รัฐบาลไม่ปฎิบัติตาม รธน. ตามมาตรา 68 71 77 ดังนั้น จึงหมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมือง

มาตราเหล่านี้ คือแนวนโยบายแห่งรัฐ รัฐพึงส่งเสริมและกระทำให้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อคนในสังคมและชาติ
มาตรา 68
รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร
รัฐพึงมีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำใด ๆ
รัฐพึงให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสมแก่ผู้ยากไร้หรือผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมตลอดถึงการจัดหาทนายความให้
 
มาตรา 71
รัฐพึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ส าคัญของสังคม จัดให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีจิตใจเข้มแข็ง รวมตลอดทั้งส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาให้ไปสู่ความเป็นเลิศและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
รัฐพึงส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพและความสามารถสูงขึ้น
รัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรีผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถด ารงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และคุ้มครองป้องกันมิให้บุคคลดังกล่าวถูกใช้ความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม รวมตลอดทั้งให้การบำบัด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ถูกกระทำการดังกล่าว
ในการจัดสรรงบประมาณ รัฐพึงคำนึงถึงความจ าเป็นและความต้องการที่แตกต่างกันของเพศ วัย และสภาพของบุคคล ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรม
 
มาตรา 77
รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่กำหนดโดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วยเพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็นพึงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐและระยะเวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน และพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง
ที่มา : http://wiki.ocsc.go.th/

แต่รัฐอยู่มา 4 ปี แล้ว แต่กลับละเลย ไม่ปฏิบัติ ทำให้เกิดความไม่เทียมในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ
กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป้นเสาหลักของบ้านเมืองสั่นคลอน ตำรวจรีดไถเงินต่างชาติส่งนาย จนเฮียชูต้องออกมาแฉทุกวัน
ไหนจะทุนจีนสีเทาที่อดีตประธาน ปปง. ลาออกเพราะถูกโยง หรือจะคนที่ทำผิดคดี มาตรา 112 หรือ 116 ต้องพิสูจน์ว่าผิดจริงก่อนจึงจำคุก

ทุกวันนี้บ้านเมืองวิปริตไปทุกวัน นักท่องเที่ยวหรือเวลาเราไปเที่ยว ตปท. เราต้องกลัวโจรหรือมิจฉาชีพมาทำมิดีมิร้าย
แต่ตอนนี้ นักท่องเที่ยวกลับต้องกลัวตำรวจแทน มันเกิดขึ้นแล้วครับ ยุคลุงตู่ ที่เสาหลักบ้านเมืองเอนเอียงมากขนาดนี้
คนที่ควรจะได้รับความยุติธรรมกลับไม่ได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

ในคลิป สส.สุทิน พูดได้ดีมากครับ รักสงบจบที่ลุงตู่ ลุงตู่ทำให้บ้านเมืองสงบโดยเขียน รธน. 60 มาตรา 53 มาครอบไว้(มาตรา 53
รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด) ใน รธน. ปีอื่นๆจะไม่เขียนลักษณะนี้ไว้ในหน้าที่ของรัฐ แต่จะเขียนไว้ในสิทธิและหน้าที่ของประชาชนเท่านั้น
ซึ่งการเขียนทำนองนี้เป้นการทำให้บ้านเมืองสงบโดยการกดไว้ มิได้เกิดจากการบริหารที่เท่าเทียมหรือเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ความสงบที่ได้นั้น คือความสงบราบคาบ ไม่ใช่ความสงบเรียบร้อย เพราะเกิดจากการเอาปืน เอาอำนาจมากดไว้นั่นเอง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่