ภาค 2 กับการ หาทางปฏิเสธคงามคุ้มครองทุกวิถีทางของ AXA ครับ ใครจะฝากผีฝากไข้ยาวๆ กับที่นี่ต้องคิดดีๆ (เพิ่มปรับเบี้ยขึ้นทั่วไทยไปเมื่อปลายปี)
ต้น เดือนกันยายนผมมีความรู้สึกว่าเมื่อยตาและแสงสว่างในตาลดลงประมาณ 20% เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุน ครั้งแรกที่ไปหมอไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรหมอเลยทำการสแกนตาถ่ายภาพตา และเจาะเลือดดูเพื่อตรวจสอบว่าขาดวิตามินเอแบบรุนแรงหรือไม่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 4000 บาทซึ่งเป็นค่าตรวจ 100% ไม่มีการให้ยาใดๆ
หลังจากนั้นก็ทราบว่าผมเป็นโรค CSC คือโรคจุดรับภาพตาบวมน้ำไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มองไม่ชัดและแสงสว่างน้อยลง จากทำการเคลม ซื้งคิดว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ เพราะไม่ได้สายตาสั้นยาว แต่ไม่สบายจริง พบว่า ไม่สามารถเคลมค่าวินิจฉัยการตรวจครั้งแรกได้ครบตามจำนวน เพราะว่าผู้วินิจฉัยของแอกซ่า (พยาบาล) มองว่าคุณหมอของโรงพยาบาลศิริราชสั่งให้มีการตรวจว่าขาดสารอาหารวิตามินเออย่างรุนแรงหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยการตรวจสอบเกินความจำเป็น
สิ่งที่อยากเล่าเพิ่มเติมคือ
- AXA ใช้พยาบาลของบริษัท ปฏิเสธการเคลม โดยอ่านจากกระดาษที่หมอเขียน โดยที่ไม่ต้องรู้รายละเอียด และมองว่าหมอตรวจสอบอาการเกินความจำเป็น
- AXA จะไม่ทำการสอบถามเพิ่มเติมกับคุณหมอเจ้าของไข้แต่อย่างไร ถ้าผู้เอาประกันอยากจะเคลมให้ผู้เอาประกันไปติดต่อหาคุณหมอและขอให้คุณหมอเขียนเอกสารมาเพิ่มเติมเพื่ออธิบายกลับมาที่แอกซ่าอีกครั้ง
เรื่องนี้ผมทำการอุทธรณ์ไป สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรอาจจะไม่ใช่ประเด็น แค่อยากเตือนเพื่อนๆ ว่าการที่เราทำประกันสุขภาพเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายทิ้งทุกปี มันจะมีประโยชน์ก็คือเราต้องฝากผีฝากไข้ในระยะยาว ไม่โดนบอกเลิกสัญญาในยามแก่ ไม่เบี้ยวเราในยามป่วย เพราะยิ่งแก่คุณจะยิ่งป่วย จะไปเปลี่ยนประกันในตอนนั้น ความคุ้มครองก็จะไม่ครอบคลุม เทาการทำประกันตอนที่ยังแข็งแรงครับ
ไม่แปลกที่จะมีเจ้าหน้าที่ขายมาไล่แก้ต่างบ้าง แต่ใครจะทำประกันก็คิดดีๆ ครับ ระวังน็อกมืดยามแก่
แนะนำสำหรับท่านที่อายุยังน้อย กำลังเลือกทำประกันอยู่ ขอแนะนำท่านสั้นๆ หนีไป !
https://pantip.com/topic/40140102
https://pantip.com/topic/40721664
กรุงไทย AXA ปฏิเสธการเคลม เพราะพยาบาล(AXA) มองว่าหมอที่ศิริราช รักษาเกินความจำเป็น
ต้น เดือนกันยายนผมมีความรู้สึกว่าเมื่อยตาและแสงสว่างในตาลดลงประมาณ 20% เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุน ครั้งแรกที่ไปหมอไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรหมอเลยทำการสแกนตาถ่ายภาพตา และเจาะเลือดดูเพื่อตรวจสอบว่าขาดวิตามินเอแบบรุนแรงหรือไม่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 4000 บาทซึ่งเป็นค่าตรวจ 100% ไม่มีการให้ยาใดๆ
หลังจากนั้นก็ทราบว่าผมเป็นโรค CSC คือโรคจุดรับภาพตาบวมน้ำไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มองไม่ชัดและแสงสว่างน้อยลง จากทำการเคลม ซื้งคิดว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ เพราะไม่ได้สายตาสั้นยาว แต่ไม่สบายจริง พบว่า ไม่สามารถเคลมค่าวินิจฉัยการตรวจครั้งแรกได้ครบตามจำนวน เพราะว่าผู้วินิจฉัยของแอกซ่า (พยาบาล) มองว่าคุณหมอของโรงพยาบาลศิริราชสั่งให้มีการตรวจว่าขาดสารอาหารวิตามินเออย่างรุนแรงหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยการตรวจสอบเกินความจำเป็น
สิ่งที่อยากเล่าเพิ่มเติมคือ
- AXA ใช้พยาบาลของบริษัท ปฏิเสธการเคลม โดยอ่านจากกระดาษที่หมอเขียน โดยที่ไม่ต้องรู้รายละเอียด และมองว่าหมอตรวจสอบอาการเกินความจำเป็น
- AXA จะไม่ทำการสอบถามเพิ่มเติมกับคุณหมอเจ้าของไข้แต่อย่างไร ถ้าผู้เอาประกันอยากจะเคลมให้ผู้เอาประกันไปติดต่อหาคุณหมอและขอให้คุณหมอเขียนเอกสารมาเพิ่มเติมเพื่ออธิบายกลับมาที่แอกซ่าอีกครั้ง
เรื่องนี้ผมทำการอุทธรณ์ไป สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรอาจจะไม่ใช่ประเด็น แค่อยากเตือนเพื่อนๆ ว่าการที่เราทำประกันสุขภาพเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายทิ้งทุกปี มันจะมีประโยชน์ก็คือเราต้องฝากผีฝากไข้ในระยะยาว ไม่โดนบอกเลิกสัญญาในยามแก่ ไม่เบี้ยวเราในยามป่วย เพราะยิ่งแก่คุณจะยิ่งป่วย จะไปเปลี่ยนประกันในตอนนั้น ความคุ้มครองก็จะไม่ครอบคลุม เทาการทำประกันตอนที่ยังแข็งแรงครับ
ไม่แปลกที่จะมีเจ้าหน้าที่ขายมาไล่แก้ต่างบ้าง แต่ใครจะทำประกันก็คิดดีๆ ครับ ระวังน็อกมืดยามแก่
แนะนำสำหรับท่านที่อายุยังน้อย กำลังเลือกทำประกันอยู่ ขอแนะนำท่านสั้นๆ หนีไป !
https://pantip.com/topic/40140102
https://pantip.com/topic/40721664