วันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวเกี่ยวกับ PM 2.5 ว่าปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในจังหวัดภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ กทม. ยกเว้นภาคใต้ หลังพบจุดความร้อน 1,200 จุดใน 15 จังหวัด
.
ประกอบกับมีหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิด PM 2.5 โดยในช่วงวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งฝุ่นจะลดลงในช่วงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ จะลดอยู่ในค่ามาตรฐาน โดยมาตรการรับมือกับ PM 2.5 ในส่วนของกรุงเทพมหานครดีมากกว่าการทำงานจากที่บ้าน หรือ WFH เพื่อลดการจราจร เข้มงวดกับการก่อสร้าง และการเผาในที่โล่ง
.
ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการ เพื่อลดการเผาและควบคุมจุดความร้อน สำหรับ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งสามารถหายใจเข้าไปได้ โดยฝุ่นปกติที่มีขนาดใหญ่จะติดอยู่ที่บริเวณหลอดลม แต่ฝุ่นที่มีขนาด 2.5 จะผ่านเข้าไปในปอด กระแสโลหิต และเข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งนอกจากระบบทางเดินหายใจ ยังส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
.
ในระยะสั้น ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองอุดตันและแตก ส่วนในระยะยาว ส่งผลกระทบต่อโรคทางหัวใจ การทำงานของไตเสื่อม โรคเบาหวา นและเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เมื่อมีอาการแสบตาหรือแสบจมูกอย่าใช้นิ้วขยี้ โดยให้รักษาตามอาการ
------------------------------
แหล่งข่าว
https://siamrath.co.th/n/419941
นายกสั่งจัดการ PM 2.5 ทั่วประเทศ!!!
.
ประกอบกับมีหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิด PM 2.5 โดยในช่วงวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งฝุ่นจะลดลงในช่วงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ จะลดอยู่ในค่ามาตรฐาน โดยมาตรการรับมือกับ PM 2.5 ในส่วนของกรุงเทพมหานครดีมากกว่าการทำงานจากที่บ้าน หรือ WFH เพื่อลดการจราจร เข้มงวดกับการก่อสร้าง และการเผาในที่โล่ง
.
ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการ เพื่อลดการเผาและควบคุมจุดความร้อน สำหรับ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งสามารถหายใจเข้าไปได้ โดยฝุ่นปกติที่มีขนาดใหญ่จะติดอยู่ที่บริเวณหลอดลม แต่ฝุ่นที่มีขนาด 2.5 จะผ่านเข้าไปในปอด กระแสโลหิต และเข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งนอกจากระบบทางเดินหายใจ ยังส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
.
ในระยะสั้น ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองอุดตันและแตก ส่วนในระยะยาว ส่งผลกระทบต่อโรคทางหัวใจ การทำงานของไตเสื่อม โรคเบาหวา นและเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เมื่อมีอาการแสบตาหรือแสบจมูกอย่าใช้นิ้วขยี้ โดยให้รักษาตามอาการ
------------------------------
แหล่งข่าว
https://siamrath.co.th/n/419941