ประสบการณ์เด็กจบใหม่ คณะจิตวิทยา ไปทำงาน Tech industry

อยากจะแชร์ประสบการณ์การย้ายงานไปสาย tech ที่โครตจะดี ทั้งเงินและชีวิต 😂 (แนะนำให้หาบริษัทฝรั่ง แล้วชีวิตจะดี ดราม่าน้อย ทำงานเป็นระบบ ไม่มีตำแหน่งมาค้ำคอ)

สายงานที่ผมย้ายจาก Sales & Digital Marketing ไป UX/UI Designer ซึ่งเป็นตำแหน่งเด็กจบใหม่ทั้งคู่

อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เห็นการเดินทางของผม เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนครับ สู้ๆครับ ชีวิตจะดีขึ้น ถ้าเราเห็นช่องทาง (ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี แต่โชค และโอกาส หรือ timing เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับผม)


งานประจำ
1. ข้อมูลคร่าวๆการจบการศึกษา ปริญญาตรี / โท / diploma
ตอบ: จบตรี จุฬา (จิตวิทยาอินเตอร์), ตรี University of Queensland (Humanities & Social Science)

2. ข้อมูลที่เริ่มทำงาน (ปี ประเภทบริษัท ตำแหน่ง เงินเดือน โบนัส อายุงาน)
ตอบ:
จบมา ว่าง 1 ปี ช่วงเริ่มโควิดพอดี หางานไม่ได้, ปีต่อมาไปทำ Sales & Digital marketing ให้บริษัทผลิตไส้กรอก (ไม่ใช่ของเจ้าสัว)
- Sales & Digital Marketing
- เงินเดือน 25,000
- อายุงาน 11 เดือน

ระหว่างทำงานปีแรก ก็หันมาสนใจงาน UX/UI designer เพราะเพื่อนรอบข้างเป็น Dev หลายคนทำให้ซึมซับด้าน Tech และได้เห็นโอกาสการเติบโต ที่โดดเด่นกว่าสายงานทั่วไป จึงทำให้มี passion เลยฝึกไปด้วย นั่งดู Youtube ไม่เคยลงคอร์สเรียนเสียตังค์ เรียนฟรีตลอด จนได้ไปทำงาน ฟรีแลนซ์ 1 งานให้คลินิคกายภาพบำบัดแห่งนึง ทำ ux/ui design กับในทีม 2  (Frontend 1, Backend 1) ทำให้เรียนรู้ได้เร็วมาก จนในที่สุดพร้อมที่จะเปลี่ยนสายงาน เลยลาออกจากงานเก่า

หลังจากลาออก ก็ตั้งใจทำ Portfolio เพื่อสมัครงานใหม่ ตอนแรกตั้งใจจะใช้เวลาทำ 1 เดือนในการทำ เพราะไม่อยากว่างไม่มีเงินเดือนนาน แต่ประสบปัญหาล่าช้า เพราะ "ความขี้เกียจ" 55555 ทำให้ใช้เวลาทำ Portfolio ไป 3 เดือน ตอนนั้นก็รู้สึก Burnout ใช้ได้ เพราะนานมากกว่าจะเสร็จ จนสุดท้ายพอเสร็จ ก็ยื่นสมัครไปหลายที่ (เป็น 10) มีทั้ง บริษัทขนาดใหญ่ บริษัทขนาดกลาง Startup tech

หลังจากใช้เวลารอประมาณ 3 วัน ก็เริ่มมี HR ติดต่อมาเรื่อยๆ เราก็สัมภาษณ์ไปหลายที่ แต่สุดท้ายบริษัทที่เลือกคือ บริษัทแรกสุด เป็นบริษัทต่างชาติ tech consultancy ที่มีหลายสาขาทั่วโลก เพราะรู้สึก culture การทำงาน น่าจะดีมาก สุดท้ายก็เรียกเงินเดือนไป 40k (ตำแหน่ง Junior UX/Ui designer - เด็กจบใหม่) แต่เค้า offer กลับมา 36k ซึ่งพอรับได้ บวกกับ perk ที่เบิกประกันสุขภาพได้ 100% ทั้ง OPD/IPD และมีค่าตัดแว่นให้ 20,000 บาท ถ้าค่าสายตาเปลี่ยนระหว่างการทำงาน, และเบิกค่า ชอปปิ้งได้ปีละ 7,000 บาท

แต่ข้อเสียคือไม่มีโบนัส แต่เค้าบอกว่าการันตี เงินเดือนขึ้นต่อปี เยอะกว่าที่อื่น (ขึ้นปีละ 20-30% ตาม performance) จึงทำให้เลือกที่นี้ในที่สุด คิดถูกมากๆที่มาสายงานนี้ ดูมีอนาคต และต่อยอดได้อีก เพราะตลาดในไทยยังกว้าง เป็นที่ต้องการเยอะ

- ตำแหน่ง Junior UX/UI designer
- เงินเดือน 36,000
- อายุงาน 3 เดือน (เพิ่งผ่านโปร - เงินเดือนเท่าเดิม)

3. ข้อมูลการเลื่อนตำแหน่ง/ย้ายบริษัท/เปลี่ยนงาน (ปี ประเภทบริษัท ตำแหน่ง เงินเดือน โบนัส อายุงาน)
ตอบ:
- ย้ายจาก Sales & Digital Marketing (25k) 11 เดือน
- ปัจจุบัน UX/UI Designer (36k) 3 เดือน

*ไม่มีโบนัสทั้งคู่, ตำแหน่งเด็กจบใหม่ทั้งคู่
*บริษัทแรก ประเภทอุตสหกรรมการผลิต
*บริษัทสอง ประเภทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี

[ได้ offer มา 2 บริษัทจากที่สมัครไป 10 บริษัท ซึ่งเงินเดือนเท่ากัน แต่อีกบริษัทที่ผมไม่เอาเป็น start up บริษัทไทย ทำด้าน blockchain ซึ่งจริงๆน่าสนใจมากๆ แต่จากตอนสัมภาษณ์แล้วผมถาม รู้สึกว่า อาจจะมีงานนอกเหนือ เยอะทำให้งานหนักเกินไป ผมเลยเลือกอีกบริษัทที่ดูให้ความสำคัญกับ work life balance มาก]

4. ข้อมูลปัจจุบัน (อายุ / ปี ประเภทบริษัท ตำแหน่ง เงินเดือน โบนัส อายุงาน)
ตอบ:
- อายุ 24
- งานปัจจุบัน UX/UI designer
- เงินเดือน 36k
- อายุงาน 3 เดือน

5. การวางแผนในอนาคต (หากมี)
ตอบ:
- ทำงานหาประสบการณ์ด้าน UX/UI ต่อไปจนถึงระดับที่สามารถนำมาสร้างบริษัทตัวเองได้
- ตอนนี้กำลังทำ Startup project กับเพื่อน Dev อีกสองคน (Frontend 1, Backend 1) ซึ่ง product เป็น Ecommerce ด้านสายเขียว 🌱 อยู่ในช่วง ทำ mvp แรก เพื่อจะไป demo หา angel มาลงทุน
- ถ้าเกิด startup ที่ทำอยู่รุ่ง แล้วมีแววที่จะเติบโตก้าวกระโดด มีนักลงทุนมาลงเยอะ ก็อาจจะลาออกจากงานประจำ มาเอาจริงเอาจังเลย แต่คิดว่าน่าจะใช้เวลาอีกนาน เกิน 1 ปีแน่นอน เพราะคาดว่า product น่าจะเริ่มลงตัวในปีที่ 2 (scope ของฟีเจอร์ต่างๆค่อนข้างเยอะ มีทั้ง ฝั่งร้านค้า และลูกค้า ต้องใช้เวลาในการทำ research และพัฒนาไปเรื่อยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคต่อไป)
- เมื่อ ecommerce product เริ่มแน่นิ่ง หรือล้มไป ก็จะหา product ใหม่พัฒนาขึ้นมาอีก (ล้มแล้วต้องรีบลุก) เพราะเป้าหมายของผมคือ
- รวยเร็ว สบายเร็ว

ขอบคุณครับ 👍🏻 ใครสงสัยอะไร หรือต้องการแนวทางถามได้นะครับบ


พนักงานบริษัท
มนุษย์เงินเดือน
บริษัทไอที
นักพัฒณาซอฟท์แวร์ web application
นักพัฒณาซอฟท์แวร์ mobile application


ต่อครับ

ผ่านมา... อีกสองเดือนแล้ว ตอนนี้ผมทำงานเป็นเดือนที่ 5 ที่บริษัท intertional tech consultancy แห่งนึงครับ

ผมจะกลับมาแชร์อีกครั้ง หลังผ่าน probation มาอีกสองเดือน ว่าประสบการณ์ที่ได้เป็นยังไง และรู้สึกยังไงกับการทำงานตลอดระยะเวลา และการทำงานที่บริษัทนี้

สิ่งที่คาดหวัง อาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เจอ...

ผมทำงานได้ครบเป็นเดือนที่ 5 แล้วครับ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นจากคาดฝันไว้ก่อนที่จะได้เริ่มทำงานจริงๆ กับสิ่งที่ผมได้เห็นและเจอ ในชีวิตการทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันทำให้ผมเห็นว่า ก่อนหน้านี้ผมคิดไว้เยอะมาก ว่ามันต้องยาก และซับซ้อน จะทำยังไงให้ตามทันคนอื่น เพราะผมไม่ได้จบสาย design ตรง ผมจบจิตวิทยา (แต่หลักจิตวิทยาเป็นสิ่งหลักใน ux/ui designer) แต่พอเจอจริงๆ กลับเห็นอะไรหลายๆอย่างมากๆ เช่น ความรู้ ความสามารถแต่ละคนในที่ทำงาน ในสายอาชีพนี้ ไม่จำเป็นเลยต้องมีประสบการณ์ที่เยอะมากหลายสิบปี หรือต้องโปรไฟล์ดี เพราะจากที่ผมเห็น หลายคนโปรไฟล์ดี แต่กลับทำงานจริงๆไม่เป็น ตามไม่ทันเทรนของ ux design ทำให้ไม่โดดเด่นในทีม แล้วกลายเป็นเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถ มาเฉิดฉายได้อย่างง่ายๆ โดยไม่กดดันอะไร เพราะเรามีความรู้ที่เค้าไม่รู้ และอีกสิ่งนึงคือ โครงสร้าง และระบบการทำงานของแต่ละบริษัท เห็นได้ชัดเลยว่า บริษัทไหนดี บริษัทไหนเก่ง (ส่วนมากจะมีโครงสร้างที่แย่ ทำให้งานช้า แย่ และไม่เป็นระบบ เกิด turnover สูง ไม่ต้องบอกก็รู้เนอะ ว่าบริษัทไหน... ใบ้ให้นิดนึง ac.....)

ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้เรารู้ได้ว่า ความขยัน และความไวของสมอง เป็นส่วนหลัก ที่จะสามารถโชว์ให้คนอื่นเห็นได้ว่า เรามีความรู้แค่ไหน ไม่จำเป็นต้องการประสบการณ์ที่มากมาย เราเพียงที่จะต้องกล้าพูด กล้าเปลี่ยนแปลง เมื่อเห็นอะไรที่มันเน่าเฟะ

กลับมา... เวลาผ่านไปเร็วมาก ที่บริษัทมีการ review session กับพนักงงาน โดยจะให้ senior designers และ hr manager มารีวิวการทำงานให้เราฟังตลอดระยะเวลา และให้เรามองตัวเองย้อนหลังว่าเป็นยังไง และเค้าก็ถามถึงว่า ในอนาคตเราวางเป้าหมายในการเติบโตในที่ทำงานยังไง เพราะเค้าจะวาง career growth เป็นทางให้เรา โดยจะเสนอสิ่งที่เราอยากให้เกิด เช่นอย่างเก่งด้านนี้มากขึ้น เค้าก็จะพยายามโฟกัสสิ่งนั้น พลักดันเราให้เก่งด้านนั้นขึ้นเป็นพิเศษ โดยทั้งหมดนี้ เป็นงาน internal ภายในบริษัท ที่จะช่วยเหลือกันเพื่อการเติมโตของพนักงาน และบริษัท ซึ่งโปรเจคนี้ จะเป็นโปรเจคระยะยาวของ senior team ที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง เพื่อความก้าวหน้าของทีม เพราะบริษัทเค้ามองว่า สภาพแวดล้อมดี พนักงานเก่งและเติมโต การทำงานที่เป็นระบบช่วยเหลือกัน จะทำให้ทุกด้านในองกรค์เติมโตไปพร้อมๆกันอย่างสมบูรณ์แบบ

สรุปก็คือ ชอบบริษัทนี้มาก ทุกอย่างดี เติมโตได้ มีคนพร้อมช่วยเหลือ ไม่มีบาดหมางกันภายในบริษัท เนื่องจากเป็น flat organization หมายความว่า ทุกคนเท่าเทียม มีสิทธิ์ที่จะพูด และทุกครั้งที่มีปัญหา ต้องเคลียร์ใจให้จบ ให้ไวที่สุด เพื่อลดความตรึงเครียดของบริษัท ซึ่งตรงนี้ ทาง senior team กับ hr จะคอยมอนิเตอร์อยู่ตลอด ว่าถ่าเกิด conflict ต้องรีบแก้ให้จบโดยหาผลสรุปตรงกลางเพื่อลดความลำเอียง

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอด ระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งแฮปปี้มากๆครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่