สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมเคยบ้างาน ไต่เต้า career path ไปถึงระดับ middle management เกือบ ๆ top management
ทำไปถึงจุดนึงกลับค้นพบว่า จริง ๆ แล้วชีวิตเราต้องการแบบนั้นจริง ๆ หรอ ทำงานจนสุขภาพเละเทะ
ทุกวันนี้อายุ 38 คนพบว่า งานที่ทำแล้วมีความสุข คืองานที่ได้ใช้ความสามารถเราเต็มที่ ใช้ความเก๋า ประสบการณ์สร้างคุณค่ากับ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า
มีโอกาส และ เวลา ที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรก็ได้ที่อยากเรียนรู้ และ มีเพื่อนร่วมงาน/เจ้านาย ที่ช่วยไกด์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้
มีตังค์ใช้ มีตังเหลือเก็บ
ส่วนเรื่อง challenge หรือไม่อยู่ที่เราครับ
ถ้ารู้สึกชีวิตนิ่ง ๆ ก็ค่อยหาเรื่อง challenge ไป ทำจนสิ่งที่ใัน challenge เรากลายเป็นเฉย ๆ ค่อยไปหาเรื่อง challenge ใหม่ ไม่จำเป็นต้อง challenge ตลอดเวลา
ทำไปถึงจุดนึงกลับค้นพบว่า จริง ๆ แล้วชีวิตเราต้องการแบบนั้นจริง ๆ หรอ ทำงานจนสุขภาพเละเทะ
ทุกวันนี้อายุ 38 คนพบว่า งานที่ทำแล้วมีความสุข คืองานที่ได้ใช้ความสามารถเราเต็มที่ ใช้ความเก๋า ประสบการณ์สร้างคุณค่ากับ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า
มีโอกาส และ เวลา ที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรก็ได้ที่อยากเรียนรู้ และ มีเพื่อนร่วมงาน/เจ้านาย ที่ช่วยไกด์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้
มีตังค์ใช้ มีตังเหลือเก็บ
ส่วนเรื่อง challenge หรือไม่อยู่ที่เราครับ
ถ้ารู้สึกชีวิตนิ่ง ๆ ก็ค่อยหาเรื่อง challenge ไป ทำจนสิ่งที่ใัน challenge เรากลายเป็นเฉย ๆ ค่อยไปหาเรื่อง challenge ใหม่ ไม่จำเป็นต้อง challenge ตลอดเวลา
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่แปลก ถ้า comfort zone นั้นคุณอยู่ได้โดยไม่ลำบาก มีความสุข เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ก็ทำไป ไอ้ความก้าวหน้ามันไม่ดีเสมอไปเพราะหมายถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วย ตราบใดที่ยังได้เงินเพิ่มนั่นโอเคแล้วครับ จะทำตำแหน่งเดิมก็ช่างปะไร ดีเสียอีกไม่ต้องรับผิดชอบมาก
อย่าไปฟังพวกกระแสหรือใครที่โค้ชให้ออกจาก comfort zone หรือชี้ว่าไม่ดี ยังงั้นยังงี้เพราะสุดท้ายคนพวกนั้นไม่ได้รู้จักเราแล้วชีวิตเป็นของเรา เรามีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีและมีความสุขที่สุด โดยพื้นฐานว่าเราไม่ได้ขอใครกิน นั่นก็ใช้ได้แล้ว
อย่าไปฟังพวกกระแสหรือใครที่โค้ชให้ออกจาก comfort zone หรือชี้ว่าไม่ดี ยังงั้นยังงี้เพราะสุดท้ายคนพวกนั้นไม่ได้รู้จักเราแล้วชีวิตเป็นของเรา เรามีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีและมีความสุขที่สุด โดยพื้นฐานว่าเราไม่ได้ขอใครกิน นั่นก็ใช้ได้แล้ว
ความคิดเห็นที่ 5
ต่อให้ออกจากงานเพื่อหา career path ไปต่อได้เพื่อผลประโยชน์ แต่สุดท้ายทุกคนมันจะเจอคำถามคล้ายๆกัน
พอใจกับตำแหน่ง และ เงินเดือน ณ ปัจจุบันหรือยัง พอใจคุณภาพชีวิตในปัจจุบันหรือยัง ที่จะทำให้เราโอเครไม่ซีเรียสแล้วพอใจที่ตรงนี้ ก็ทำงานแค่นี้ ณ จุดปัจจุบันไปเรื่อยๆ เป็นเพียงสเปเชียลและหยุดแค่จุดนี้ เป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัทให้น้องใหม่ ที่หัวหน้าและองค์กรณ์โอเคร ต่อให้คุณดูอายุเยอะแต่คุณก็ยังเหมาะกับงานอยู่ และ ยังคงเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพมีประโยชน์กับบริษัทต่อไปได้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นแค่คนที่มาทำงานตอกบัตรแล้วจบจนหมดแรงตายจากไป
เพราะยังไงบริษัทก็ต้องการคนเก่งๆ ไม่ได้เอามาไว้เพื่อทำงานจบๆ แต่ต้องการคนนั่งตำแหน่งเทรนแล้วคอยคุมบังเหียนให้มันนิ่งเสมอตลอดไปเรื่อยๆครับ
ไม่งั้นมันจะมีคนนั่งเก้าอี้หัวหน้าหรือตำแหน่งหนึ่งในบริษัทลากยาวถึง 10-30 ปีได้ไงครับ เพราะเขาก็มองว่ามันตันเขาก็แค่ผันตัวมาทำอะไรแบบเนี้ยกันหมดเลยในบริษัทใหญ่ๆมั่นคงๆ ที่ทำด้วยกันได้ยาวๆ ไม่ได้อัพเงินเดือนแล้วก็มีแต่ได้ผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นแทน ก็มาเป็นเหมือนพี่หัวหน้าเก่งๆนิสัยดีๆ อยู่ยาวๆสอนน้องๆนี่หละ ทั้งๆที่เขาจะขึ้นไปนั่งบอร์ดบริหารเลยก็ได้ถ้าใจถึง
ไม่งั้นคุณลองคิดดูดิ คนเก่าออกคนใหม่เข้า ตลอด ๆ ๆ ๆ จน มันต้องเทรนงานใหม่เสมอๆ คนเทรนก็ไม่มี คนที่เทรนเสร็จก็จะไป ปัญหาจะจบที่เมื่อไหล่ ยังไงพอถึงจุดอิ่มทางตำแหน่ง คุณก็จะเป็นได้อีกอย่างคือ เป็นคนที่คอยทำให้บริษัทมันคงที่ในด้านนี้หละมาเป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัท
ยังไงทุกตำแหน่งงานมีจุดตันเหมือนกันหมดครับ บางคนไปไม่ถึงก่อนจะแก่ตัวก็มีเลยตอบไม่ได้ บางคนถึงไวก็อิ่มตัวก่อน แต่ก็ไปไหนไม่ได้ก็จะต้องมาตอบคำถามนี้เหมือนกัน
คุณคิดว่าไงอะมันเป็นคำถามที่คุณต้องตอบเองว่า คุณอยากไปต่อ หรือ พอใจแค่นี้
ถ้าพอใจคุณก็แค่ต้องให้หัวหน้าช่วยคุยว่า เนี้ยหนูว่าอยากไปเวย์นี้เพื่ออยู่บริษัทยาวๆ ถ้า ceo เข้าใจ หัวหน้าเข้าใจ มันก็จะไม่มีอะไรแค่ทำงานต่อไป 555 แต่เขาจะวางตัวคุณไว้ในแบบที่คุณขอ
แต่ถ้าไม่ก็แค่ลาออก หาที่ใหม่ที่มันดีกว่าในการทำอะไรยาวๆ
ส่วนอีกข้อนึงที่คุณต้องมองคือ ก่อนออกหรือบริษัทใหม่ที่จะไป บริษัทคุณใหญ่โตพอจะให้คุณทำตัวแบบนี้ได้หรือเปล่า บางทีบริษัทเล็กๆใหม่ๆก็ชอบคนมีไฟชอบให้ออกเมื่อถึงวัยเงี้ย ยิ่งเป็นเอเจนซี่คุณก็น่าจะเข้าใจ หน้าใหม่มาบ่อย หน้าเก่าก็หมดไฟ หมดไอเดีย เขาก็ต้องการคนที่สดใหม่เสมอๆ มันเลยไม่เหมาะกับการนั่งจุ่มยาวๆไหม ไรงี้
พ่อผมทำงานที่เดิมมา 20 ปี จนจะ 60 ยังไม่รู้จะยังไงเลยครับ เขาก็มองว่ายังมีไฟทำงานใช้ได้อยู่ คนใหม่ก็ไม่มีใจถึงกล้าทำ งานก็มีแค่ให้ดูแลจัดการมากกว่าลุยงานเขียนงานเอง แค่ดูและสั่ง ประชุมรายงานผล เสนอไอเดีย แค่นั้นเอง
พอใจกับตำแหน่ง และ เงินเดือน ณ ปัจจุบันหรือยัง พอใจคุณภาพชีวิตในปัจจุบันหรือยัง ที่จะทำให้เราโอเครไม่ซีเรียสแล้วพอใจที่ตรงนี้ ก็ทำงานแค่นี้ ณ จุดปัจจุบันไปเรื่อยๆ เป็นเพียงสเปเชียลและหยุดแค่จุดนี้ เป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัทให้น้องใหม่ ที่หัวหน้าและองค์กรณ์โอเคร ต่อให้คุณดูอายุเยอะแต่คุณก็ยังเหมาะกับงานอยู่ และ ยังคงเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพมีประโยชน์กับบริษัทต่อไปได้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นแค่คนที่มาทำงานตอกบัตรแล้วจบจนหมดแรงตายจากไป
เพราะยังไงบริษัทก็ต้องการคนเก่งๆ ไม่ได้เอามาไว้เพื่อทำงานจบๆ แต่ต้องการคนนั่งตำแหน่งเทรนแล้วคอยคุมบังเหียนให้มันนิ่งเสมอตลอดไปเรื่อยๆครับ
ไม่งั้นมันจะมีคนนั่งเก้าอี้หัวหน้าหรือตำแหน่งหนึ่งในบริษัทลากยาวถึง 10-30 ปีได้ไงครับ เพราะเขาก็มองว่ามันตันเขาก็แค่ผันตัวมาทำอะไรแบบเนี้ยกันหมดเลยในบริษัทใหญ่ๆมั่นคงๆ ที่ทำด้วยกันได้ยาวๆ ไม่ได้อัพเงินเดือนแล้วก็มีแต่ได้ผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นแทน ก็มาเป็นเหมือนพี่หัวหน้าเก่งๆนิสัยดีๆ อยู่ยาวๆสอนน้องๆนี่หละ ทั้งๆที่เขาจะขึ้นไปนั่งบอร์ดบริหารเลยก็ได้ถ้าใจถึง
ไม่งั้นคุณลองคิดดูดิ คนเก่าออกคนใหม่เข้า ตลอด ๆ ๆ ๆ จน มันต้องเทรนงานใหม่เสมอๆ คนเทรนก็ไม่มี คนที่เทรนเสร็จก็จะไป ปัญหาจะจบที่เมื่อไหล่ ยังไงพอถึงจุดอิ่มทางตำแหน่ง คุณก็จะเป็นได้อีกอย่างคือ เป็นคนที่คอยทำให้บริษัทมันคงที่ในด้านนี้หละมาเป็นเทรนเนอร์ประจำบริษัท
ยังไงทุกตำแหน่งงานมีจุดตันเหมือนกันหมดครับ บางคนไปไม่ถึงก่อนจะแก่ตัวก็มีเลยตอบไม่ได้ บางคนถึงไวก็อิ่มตัวก่อน แต่ก็ไปไหนไม่ได้ก็จะต้องมาตอบคำถามนี้เหมือนกัน
คุณคิดว่าไงอะมันเป็นคำถามที่คุณต้องตอบเองว่า คุณอยากไปต่อ หรือ พอใจแค่นี้
ถ้าพอใจคุณก็แค่ต้องให้หัวหน้าช่วยคุยว่า เนี้ยหนูว่าอยากไปเวย์นี้เพื่ออยู่บริษัทยาวๆ ถ้า ceo เข้าใจ หัวหน้าเข้าใจ มันก็จะไม่มีอะไรแค่ทำงานต่อไป 555 แต่เขาจะวางตัวคุณไว้ในแบบที่คุณขอ
แต่ถ้าไม่ก็แค่ลาออก หาที่ใหม่ที่มันดีกว่าในการทำอะไรยาวๆ
ส่วนอีกข้อนึงที่คุณต้องมองคือ ก่อนออกหรือบริษัทใหม่ที่จะไป บริษัทคุณใหญ่โตพอจะให้คุณทำตัวแบบนี้ได้หรือเปล่า บางทีบริษัทเล็กๆใหม่ๆก็ชอบคนมีไฟชอบให้ออกเมื่อถึงวัยเงี้ย ยิ่งเป็นเอเจนซี่คุณก็น่าจะเข้าใจ หน้าใหม่มาบ่อย หน้าเก่าก็หมดไฟ หมดไอเดีย เขาก็ต้องการคนที่สดใหม่เสมอๆ มันเลยไม่เหมาะกับการนั่งจุ่มยาวๆไหม ไรงี้
พ่อผมทำงานที่เดิมมา 20 ปี จนจะ 60 ยังไม่รู้จะยังไงเลยครับ เขาก็มองว่ายังมีไฟทำงานใช้ได้อยู่ คนใหม่ก็ไม่มีใจถึงกล้าทำ งานก็มีแค่ให้ดูแลจัดการมากกว่าลุยงานเขียนงานเอง แค่ดูและสั่ง ประชุมรายงานผล เสนอไอเดีย แค่นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
อายุ 29 ติดกับดัก Comfort zone ในที่ทำงาน
ปีนี้อายุ 29 ปี ทำงานตำแหน่ง Account Executive ในเอเจนซี่แห่งหนึ่ง
ข้อดี:
- เจ้านายดีมากๆ ไม่ Toxic (ก่อนได้งานนี้เจอแต่หัวหน้าไม่โอเค และเนื้องานไม่ดีมาหลายที่)
- บรรยากาศภายในทีมดีมาก ทำให้ไม่คิดลบหรือเครียดแม้จะงานหนัก
- ตัวงานถือว่าไม่ overload เท่าทีมอื่นในแวดวงนี้ ทำให้ Mental Health ค่อนข้างดี (งานก่อนๆมีเวลานอน 4-5ชม. และต้องพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาการนอนหลับ)
- work from anywhere ต่างประเทศก็ได้ หัวหน้าไม่ว่า ขอแค่งานเสร็จและ Hit Target
- ปีที่ผ่านมาทำงานครบ 1 ปี เจ้านายเพิ่มเงินเดือนให้โอเค
ข้อเสีย:
- ไม่มี career path ในทีมนี้
- อายุ 29 แต่ก็ยังเป็นแค่ Account Executive อยู่เลยค่ะ (กังวลว่าอนาคตหากไปทำงานที่อื่นจะถูกลดทอน benefit หรือเติบโตช้า)
- งานค่อนข้าง Routine ถึงจะได้ฝึก Soft Skills แต่ขาดแคลน Hard Skills มาก กังวลว่าจะปรับตัวไม่ทันสำหรับเทรนด์ในอนาคต
- ปีนี้ อาจไม่ได้ขึ้นเงินเดือน เนื่องจากได้ปรับปีที่แล้วไปแล้ว
โดยรวมแล้วความกังวลคือ การย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้เติบโตในสายงาน แต่เพราะยังติด Comfort Zone ไม่เคยเจอ และกังวลว่าที่ทำงานใหม่จะกลับไปแย่เหมือนงานแรกๆจนทำให้ Mental Health กลับมามีปัญหาอีก
อีกเรื่องที่รอดูอยู่คือ ในปีนี้มีความ Challenge มากขึ้น คาดหวังว่าอยากจะให้มีการโปรโมทตำแหน่งบ้าง
ทั้งนี้ อยากขอความคิดเห็น หรือวิสัยทัศน์จากทุกๆคนที่เคยตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เพื่อให้มีสติในการตัดสินใจและไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกค่ะ
ยินดีรับฟังความเห็นทุกๆท่านนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
** ขออัพเดทหลังจากผ่านไป 2 ปีเผื่อใครเจอปัญหาเดียวกันแล้วเจอกระทู้นี้นะคะ
วันนั้นตัดสินใจลาออกมาแล้วพร้อมกับงานใหม่ที่ยังอยู่ในสายงานเดิม เติบโตขึ้นและยังไม่ต้องพบจิตแพทย์ค่ะ
สิ่งที่คิดว่าเป็น comfort zone วันนั้นไม่มีอยู่จริงและความมั่นคงที่หลายคนแนะนำมาก็ไม่มีจริงในสายอาชีพนี้ อย่างแรกคือถ้าไม่เก่งก็อยู่ไม่รอดในตลาดแรงงาน ไม่มีใครมาจ้างคุณ 10-30 ปีโดยที่ไม่เก่งขึ้นหรือมีความรู้สดใหม่ และในวันนั้นอย่างที่บอกไปว่าตัว JD ไม่ได้มีโอกาสพัฒนาด้าน Hard Skills เท่าไหร่ มองย้อนกลับไปแล้วเป็นปัญหาจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกๆท่านที่ทำให้ทราบว่าตนเองไม่พอใจที่จะอยู่เพียงระดับนี้ ตอนนี้รายได้เพิ่ม 2 เท่าจาก 2 ปีที่แล้ว และเราจะยังไม่หยุดเท่านี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ