อายุ 29 ติดกับดัก Comfort zone ในที่ทำงาน

สวัสดีค่ะ อยากขอคำแนะนำในการตัดสินใจที่จะ ย้ายงาน หรืออยู่ต่อค่ะ

ปีนี้อายุ 29 ปี ทำงานตำแหน่ง Account Executive ในเอเจนซี่แห่งหนึ่ง

ข้อดี:
- เจ้านายดีมากๆ ไม่ Toxic (ก่อนได้งานนี้เจอแต่หัวหน้าไม่โอเค และเนื้องานไม่ดีมาหลายที่)
- บรรยากาศภายในทีมดีมาก ทำให้ไม่คิดลบหรือเครียดแม้จะงานหนัก
- ตัวงานถือว่าไม่ overload เท่าทีมอื่นในแวดวงนี้ ทำให้ Mental Health ค่อนข้างดี (งานก่อนๆมีเวลานอน 4-5ชม. และต้องพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาการนอนหลับ)
- work from anywhere ต่างประเทศก็ได้ หัวหน้าไม่ว่า ขอแค่งานเสร็จและ Hit Target
- ปีที่ผ่านมาทำงานครบ 1 ปี เจ้านายเพิ่มเงินเดือนให้โอเค

ข้อเสีย:
- ไม่มี career path ในทีมนี้
- อายุ 29 แต่ก็ยังเป็นแค่ Account Executive อยู่เลยค่ะ (กังวลว่าอนาคตหากไปทำงานที่อื่นจะถูกลดทอน benefit หรือเติบโตช้า)
- งานค่อนข้าง Routine ถึงจะได้ฝึก Soft Skills แต่ขาดแคลน Hard Skills มาก กังวลว่าจะปรับตัวไม่ทันสำหรับเทรนด์ในอนาคต
- ปีนี้ อาจไม่ได้ขึ้นเงินเดือน เนื่องจากได้ปรับปีที่แล้วไปแล้ว

โดยรวมแล้วความกังวลคือ การย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้เติบโตในสายงาน แต่เพราะยังติด Comfort Zone ไม่เคยเจอ และกังวลว่าที่ทำงานใหม่จะกลับไปแย่เหมือนงานแรกๆจนทำให้ Mental Health กลับมามีปัญหาอีก

อีกเรื่องที่รอดูอยู่คือ ในปีนี้มีความ Challenge มากขึ้น คาดหวังว่าอยากจะให้มีการโปรโมทตำแหน่งบ้าง

ทั้งนี้ อยากขอความคิดเห็น หรือวิสัยทัศน์จากทุกๆคนที่เคยตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เพื่อให้มีสติในการตัดสินใจและไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกค่ะ

ยินดีรับฟังความเห็นทุกๆท่านนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ


** ขออัพเดทหลังจากผ่านไป 2 ปีเผื่อใครเจอปัญหาเดียวกันแล้วเจอกระทู้นี้นะคะ

วันนั้นตัดสินใจลาออกมาแล้วพร้อมกับงานใหม่ที่ยังอยู่ในสายงานเดิม เติบโตขึ้นและยังไม่ต้องพบจิตแพทย์ค่ะ

สิ่งที่คิดว่าเป็น comfort zone วันนั้นไม่มีอยู่จริงและความมั่นคงที่หลายคนแนะนำมาก็ไม่มีจริงในสายอาชีพนี้ อย่างแรกคือถ้าไม่เก่งก็อยู่ไม่รอดในตลาดแรงงาน ไม่มีใครมาจ้างคุณ 10-30 ปีโดยที่ไม่เก่งขึ้นหรือมีความรู้สดใหม่ และในวันนั้นอย่างที่บอกไปว่าตัว JD ไม่ได้มีโอกาสพัฒนาด้าน Hard Skills เท่าไหร่ มองย้อนกลับไปแล้วเป็นปัญหาจริงๆค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกๆท่านที่ทำให้ทราบว่าตนเองไม่พอใจที่จะอยู่เพียงระดับนี้ ตอนนี้รายได้เพิ่ม 2 เท่าจาก 2 ปีที่แล้ว และเราจะยังไม่หยุดเท่านี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมเคยบ้างาน ไต่เต้า career path ไปถึงระดับ middle management เกือบ ๆ top management

ทำไปถึงจุดนึงกลับค้นพบว่า จริง ๆ แล้วชีวิตเราต้องการแบบนั้นจริง ๆ หรอ ทำงานจนสุขภาพเละเทะ

ทุกวันนี้อายุ 38 คนพบว่า งานที่ทำแล้วมีความสุข คืองานที่ได้ใช้ความสามารถเราเต็มที่ ใช้ความเก๋า ประสบการณ์สร้างคุณค่ากับ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า

มีโอกาส และ เวลา ที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรก็ได้ที่อยากเรียนรู้ และ มีเพื่อนร่วมงาน/เจ้านาย ที่ช่วยไกด์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้

มีตังค์ใช้ มีตังเหลือเก็บ

ส่วนเรื่อง challenge หรือไม่อยู่ที่เราครับ

ถ้ารู้สึกชีวิตนิ่ง ๆ ก็ค่อยหาเรื่อง challenge ไป ทำจนสิ่งที่ใัน challenge เรากลายเป็นเฉย ๆ ค่อยไปหาเรื่อง challenge ใหม่ ไม่จำเป็นต้อง challenge ตลอดเวลา
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่แปลก ถ้า comfort zone นั้นคุณอยู่ได้โดยไม่ลำบาก มีความสุข เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ก็ทำไป ไอ้ความก้าวหน้ามันไม่ดีเสมอไปเพราะหมายถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วย ตราบใดที่ยังได้เงินเพิ่มนั่นโอเคแล้วครับ จะทำตำแหน่งเดิมก็ช่างปะไร ดีเสียอีกไม่ต้องรับผิดชอบมาก

อย่าไปฟังพวกกระแสหรือใครที่โค้ชให้ออกจาก comfort zone หรือชี้ว่าไม่ดี ยังงั้นยังงี้เพราะสุดท้ายคนพวกนั้นไม่ได้รู้จักเราแล้วชีวิตเป็นของเรา เรามีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีและมีความสุขที่สุด โดยพื้นฐานว่าเราไม่ได้ขอใครกิน นั่นก็ใช้ได้แล้ว
ความคิดเห็นที่ 5
ต่อให้ออกจากงานเพื่อหา career path ไปต่อได้เพื่อผลประโยชน์ แต่สุดท้ายทุกคนมันจะเจอคำถามคล้ายๆกัน

พอใจกับตำแหน่ง และ เงินเดือน ณ ปัจจุบันหรือยัง พอใจคุณภาพชีวิตในปัจจุบันหรือยัง ที่จะทำให้เราโอเครไม่ซีเรียสแล้วพอใจที่ตรงนี้ ก็ทำงานแค่นี้ ณ จุดปัจจุบันไปเรื่อยๆ เป็นเพียงสเปเชียลและหยุดแค่จุดนี้ เป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัทให้น้องใหม่ ที่หัวหน้าและองค์กรณ์โอเคร ต่อให้คุณดูอายุเยอะแต่คุณก็ยังเหมาะกับงานอยู่ และ ยังคงเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพมีประโยชน์กับบริษัทต่อไปได้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นแค่คนที่มาทำงานตอกบัตรแล้วจบจนหมดแรงตายจากไป

เพราะยังไงบริษัทก็ต้องการคนเก่งๆ ไม่ได้เอามาไว้เพื่อทำงานจบๆ แต่ต้องการคนนั่งตำแหน่งเทรนแล้วคอยคุมบังเหียนให้มันนิ่งเสมอตลอดไปเรื่อยๆครับ

ไม่งั้นมันจะมีคนนั่งเก้าอี้หัวหน้าหรือตำแหน่งหนึ่งในบริษัทลากยาวถึง 10-30 ปีได้ไงครับ เพราะเขาก็มองว่ามันตันเขาก็แค่ผันตัวมาทำอะไรแบบเนี้ยกันหมดเลยในบริษัทใหญ่ๆมั่นคงๆ ที่ทำด้วยกันได้ยาวๆ ไม่ได้อัพเงินเดือนแล้วก็มีแต่ได้ผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นแทน ก็มาเป็นเหมือนพี่หัวหน้าเก่งๆนิสัยดีๆ อยู่ยาวๆสอนน้องๆนี่หละ ทั้งๆที่เขาจะขึ้นไปนั่งบอร์ดบริหารเลยก็ได้ถ้าใจถึง

ไม่งั้นคุณลองคิดดูดิ คนเก่าออกคนใหม่เข้า ตลอด ๆ ๆ ๆ จน มันต้องเทรนงานใหม่เสมอๆ คนเทรนก็ไม่มี คนที่เทรนเสร็จก็จะไป ปัญหาจะจบที่เมื่อไหล่ ยังไงพอถึงจุดอิ่มทางตำแหน่ง คุณก็จะเป็นได้อีกอย่างคือ เป็นคนที่คอยทำให้บริษัทมันคงที่ในด้านนี้หละมาเป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัท

ยังไงทุกตำแหน่งงานมีจุดตันเหมือนกันหมดครับ บางคนไปไม่ถึงก่อนจะแก่ตัวก็มีเลยตอบไม่ได้ บางคนถึงไวก็อิ่มตัวก่อน แต่ก็ไปไหนไม่ได้ก็จะต้องมาตอบคำถามนี้เหมือนกัน

คุณคิดว่าไงอะมันเป็นคำถามที่คุณต้องตอบเองว่า คุณอยากไปต่อ หรือ พอใจแค่นี้

ถ้าพอใจคุณก็แค่ต้องให้หัวหน้าช่วยคุยว่า เนี้ยหนูว่าอยากไปเวย์นี้เพื่ออยู่บริษัทยาวๆ ถ้า ceo เข้าใจ หัวหน้าเข้าใจ มันก็จะไม่มีอะไรแค่ทำงานต่อไป 555 แต่เขาจะวางตัวคุณไว้ในแบบที่คุณขอ

แต่ถ้าไม่ก็แค่ลาออก หาที่ใหม่ที่มันดีกว่าในการทำอะไรยาวๆ

ส่วนอีกข้อนึงที่คุณต้องมองคือ ก่อนออกหรือบริษัทใหม่ที่จะไป บริษัทคุณใหญ่โตพอจะให้คุณทำตัวแบบนี้ได้หรือเปล่า บางทีบริษัทเล็กๆใหม่ๆก็ชอบคนมีไฟชอบให้ออกเมื่อถึงวัยเงี้ย ยิ่งเป็นเอเจนซี่คุณก็น่าจะเข้าใจ หน้าใหม่มาบ่อย หน้าเก่าก็หมดไฟ หมดไอเดีย เขาก็ต้องการคนที่สดใหม่เสมอๆ มันเลยไม่เหมาะกับการนั่งจุ่มยาวๆไหม ไรงี้

พ่อผมทำงานที่เดิมมา 20 ปี จนจะ 60 ยังไม่รู้จะยังไงเลยครับ เขาก็มองว่ายังมีไฟทำงานใช้ได้อยู่ คนใหม่ก็ไม่มีใจถึงกล้าทำ งานก็มีแค่ให้ดูแลจัดการมากกว่าลุยงานเขียนงานเอง แค่ดูและสั่ง ประชุมรายงานผล เสนอไอเดีย แค่นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่