เปิดใจผู้ป่วยกินน้ำมันกัญชา รักษาโรคมะเร็งจนหาย

หลังไทยปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด และเปิดให้ประชาชนปลูก เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาสุขภาพแต่กลับเห็นข่าวเชิงลบหลายครั้ง ล่าสุดมีเรื่องราวเชิงบวกเช่นกัน

ทีมข่าวพีพีทีวีได้พูดคุยกับ น.ส.จีราวรรณ กมลทินเวทย์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ใช้กัญชารักษาอาการจนหาย ระบุว่า ในช่วงที่อยู่ประเทศอิตาลี เดือนกันยายน 2560 เธอตรวจเจอโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม หรือ ระยะที่ 3 ไป 4 จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและให้คีโมเข็มแรก ช่วงเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน หลังจากนั้นเธอก็ได้หาข้อมูลการรักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพร ก่อนพบข้อมูลการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคมะเร็ง

จึงให้เพื่อนที่ประเทศไทยส่งน้ำมันกัญชาให้ใช้ ควบคู่ไปกับการรักษาและผ่าตัดชิ้นเนื้อร้าย โดยไม่ใช้วิธีฉายแสงช่วย ผ่านไปเพียงหนึ่งปีเธอหายจากการเป็นมะเร็ง และตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อให้ความรู้การใช้กัญชา ช่วยผู้ป่วยคนอื่นๆ ต่อ เธอบอกว่าเห็นด้วยกับการเปิดให้กัญชาเสรี มองว่ายาแผนปัจจุบันหากกินจำนวนมากจะสะสมในร่างกายจนเกิดสารตกค้างซึ่งเป็นผลเสียในอนาคต ไม่เหมือนกัญชาจากธรรมชาติ

ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เคยชูนโยบายเรื่องกัญชา บอกว่า การเปิดให้กัญชาเสรี วันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีประโยชน์กับผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์มากกว่าเดิม เพราะสามารถปลูก แปรรูปและใช้รักษาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง

ส่วนความกังวลเรื่องการนำกัญชามาใช้แล้วเกิดโทษนั้น ต้องมีการควบคุม และให้ความรู้ เรื่องการใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันมีคนบางกลุ่มที่พยายามให้กัญชากลับไปอยู่ในพ.ร.บ.ยาเสพติด หรือให้ควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยปี 2542 มาตรา 46 ที่ห้ามไม่ให้มีการวิจัย จำหน่าย แปรรูปในทางการค้า และต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งหากมีการใช้มาตรานี้จริง มองว่ากลุ่มชาวบ้าน ผู้ค้ารายเล็กๆ อาจไม่ได้รับอนุญาตและท้ายที่สุดเหมือนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น

หากจะมีการควบคุมกัญชา สามารถทำได้ เช่นจำกัดอายุผู้ซื้อ ไม่สูบในพื้นที่สาธารณะที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือให้ความรู้เรื่องการใช้ที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังมองว่า กัญชามีประโยชน์มากกว่าเหล้าหรือบุหรี่ด้วยซ้ำ เพราะมีประโยชน์ทางการแพทย์ เพราะฉะนั้นไม่สมควรที่จะกลับไปอยู่ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ หรือควบคุมเกินเหตุจนชาวบ้านเข้าถึงได้ยาก

https://www.pptvhd36.com/health/news/1417
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่