตผู้บริหารยูเวนตุส" ถูกตัดสินว่ามีความผิด ยูเวนตุสจึงไม่มีโอกาสที่จะฟ้องร้อง "สมาคมฟุตบอลอิตาลี" แล้วจะชนะเลย
ด้วยเหตุผลนี้ที่ผ่านมาเกือบ 8 ปี ยูเวนตุสก็ไม่เคยฟ้องสมาคมฟุตบอลอิตาลี เพราะรู้ตัวว่าแพ้แน่ๆ
ทั้งที่ "มอจจี้" หลอกแฟนบอลยูเวนตุสว่าตัวเองชนะคดี   

ปล. ตอนสมัยผมอ่านของภาษาอิตาลี มีคำสั่งห้ามฝั่งยูเวนตุสนำไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลไหนอีกอยู่นะ แต่ลิ้งค์ที่หาเจอไม่มีเขียน

ลิ้งค์ข่าวภาษาอังกฤษ แต่ข้อมูลน้อยกว่าที่ผมอ่านตอนนั้นมาก
https://football-italia.net/calciopoli-verdict-confirmed/

ขอย้อนเล่าไปยัง "ศาลอุทธรณ์" คดีอาญา กันหน่อย 

ก่อนวันที่จะขึ้น "ศาลอุทธรณ์" มีการเล่นข่าวว่า "อินเตอร์ มิลาน" คือผู้ร้ายที่แท้จริง มีการปล่อยทฤษฎีสมคบอย่างต่อเนื่อง
ก่อน "มอจจี้" ไปขึ้นศาลไม่กี่วัน ตัวเขาก็ไปออกสถานีวิทยุ บอกให้ "อินเตอร์ มิลาน" คืนแชมป์เซเรีย อา 2005-06 มา ถ้ามีความละอาย
มอจจี้ บอกว่าเขามีหลักฐานที่จะเปิดโปง "อินเตอร์ มิลาน" ในศาล

เหตุการณ์ในวันขึ้นศาลอุทธรณ์ ผมเล่าตามที่นักข่าวรายงานจากศาลนะ ไม่มีการแต่งเติมใดๆทั้งสิ้น

เริ่มต้นด้วย "ฝั่งมอจจี้" แถลงว่า "อินเตอร์ มิลาน" คือผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่หลังการควบคุมกรรมการ
พวกเขาได้เสนอเกมฤดูกาล 2004-05   อินเตอร์ มิลาน เสมอ ยูเวนตุส 2-2 ที่ ซาน ซีโร่ ขึ้นมา
ฝั่งมอจจี้ บอกว่ามีจังหวะที่ "ยูเวนตุส" สมควรได้จุดโทษ แต่กรรมการไม่ให้นั้นน่าสงสัย
ต่อด้วยยกคำสัมภาษณ์ของ "ปิแอร์ลุยจิ คอลลิน่า" ที่บอกว่าจังหวะนั้นต้องเป็นจุดโทษขึ้นมา เพื่อตอกย้ำความน่าสงสัย
ปิดท้ายด้วยเทปเสียงที่ "โมรัตติ" ประธานสโมสรอินเตอร์  โทรศัพท์ไปชมการทำหน้าที่ของกรรมการนัดนั้น ต่อหัวหน้าผู้ตัดสิน
แล้วแถลงปิดว่าตัวเองคือผู้บริสุทธิ์ อินเตอร์ มิลาน ต่างหากคือผู้ร้าย

ขั้นต่อมาเป็นอัยการซักถามจำเลย
ทางอัยการได้นำเทปเสียงบทสนทนาของ "มอจจี้" ที่มีต่อบุคคลต่างๆที่เกี่ยวจข้องกับคดีมาแสดงต่อศาล
แล้วพออัยการถามว่า คุณได้พูดบทสนทนาเหล่านี้จริงไหม มอจจี้ ตอบว่า "ผมแค่พูดล้อเล่น" 

ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ มอจจี้ และพวกมีความผิด 

สรุปว่าเราได้อะไรจากศาลอุทธรณ์
เรื่องแรก ที่ "มอจจี้" บอกกว่ามีหลักฐานแสดงความผิด "อินเตอร์ มิลาน" มันก็มีแค่ที่เล่าข้างบนแหละ 
มันไม่มีอะไรที่ทำให้ศาลรับฟังได้เลย 

เรื่องที่สอง มีการเข้าหาผู้ตัดสินจากผู้บริหารสโมสรฟุตบอลต่างๆจริง เอาจริงๆ "โมรัตติ" ไม่ควรโทรไปหาหัวหน้าผู้ตัดสินนะ
แต่ที่กระทำล้ำเส้นก็มแค่ "มอจจี้" กับ "กัลเลียนี่" ของ เอซี มิลาน แต่ "กัลเลียนี่" ทำไปได้ไม่นานแล้วหยุด
ส่วน "มอจจี้" ทำแล้วไม่หยุด แถมยังไปชวนผู้บริหารสโมสรอื่นทำด้วย จึงโดนคดีอาญา 

Massimo De Santis หัวหน้าผู้ตัดสินเอง ก็พูดจริงตามให้สัมภาษณ์นั้นแหละ ว่ามีผู้บริหารทุกโมสรเข้ามาหาเขาเพื่อผลประโยชน์
แต่แกรวมมือกับมอจจี้ทำผิดอย่างต่อเนื่องไง ที่ต่างจากกรณีผู้บริหารคนอื่น 

จบ น่าเสียดายถ้ามีที่อ่านในตอนนั้นจะลงรายละเอียดได้อีกเยอะ เล่าเฉพาะที่จำได้ชัดเจน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่